บทที่ 2 แตกสลาย
บทที่ 2 แตกสลาย
ลี่ถังเดินออกมาจากจวนของมู่เฉิน หญิงสาวมองแทบไม่เห็นหนทางข้างหน้าเพราะม่านน้ำตาบดบังทุกสิ่ง ยิ่งก้าวเท้าเดินออกมาไกลเท่าไรดวงใจก็ยิ่งหนักอึ้ง ริมฝีปากก็ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้อีก
เท้าเรียวกำลังก้าวเดินไปยังรถม้ารับจ้างตรงหน้า ความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของลี่ถังในตอนนี้คือกลับบ้านให้เร็วที่สุด หนีให้ไกลจากที่แห่งนี้และชายคนนั้น คนที่ทำให้หัวใจของนางต้องแตกสลาย
ลมฤดูหนาวพัดโชยผ่านตรอกแคบของเมืองฉงชิ่ง เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เร่งเดินฝ่าลมหนาวไปข้างหน้าแผ่วเบาแต่หนักแน่น นางมิได้หันกลับไปมองเบื้องหลังแม้แต่น้อย ราวกับกลัวว่าหากเผลอเหลียวหลัง น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้อาจไหลรินออกมา
มือของนางกำแน่นจนเล็บจิกลงไปในฝ่ามือ หากเป็นเมื่อก่อนเพียงแค่ได้รับจดหมายของเขา หัวใจของนางก็พองโตไปด้วยความหวัง แต่บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงต่อหน้าต่อตา นางเพิ่งเข้าใจว่า… ความรักที่นางเฝ้าทะนุถนอมนั้น เป็นเพียงภาพลวงตาที่อีกฝ่ายวาดขึ้นเพื่อให้นางหลงเชื่อ
นางจะไม่อ่อนแอให้ใครเห็น โดยเฉพาะบุรุษคนนั้น ที่แม้แต่ความเสียใจหรือสำนึกเพียงเสี้ยวเดียวก็ไม่มอบให้นาง
แต่จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงแรงฉุดกระชากที่ข้อมือ ลี่ถังสะบัดมือออกทันที แต่เมื่อเห็นว่าใครกันที่เป็นคนดึงแขนของนางเอาไว้หญิงสาวก็ถึงกับชะงัก
"ปล่อย"
น้ำเสียงห้วน ๆ ต่างจากที่เคยใช้พูดคุยกับบุรุษตรงหน้า ทำให้คิ้วของชายหนุ่มที่รั้งนางเอาไว้ต้องขมวดแน่น
“เจ้าจะไปที่ใดกัน” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความร้อนรน
นางกวาดตามองเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่บาดลึกถึงหัวใจอีกฝ่าย
“ไปจากที่นี่ ไปจากชีวิตของท่าน ไปที่ใดก็ได้ที่ไม่มีท่าน” ลี่ถังเอ่ยออกไป นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายผละออกจากสตรีท้องโตข้างกายตั้งแต่เมื่อใด หญิงสาวไม่ได้หลบสายตาคู่หมั้น หรือหากจะพูดให้ถูกตอนนี้นางคงต้องเรียกเขาว่าอดีตคู่หมั้นกระมัง สายตาของมู่เฉินตอนนี้ไม่เหมือนกับคนเดิมที่นางเคยรู้จักแม้เพียงนิด แต่ก็ไม่แปลกเพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายก็เพิ่งยืนอยู่ข้างกายสตรีอื่นโดยไม่ไยดีนางสักนิด หากเป็นมู่เฉินเมื่อก่อนคงไม่มีทางทำเช่นนี้แน่ ๆ
เขากัดฟันแน่น สองมือกำหมัดราวกับพยายามระงับอารมณ์
“เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าจากไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ”
“แล้วท่านต้องการอะไรจากข้า” นางถามเสียงเรียบ แต่ภายในใจปวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว
เขามองนางนิ่งนานก่อนจะเอ่ยออกมาช้า ๆ “ข้าไม่เคยคิดจะปล่อยมือจากเจ้า หากเจ้ากลับไปเช่นนี้คนที่เมืองหลวงจะมองสกุลมู่เช่นไร”
