บทที่ 4
เขาขับรถแท็กซี่วนเข้าไปในซอยที่เอ่ยถึง จนกระทั่งถึงทางตันซึ่งเป็นจุดกลับรถพอดี
ทอรุ้งมองเห็นซุ้มแบบลายไทยประดิษฐ์ทำจากเหล็กดัดที่ตรงหน้าประตูบ้านโดดเด่นกว่าหลังไหน ๆ และเจ้าของทาสีบ้านเป็นสีเทาดำทะมึน ความแปลกตาทำให้ทอรุ้งจ้องมอง เธอเห็นป้ายบ้านเลขที่บ้านฉลุบนแผ่นเหล็กแปะไว้ตรงกลางประตูรั้ว เธอจึงชี้ให้คนขับรถดู
"พี่คะ พี่คะ จอด ๆ พี่ บ้านหลังนี้แหละค่ะ ใช่แล้ว"
คนขับรถชะลอ ก่อนจะจอดสนิทเลยประตูบ้านไปนิดหนึ่ง ทอรุ้งดูตัวเลขที่บอกราคา เธอรีบคูณสองก่อนจะยื่นให้แบบไม่ต้องทอน พร้อมกับยกมือไหว้
"อยู่ไกลซะสุดซอยแบบนี้ เล่นหากันจนเหนื่อยไปเหมือนกันนะ ขอบใจ" เขารับเอาเงินจากมือของเธอ
"ขอบคุณค่ะพี่" เธอรีบก้าวลงไปยืนอยู่ตรงหน้ารั้วบ้าน
‘ออกแบบบ้านได้แปลกที่สุด และไม่เข้าใจว่าทำไมใช้สีแบบนี้มาทาบ้าน โคตรมืดเลย น่ากลัวชะมัด’
เธอคิดพลางเดินไปเกาะแกะที่ประตูรั้ว ลองใช้มือหมุนแล้วผลักเบา ๆ ประตูบานนั้นก็เปิดออก
‘ไม่ยักกลัวแฮะ ไม่ล็อกรั้วอีกต่างหาก’ เธอหมายถึงเจ้าของบ้าน แทนที่จะพูดกับตัวเองว่าทำไมไม่กลัว กล้ามากที่เธอมาหาเขาถึงที่นี่
ทอรุ้งก้าวขาอย่างระมัดระวัง หมาของบ้านข้างรั้วติดกันได้กลิ่นแปลก ๆ ทั้งเห่าเสียงดัง และกระโจนเข้าใส่กำแพงเกาเล็บข่วนเล็บไปที่กำแพง เธอออกอาการสะดุ้งตกใจ เสียงมันเห่าดังมาก ๆ สายตาของเธอมองไปยังตัวบ้าน และหันไปทำเสียงเข้าใส่น้องหมา
“ชู...” เธอทำเสียงห้าม แต่หมาเหล่านั้นก็หาหยุดไม่
วิษรุจที่นั่งดื่มมานับเป็นชั่วโมง ๆ จึงได้เดินมาเกาะอยู่ที่ประตู ตะโกนไปยังหมาที่กำลังส่งเสียงเห่า
“ไอ้ตุ๋ย ไอ้เต๋า หยุดเห่าได้แล้ว อะไรกันนักกันหนา เห่าเป็นหมาอยู่ได้” เขาชวนหมาทะเลาะ เสียงดังลั่นลิ้นพันกันไปหมด
ทอรุ้งเพ่งตามอง
วิษรุจไม่ใส่เสื้อ เขาใส่แต่กางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว กล้ามเนื้อที่แผงอกเป็นมัด มีไรขนขึ้นอยู่เต็มไปหมด เธอเคยนั่งจ้องมองใบหน้าของเขา สีเขียวเข้มเต็มใบหน้าเหมือนหนวดกำลังจะขึ้นเป็นไรเรียงกัน วิษรุจเดินกลับเข้าไปในบ้าน เขาไม่มองไม่เห็นเธอด้วยซ้ำไป
ทอรุ้งยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เธอมาไม่ผิดบ้าน เด็กสาวเดินกึ่งวิ่งไปจนถึงตัวบ้าน เธอยืนเกาะขอบประตูแน่น
ภาพที่เห็นวิษรุจที่ยืนหันหลังให้กำลังเขย่าขวดวิสกี้เพื่อให้น้ำที่อยู่ในนั้นไหลลงในแก้วของเขาทุกหยด ก่อนจะยกกระดกมันขึ้นแตะริมฝีปากแล้วกลืนมันลงไปในลำคอ เขากระแทกแก้วในมือลงไปกับโต๊ะ อาจจะเพราะความเมามันกระเด็นกระดอนตกลงไปที่พื้น ดีที่เขามีพรมสีแดงชาดปูเอาไว้ ไม่อย่างนั้นแก้วใบนั้นคงจะแตกไปแล้ว
วิษรุจเดินโซซัดโซเซไปมุ่งหน้าไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่มุมห้อง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ไกล แต่เขากลับเดินหน้าก้าวถอยหลังสองก้าวอยู่แบบนั้น เมื่อไหร่มันจะถึง
