บทที่ 3 ความทรงจำที่หายไป
บทที่ 3 ความทรงจำที่หายไป
แม้จะได้ฟังคำของพ่อบ้านแล้วแต่มู่เฉินก็ยังนึกอะไรไม่ออกอยู่ดี เขาขมวดคิ้วแน่นและเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว พ่อบ้านจึงรีบเอ่ยขัด
“นายท่านอย่าได้กังวล และอย่าเพิ่งคิดมาก ข้าจะเร่งตามท่านหมอมาดูอาการ แต่เรื่องนี้ไม่ควรแพร่งพรายออกไปเพราะอาจส่งผลต่อกิจการการค้าที่เพิ่งเริ่มต้น ขอให้นายท่านทำตัวนิ่ง ๆ เข้าไว้ ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เอง”
มู่เฉินพยักหน้า ตอนนี้เขารู้ว่าตนคือใครและทำอะไร แต่เขากลับนึกหรือจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิด ถึงกระนั้นคำของพ่อบ้านเขาก็เข้าใจ บางทีความทรงจำของเขาอาจจะไม่ได้หายไปเสียหมด
“หากมีเรื่องใดที่ข้าควรรู้ เจ้าก็ช่วยบอกข้าทีแล้วกัน” เพราะอีกฝ่ายดูเอาใจใส่ เขาเลยคิดว่าคงเชื่อใจได้ หารู้ไม่ นั่นคือความผิดมหันต์
ปัจจุบันในเรือนพักรับรอง
ลี่ถังนั่งกระวนกระวายใจอยู่ในห้องพักของตน ไม่นานนักประตูก็เปิดออกพร้อมพ่อบ้านและสตรีคนนั้นที่ตั้งครรภ์กับคู่หมายของนาง
“นายท่านให้แม่นางพักที่นี่ นายหญิงเลยตามมาดูแลแม่นางด้วยตัวเองกลัวว่าจะมีอะไรไม่เรียบร้อย”
ลี่ถังกัดปาก นายหญิงเช่นนั้นหรือ ดวงตาสวยสั่นระริกเมื่อได้ยินคำนั้น
“หากแม่นางต้องการอะไรก็บอกได้” แม้คำพูดจะฟังดูดีแต่กลับเป็นเพียงคำว่างเปล่า สาวใช้ หรือถังน้ำร้อน หรือชุดใหม่ก็ไม่ได้เอามาให้นางสักนิด
และหญิงสาวที่เดินตามมานั่นก็คล้ายจะมาเพียงแค่อวดตนให้นางดูเท่านั้น
“ข้าจะตักน้ำได้ทางไหน” ลี่ถังถาม
“ออกไปจากห้องนี้ด้านหลังจวนมีบ่อน้ำอยู่ แม่นางใช้ได้ตามสบาย” แม้จะอยากถามว่าไม่มีคนตักให้หรือ แต่อีกฝ่ายก็ตัดบทและเดินออกไปเสียแล้ว
ลี่ถังมองไปรอบ ๆ ห้องพัก นางไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่นิด หญิงสาวคิดว่าวันพรุ่งเมื่อไร ก็จะเร่งออกเดินทางกลับเมืองหลวง ไม่ว่าจะหนังสือวันเดือนปีเกิดหรือสินสอดนางจะให้บิดานำมาคืนมู่เฉินทั้งหมด จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน
พอนึกถึงตรงนี้น้ำใส ๆ ก็ไหลออกมาจากดวงตาสวย
นางอุตส่าห์ขอบิดามาหาชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมาย ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าจะต้องมารับรู้เรื่องน่าละอายเช่นนี้
“หากข้ารู้ ข้าคงจะไม่มาให้เสียใจหรอก”
อุตส่าห์เป็นห่วงเขาแต่นึกไม่ถึง... ลี่ถังได้แต่บอกกับตัวเองว่าอย่าร้องไห้มากไปกว่านี้ หากวันพรุ่งดวงตาของนางบวมช้ำคนจะหัวเราะเยาะเอาได้
หญิงสาวนอนหลับไปอย่างยากลำบากโดยไม่ได้รู้เลยว่าชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นนายท่านของจวนแห่งนี้ก็กำลังกระวนกระวายใจเช่นเดียวกัน
“นายท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ”