เขาห่วงหน้าตาของสกุล แล้วหัวใจนางล่ะ หัวใจของนางสั่นสะท้านชั่วขณะ แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเข้มแข็งดังเดิม
“แต่ข้า… ปล่อยมือจากท่านไปแล้ว”
ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน นางจะไม่หันกลับไปหาเขาอีกเด็ดขาด
อีกด้าน มู่เฉินที่ได้ยินคำตอบของหญิงสาวก็รู้สึกไม่พอใจอย่างแรง เขาควรจะต้องเป็นฝ่ายโกรธ
“เจ้าทำเป็นโมโหข้า ตัวเจ้าดีนักหรืออย่างไร อย่าคิดว่าเจ้าทำอะไรแล้วข้าจะไม่รู้ ยามนี้มืดค่ำแล้ว พักที่จวนก่อน วันพรุ่งจะว่าอย่างไรก็ค่อยพูดค่อยคุยกัน ส่วนเรื่องถอนหมั้น หากเจ้าต้องการจริง ๆ ก็เอาหนังสือวันเดือนปีเกิดข้ามาคืนสิ รวมถึงของหมั้นหมายด้วย”
ลี่ถังกัดฟันแน่น เพราะตอนนี้นางไม่มีทั้งหนังสือวันเดือนปีเกิดของอีกฝ่ายและก็ยังคืนของหมั้นให้ไม่ได้ด้วย ที่จริงนางอยากจะเถียงอีกฝ่ายกลับไปว่า ทำผิดต่อนางแล้วยังขอของคืนอีก แต่นางมิใช่สตรีประเภทนั้น
มู่เฉินออกแรงกระชากอีกฝ่ายที่พยายามขืนตัวกลับไปยังจวนของตน เขาไม่รู้ว่าทำไมตนต้องยกเรื่องหนังสือวันเดือนปีเกิดและของหมั้นมาพูด เขาแค่คิดว่ามันอาจจะทำให้เรื่องการยกเลิกการหมั้นทำได้ยากขึ้น
“โรงเตี๊ยมที่เมืองนี้มากมาย ข้าจะไปพักที่นั่น”
“ข้ายังไม่ได้อนุญาต”
นางหัวเราะออกมาเบา ๆ ราวกับได้ฟังเรื่องตลกที่สุดในชีวิต ดวงตาเรียบนิ่งจ้องมองเขา
“ตั้งแต่เมื่อใดกัน… ที่ชีวิตของข้าต้องขึ้นอยู่กับคำอนุญาตของท่าน”
สายตาของเขาวาวโรจน์ขึ้นมาในทันที “ตั้งแต่วันที่เจ้าตอบรับการหมั้นหมายกับข้า เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว”
นางหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้ดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เป็นของท่าน เช่นนั้นสตรีที่อุ้มท้องบุตรของท่านเล่า นางเป็นอะไรของท่าน”
เขาเม้มริมฝีปากแน่น ความลังเลปรากฏขึ้นวูบหนึ่งในแววตา แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว “นางเป็นเพียงสตรีที่ข้าต้องรับผิดชอบ”
“แต่ข้าเป็นเพียงสตรีที่ถูกหลอกให้รอคอย” นางตัดบทเสียงเย็นชา
เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะก้าวขึ้นมาประชิด “เรื่องระหว่างเรา… ยังไม่จบ”
นางปรายตามองเขาโดยไม่สะทกสะท้าน “แม้ข้าไม่ได้เกิดมาจากตระกูลชั้นสูง แต่ข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ เช่นนั้นข้าก็จะเป็นฝ่ายปล่อยท่าน แล้วศักดิ์ศรีของท่านล่ะอยู่ที่ใด เหตุใดจึงยื้อข้าไว้เช่นนี้”
เขาขบกรามแน่นจนได้ยินเสียง
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ทิ้งข้า” เขากล่าวช้า ๆ น้ำเสียงหนักแน่น “นอกจากข้าจะเป็นฝ่ายทิ้งเจ้าเอง”
แต่เพราะอะไรกันล่ะ ทำไมเขาถึงต้องการเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่นางก็มีใจเป็นอื่น ไม่ต่างจากเขาที่มีใครอีกคนแล้ว ที่จริงหากแยกกันคงเป็นผลดีต่อทั้งเขาและนาง
แต่...ทุกครั้งที่ได้ยินคำว่ายกเลิกการหมั้นหมาย หรือเพียงนึกถึงเขาก็รู้สึกจุกอยู่ลึก ๆ ในใจ