ทอรุ้งทิ้งสัมภาระของเธอเอาไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง มองทนายหนุ่มด้วยความสงสาร แผลในหัวใจของเขาใหญ่โตถึงเพียงนี้เลยหรือ
กี่วันมาแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น อย่าบอกนะว่าเขานั่งดื่มนั่งเมาอยู่ตรงนี้
"คุณรุจคะ คุณรุจเมามากเลยนะคะ" เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
วิษรุจหยุดฝีเท้า หันหน้ากลับมา ยืนโงนเงนเต็มที เขาหรี่ตาลงก่อนจะมองตอบทอรุ้งที่ยืนนิ่งจ้องหน้า
"ใช่ เมาแล้วเธอจะทำไม หือ..." เขายกนิ้วขึ้นชี้หน้า ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาทั้งสองข้างอีกครั้ง
“คนหรือผี นี่เธอตามหาฉันถึงที่บ้านเลยหรือ เธอออกมาจากไอ้มือถือนั่นหรือไง” เขาถามประโยคที่ไม่น่าจะถาม
เด็กสาวเดินตรงเข้าไปหาเขา
วิษรุจยืนแทบไม่อยู่ทำท่าจะล้มลงไปนอนบนโซฟาในห้องรับแขก
ทอรุ้งรีบเข้าไปประคอง คนตัวใหญ่ร่างหนักมาก เธอแทบจะรับน้ำหนักของเขาที่ทิ้งตัวมาพาดแทบไม่ได้ เด็กสาวพยายามดันตัวเขาเอาไว้สุดกำลัง รีบเอ่ยปาก
"คุณรุจเข้าไปนอนที่ห้องเถอะค่ะ อย่ามานอนตรงนี้เลย"
เขาตาเขียวมองใบหน้าของเด็กสาวที่ตามตอแย นอกจากจะตามยุ่งเรื่องของเขาในมือถือ แม่นี่ยังโผล่มาหาเขาถึงที่บ้าน วิษรุจเอานิ้วชี้จิ้มไปที่ใบหน้าของเด็กสาว
"เธอนี่มันกล้าเนอะ ยังจะมาเอาหน้าที่เหมือนกันกับไอ้บ้านั่นมาให้ฉันเห็นถึงที่นี่อีกเหรอ นี่เธอโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ เธอไม่รู้เลยหรือว่า ฉันเกลียดพี่ชายของเธอนักหนา มันแย่งเอาคนรักของฉันไป" วิษรุจตีลงไปที่หน้าอกของตัวเองปึก เหมือนจะบอกกับคู่สนทนาว่าเขาเจ็บปวดอยู่ข้างในนี้
"พี่ต๊ะไม่ได้แย่งสักหน่อย แต่คนคู่นั้นเขารักกัน" เธอโต้เถียงไปตามความรู้สึก และภาพที่เห็น กุหลาบแก้วไม่เอ่ยปากปฏิเสธพี่ชายของเธอสักคำ
วิษรุจเจ็บปวด การที่มีเด็กสาวมายืนเถียงเขาหน้าตาดื้อ ๆ ยิ่งทำให้เขาหัวเหวี่ยง
“ถ้าเธอคิดจะเข้าข้างพี่ของเธอ ทำไมต้องถ่อมาถึงนี่”
เขาชี้หน้าทอรุ้งอีกครั้ง
ทอรุ้งหน้าถอดสี เธอคิดว่าเธอไม่น่าจะรับมือกับคนขี้เมาที่ไร้สติและไม่มีเหตุผลคนนี้ได้
"ไอ้สิ่งที่พี่ของเธอทำ มันโคตรจะทุเรศเลย เธอรู้ไหม มันมาปล้นเอาความรักของนิ้งไปจากฉันแท้ ๆ มันปล้นเอาไป หัวใจของนิ้งต้องเป็นของฉันสิ"
“ไม่จริง คุณมันดื้อด้าน อยู่แต่ในความมืดมนแบบนี้ไง ไม่มองเห็นความรู้สึกของใครบ้างเหรอ ถ้าพี่นิ้งเขารักคุณ เขาจะปฏิเสธคุณทำไม” คำตอบช่างย้ำชัด
วิษรุจโกรธมาก ๆ ที่เด็กสาวพูดแทงใจดำ
"คุณก็หารักใหม่ได้นี่คะ คุณทั้งหล่อทั้งดูดี" เธอเถียงเขาข้าง ๆ คู ๆ และอยากจะพูดให้เขามีสติมากขึ้น บางทีวิษรุจอาจจะคิดได้