ซูปี้ สตรีที่อุ้มท้องโตเอ่ยถามมู่เฉิน มือก็บีบนวดไปตามตัวตามแขนของชายหนุ่ม โดยมีพ่อบ้านคอยนำเอกสารค้าขายต่าง ๆ มาให้ชายหนุ่มตรวจสอบ ทั้งยังอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้กับชายหนุ่มได้รู้
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าเองดึกแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ พ่อบ้านหมดชุดนี้ก็ไม่มีแล้วใช่หรือไม่”
มู่เฉินเอ่ยถาม แม้ความทรงจำของเขาจะขาดหายแต่ทักษะอย่างอื่นกลับอยู่ครบจนดูผิดปกติ
วันนั้นหลังจากท่านหมอมาตรวจก็บอกว่าอาการแบบนี้จะหายไปได้เองในสักวัน อาจจะเป็นเพราะยาแรงเกินไป แต่หากไม่ได้ยาแรงขนาดนี้ก็คงจะยื้อชีวิตเอาไว้ไม่ได้
มู่เฉินเข้าใจ เขาไม่อยากโทษหมอที่รักษาหรอก เขาต้องขอบคุณอีกฝ่ายด้วยซ้ำที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ได้
เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกกังวลและสงสัย ความรู้สึกของเขากับลี่ถัง กับความรู้สึกของเขากับซูปี้ช่างต่างกันยิ่งนัก
แม้ซูปี้จะตั้งครรภ์บุตรของเขาอยู่ตามคำบอกเล่าของพ่อบ้าน แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกใจสั่นหรือหวั่นไหวกับนางเลยแม้เพียงนิด
กลับกัน เพียงแค่เห็นแววตาของลี่ถังที่มองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ใจของเขาก็รู้สึกระตุก มู่เฉินถอนหายใจหนัก คงเป็นอย่างที่พ่อบ้านบอก
เขาไม่ได้รักซูปี้ แต่ที่นางตั้งครรภ์บุตรของเขาก็เพราะเขาเสียใจเรื่องคู่หมายที่แอบปันใจให้ชายอื่น จึงเรียกให้สาวใช้ในจวนมาอุ่นเตียง สิ่งที่ทำไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบ และคู่หมายคนนั้นก็คือลี่ถัง เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่ยอมถอนหมั้นกับนางทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางสวมหมวกเขียวให้เขา
“คงเพราะรักมาก ตาถึงได้พร่ามัว”
เขามั่นใจว่าเรื่องราวที่พ่อบ้านบอกเป็นจริงเพราะทุกอย่างดูจะเข้าเค้า
เช้าวันถัดมาลี่ถังต้องการที่จะเจอกับมู่เฉินเพื่อบอกลาและกลับ แต่เขาก็หลบหน้านาง มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังไม่ยอมให้นางออกไปไหนอีก
อยู่ ๆ ที่หน้าเรือนของนางก็มีคนงานมาเฝ้าตลอดราวกับต้องการขังนางเอาไว้ที่นี่ แม้จะรู้ตัวแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปแล้ว
เรือนรับรองของนางสามารถมองเห็นสวนและประตูจวนได้ แต่กลับออกไปไม่ได้ ที่เดียวที่หญิงสาวสามารถจะเดินไปได้อย่างง่ายดายคือหลังจวน แต่ก็เท่านั้น เพราะหลังจวนแห่งนี้ติดกับสระบัวใหญ่ หากนางจะหนีไปก็ต้องมีเรือแต่ที่นี่ก็ไม่มี
“ท่านพ่อบ้าน เขายังไม่ว่างจะเจอข้าอีกหรือ หรือถ้าไม่ ท่านก็ให้ข้ากลับไปเลยก็ได้ เรื่องอื่น ๆ ข้าจะให้บิดาของข้าติดต่อกับบิดาของเขาเอง” แม้พ่อบ้านจะอยากปล่อยหญิงสาวไป แต่คำสั่งของนายท่านคือห้ามมิให้นางไปไหนเด็ดขาด
“แม่นางอย่าทำให้ข้าลำบากเลย หากนายท่านว่างจากการดูแลนายหญิงก็คงจะมาหาท่านเองนั่นแหละ”