ลี่ถังพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง แต่นางเป็นเพียงสตรีตัวบาง ๆ ย่อมมิอาจสู้แรงบุรุษที่สูงใหญ่กว่าได้ เพียงไม่กี่อึดใจหญิงสาวก็ถูกดึงกลับเข้ามาในจวนหลังที่นางตั้งใจว่าจะไม่มีวันหวนกลับมาอีก
มู่เฉินลากลี่ถังตรงไปยังห้องโถงกลาง พ่อบ้านมองการกระทำนั้นอย่างหัวเสียน้อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่อีกฝ่ายถอนหมั้นไปก็ดีแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านของเขาจึงไปพานางกลับมาอีก แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากกว่านั้นเสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้น
"พ่อบ้าน จัดเตรียมห้องพักให้นางด้วย"
พ่อบ้านอึกอัก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ
"นายท่าน...มันจะเหมาะหรือขอรับ" พ่อบ้านถามออกไปอย่างระวัง
"ข้าสั่งอย่างไรก็ไปทำอย่างนั้น” มู่เฉินหันไปบอกชัดเจนพ่อบ้านต้องตัดใจสั่งคนให้ไปทำตามที่ว่า
ลี่ถังที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็นั่งเชิดหน้าไม่พูดคุยกับชายหนุ่มหรือแม้แต่จะตกลงอะไรทั้งสิ้น นางไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องรั้งนางเอาไว้ ทั้งที่เขาเป็นคนทำลายคำสัญญาระหว่างกันแท้ ๆ นางไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำลังคิดถามตนเองด้วยคำถามเดียวกับนางอย่างไม่ผิดเพี้ยน
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน
“นายท่าน ฟื้นแล้วหรือขอรับ ดีขึ้นไหมขอรับ” เสียงของใครสักคนที่เรียกอยู่ทำให้มู่เฉินหันไปมอง เขาไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใครแต่ก็เลือกที่จะพยักหน้าตอบไปก่อน
สิ่งแรกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้คือกลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง และร่างกายของเขาที่แทบจะขยับไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้คิ้วของชายหนุ่มขมวดอยู่ตลอดเวลาคือในหัวของเขาตอนนี้ช่างว่างเปล่า
ราวกับทุกสิ่งอย่างในนั้นถูกกลืนหายไปจนหมด เขานึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าที่นี่ที่ไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร
พ่อบ้านพยุงนายของตัวเองขึ้นนั่ง ก่อนจะรินน้ำชาให้ดื่ม
“นายท่านป่วยหนักอยู่หลายวันเพราะโรคระบาดที่ยังหลงเหลืออยู่ ข้าเองก็ยังไม่ได้แจ้งจวนหลักเลยกลัวทางนั้นจะตื่นตระหนกเพราะนายท่านเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด กะว่าหากสองสามวันนี้นายท่านยังไม่ดีขึ้น ก็จะส่งข่าวไปให้ทางนั้นทำใจ แต่โชคยังดีที่สุดท้ายท่านหมอที่ค้าขายกับพวกเรายังสามารถรักษาท่านไว้ได้”
“ค้าขายอย่างนั้นหรือ” มู่เฉินเอ่ยถามอย่างสงสัย คำถามนั้นทำให้พ่อบ้านชะงักแต่ก็ไม่ถึงกับแสดงท่าทีตกใจ
“ท่านคือคุณชายมู่เฉินแห่งตระกูลมู่ขอรับ ตอนนี้มาดูแลกิจการที่แคว้นฉงชิ่งเพื่อสร้างฐานการค้าใหม่”
