บทที่ 5 คำสั่ง
" นั่นไอ้วิน นี่กู ! "
" อย่ากลืนน้ำลายตัวเองเหมือนไอ้วินนะโว้ยยไอ้ธันคนเย็นชา " กรเอ่ยแซวเพื่อนรักแต่แฝงไปด้วยถ้อยคำกระแนะกระแหน
" อย่าโมโหเลยค่ะ อ้าปากสิคะคุณธันเดี๋ยวเชอรี่ป้อนค่ะ ? " แม่สาวนมโต หยิบขนมในจานจ่อปากชายหนุ่มพร้อมกับบอกคนตรงหน้าเสียงหวาน ธันก็อ้าปากรับอย่างไม่เรื่องมาก
" สาวมึงบริการดีว่ะ " แพททริคเอ่ยแซวอีกครั้ง
" แล้วส้มไม่บริการดีเหรอ ? " สาวนมโตข้างกายของแพททริคเอ่ยถามด้วยน้ำเสียง เง้างอน
" บริการดีสิจ๊ะ " แพททริคพูดพลางก้มหอมแก้มสาวนมโตข้างกาย ฟอดใหญ่
" ไอ้ธันถ้ามึงแต่งงาน สาวคนที่มึงแอบปลื้มล่ะ ? " กรถามอีกครั้งเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักนั้นแอบชอบสาวที่เรียนหมอรุ่นเดียวกันมานาน ธันคิดอยู่นานก่อนจะตอบคำถามเพื่อนรัก
" กูไม่รู้ "
" ทำไมไม่ขอเป็นแฟนไปเลยว่ะไหน ๆ ก็ชอบมานานแล้วไม่ใช่ ? แล้วบอกพ่อมึงว่ามึงมีคนรักอยู่แล้ว "
" กูเคยขอแล้วเธอปฏิเสธ "
" เล่นตัวหรือเปล่าวะ ? " แพททริคโพล่งขึ้นอย่างคาดเดา
" มายไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น "
" ปกป้องด้วยว่ะ เออที่กูพูดเรื่องน้องหวานเมื่อกี้กูว่ามันคงไม่กลืนน้ำลายตัวเองหรอกมันมีคนที่ชอบแล้วนี่หว่า "
" ไม่แน่นะโว้ย " กรพูดขัดขึ้นอย่างมีประสบการณ์จากเรื่องของเทวิน
" หยุดพูดเรื่องยัยนั่นได้แล้ว !!! "
" ก็ได้ แล้วทำไมเธอถึงปฏิเสธมึงกูพอจะดูออกนะว่ายัยนั่นก็ชอบมึง " แพททริคกล่าว
" มายบอกยังไม่พร้อมที่จะมีแฟน "
" สาวมึงนี่ ดูเรียบร้อยนะแต่กูว่าร้ายในว่ะ "
" มึงก็พูดไปไอ้แพทเคยเจอครั้งเดียวทำเป็นรู้ดี "
" กูมีตาทิพย์โว้ยย ! " แพททริคโพล่งขึ้นอย่างติดตลก
" ไอ้สัส !!!! "
วันต่อมา ----
แสงแดดยามเช้าสอดส่องเข้าผ้าม่านสีครีมเข้ามาตกกระทบกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหญิงสาวให้ตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่ หวานค่อย ๆ ปรือตาดวงกลมโตขึ้นมาอย่างยากลำบากก่อนจะใช้มือขยี้ตาเบา ๆ เพื่อให้การมองเห็นของม่านตาชัดขึ้นเธอดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับปิดปากหาวอย่างงัวเงีย เธอเหลือบมองนาฬิกาแขวนโดยเข็มสั้นชี้เลขเก้าเข็มยาวชี้เลขแปดบ่งบอกว่าเวลานี้เก้าโมงจะสิบโมงแล้ว เธอจึงก้าวขาลงจากเตียงแล้วไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเมื่อทำอะไรเสร็จแล้วเธอก็เดินลงบันไดมาข้างล่าง
" อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหวานรับอาหารเช้าเลยหรือเปล่าคะ ? "
" ค่ะ ป้าอิ่ม " เธอตอบรับแค่นั้นด้วยรอยยิ้มจากนั้นจึงเดินมานั่งรออาหารเช้าที่โต๊ะอาหารพร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านข่าวสาร
" ขอบคุณค่ะป้า " เธอกล่าวขอบคุณทันทีเมื่อป้าอิ่มนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้เธอ
" ค่ะ "
" ใครมาไม่รู้เดี๋ยวป้าไปดูก่อนนะคะ "
" ค่ะป้า " หวานตอบรับแค่นั้นป้าอิ่มก็เดินออกไปดูคนที่พึ่งมาใหม่ทันที
" สวัสดีค่ะคุณท่าน "
" หวานล่ะป้า " ทั้งสองพยักหน้าตอบรับ จากนั้นพิมพ์จึงเอ่ยถามหาลูกสาวคนสวยของเธอ
" ทานข้าวอยู่ค่ะ "
" ค่ะ "
" คุณท่านทั้งสองทานอะไรมาหรือยังคะ ? ให้ป้าเตรียมเลยไหม? "
" ยังไม่ต้องเตรียมก็ได้จ้ะป้าขอน้ำเย็น ๆ ก็พอ "
" ค่ะ " ป้าอิ่มตอบแค่นั้นพิมพ์และชิตก็เดินเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
" อร่อยไหมลูก ? " พิมพ์เอ่ยถามลูกสาวด้วยรอยยิ้ม เมื่อหวานได้ยินเสียงผู้เป็นแม่เธอจึงหันขวับทันทีก่อนจะเอ่ยเรียกพร้อมกับวิ่งเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง
" คุณแม่คิดถึงจังเลยค่ะ "
" แม่ก็คิดถึงลูกค่ะ "
" คิดถึงแต่แม่แกหรือไง ? " ระหว่างนั้นเสียงของชิตผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงแข็งเป็นเชิงว่าเขากำลังน้อยใจลูกสาว หวานผละกอดออกจากผู้เป็นแม่ก่อนจะกล่าวสวัสดีผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้ม
" สวัสดีค่ะพ่อ "
" ทานข้าวต่อเถอะลูก "
" หวานอิ่มแล้วค่ะ ไหนว่าคุณพ่อ คุณแม่จะมาตอนเย็นคะ ? "
" ไปนั่งก่อนไหมจะยืนคุยกันทำไม ! "
" พูดดี ๆ ก็ได้คุณทำไมต้องทำเสียงแข็งใส่ลูก " พิมพ์แหวใส่สามีอย่างไม่ชอบใจ ชิตได้แต่เหลือบตามองภรรยาอย่างไม่พอใจก่อนจะเบี่ยงสายตาไม่ทางอื่นเมื่อโต้เถียงอะไรไม่ได้
" ปะลูกเราไปนั่งคุยกันในห้องรับแขกดีกว่า "
" ค่ะ " หวานตอบแค่นั้นเขาสามคนก็พากันไปนั่งที่ห้องรับแขกทันทีพร้อมกับพูดคุยกันตามประสา
" ที่ฉันกับแม่แกมาเช้าก็เพราะว่าตอนเย็นฉันจะพาแกไปทานข้าวกับคู่หมั้นแกที่บ้านเพื่อนฉัน "
" หวานไม่อยากไป "
" แต่แกต้องไปนี่คือคำสั่ง ! "
" ค่ะ " หวานกระแทกเสียงตอบผู้เป็นพ่ออย่างนึกโมโหกับคำสั่งเผด็จการ
" หวานลูกงานที่ทำเหนื่อยไหม ? " เมื่อพิมพ์เห็นสีหน้าลูกสาวเศร้าเธอจึงเอ่ยถามขึ้น
" ไม่ค่ะ หวานสนุกมากเลยนะคะ "
" ชอบไปได้ไงงานเขียนไร้สาระพวกนั้น แกเลิกทำแล้วมาทำงานที่บริษัทซะ ! "
" ก็หวานชอบอีกอย่างงานเขียนของหวานไม่ได้ไร้สาระซะหน่อย ถ้าคุณพ่อจะให้หวานไปทำงานที่บริษัทหวานก็จะไม่แต่งงาน ! " เธอยืนกรานเถียงผู้เป็นพ่อเสียงแข็งอย่างไม่ยอมแพ้
" ยัยหวาน !!!! "
" พอแล้วค่ะคุณแค่นี้ก็บังคับลูกมากแล้ว อย่าให้พิมพ์หมดความอดทนกับคุณนะ !! " พิมพ์ปรามและขู่สามีในประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้ชิตถึงกับเงียบไปทันทีก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นอย่างหงุดหงิด
" หวานขอตัวขึ้นไปทำงานก่อนนะคะ คุณแม่ "
" จ้ะ ลูก " พิมพ์ตอบลูกสาวแค่นั้นหวานเธอจึงเดินขึ้นไปทำงานบนห้องทำงานของเธอทันที อย่างนึกโกรธผู้เป็นพ่อที่เอาแต่บังคับเธอ
หลายชั่วโมงต่อมา ----
" ป้าอิ่มขึ้นไปตามยัยหวานให้หน่อยไม่มาสักที " ชิตสั่งป้าอิ่มทันทีอย่างหงุดหงิดเมื่อลูกสาวตัวดีไม่ยอมลงมาสักที
" ค่ะคุณท่าน "
" จะรีบไปไหนคุณ ลูกอาจจะแต่งตัวไม่เสร็จ ! "
" คุณพิมพ์มันใกล้ถึงเวลานัดแล้วนะยัยตัวดีของคุณยังไม่ลงมาอีก ! "
" เฮ้ออ ! พิมพ์ไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว ! " พิมพ์เอ่ยเสียงดุใส่สามีอย่างกระเง้ากระงอดก่อนจะสะบัดหน้าหนีทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
" คุณหวานคะ คุณท่านให้มาตามค่ะ " ป้าอิ่มเคาะประตูห้องหวานก่อนจะตะโกนบอกกับคุณหนูของบ้าน
" เดี๋ยวหวานจะลงไปแล้วค่ะ " หวานตะโกนบอกป้าอิ่มเสียงเรียบ ที่จริงเธอแต่งตัวเสร็จนานแล้วแต่เธอไม่อยากไปเลยขอนั่งบนเตียงใหญ่ทำใจก่อน
" ค่ะ "
" ฉันต้องไปจริง ๆ เหรอเนี่ยทำไมชีวิตฉันถึงไม่มีทางเลือกอย่างนี้นะ เฮ้อออ ! " หวานตัดพ้ออย่างนึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง
" กว่าจะลงมานะยัยหวาน ! "
" ก็หวานแต่งตัวยังไม่เสร็จหนิคะคุณพ่อ ! "
" แกนี่มันจริง ๆ เลย "
" พอแล้วสองพ่อลูกขึ้นรถกันได้แล้วค่ะ ! " พิมพ์ปรามสามีและลูกสาวเสียงด้วยน้ำเสียงดุ จากนั้นสองพ่อลูกก็พากันเดินขึ้นรถยนต์หรูไปด้วยใบหน้าบึ้งตึกกันทั้งสองพิมพ์ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่ายกับการต่อล้อต่อเถียงของสามีและลูกสาว
บ้าน นฤเบศร์
" แกอย่าทำให้ฉันขายหน้าล่ะตาธัน " อาจบอกกับลูกชายด้วยน้ำเสียงแข็งในขณะที่กำลังนั่งรอแขกที่จะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยธันไม่ได้ตอบผู้เป็นพ่อเพียงแต่เหลือบสายตาหงุดหงิดมองแค่นั้น
" ป้าเพ็ญคะ เดี๋ยวคุณชิตกับคุณพิมพ์มาป้าก็ยกอาหารมาเลยนะคะ "
" ค่ะคุณ นาดา "
" หมอธันโอเคไหมลูก ? "
" มันไม่เป็นอะไรหรอกคุณนา "
" นาไม่ได้ถามคุณนะคะ " นาดาเอ่ยเสียงเรียบใส่สามีพร้อมกับตวัดสายตาดุมองทำให้อาจเงียบลงทันที
" ว่าไงลูกโอเคหรือเปล่า ? "
" ผมไม่เป็นไรครับแม่ " ธันตอบผู้เป็นแม่เสียงเรียบโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาที่จริงเขาไม่อยากจะมาด้วยซ้ำแต่ทำไงได้ขัดใจพ่อตัวเองได้ซะที่ไหน
" เสียงรถมาแล้ว คุณนาไปกับผม " ขณะเดียวกันเสียงรถยนต์หรูขับเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน
" ค่ะ "
อาจกับนาดาจึงลุกขึ้นเดินไปต้อนรับแขกที่มาใหม่
" รอนานไหมวะไอ้อาจ ? " ทันทีที่ลงจากรถยนต์หรูมาชิตจึงเอ่ยทักทายเพื่อนรักอย่างเป็นกันเองทันที
" นี่หนูหวานใช่ไหมพิมพ์สวยมากเลยนะ ? "
" ใช่จ้ะ หวานสวัสดีคุณน้านาดาสิลูก "
" สวัสดีค่ะคุณน้านาดา "
" จ้ะ "
" เข้าไปทานข้าวกันเถอะ หนูหวาน คุณพิมพ์ " อาจเอ่ยชวน ทั้งสองจึงพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะพากันเดินเข้าไปในบ้านทันที
" ลูกชายมึงอยู่ข้างในใช่ไหมไอ้อาจ ? "
" เออ สิวะ " ขณะที่เดินเข้ามาเพื่อนรักทั้งสองก็คุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน
" นั่นไงไอ้ลูกชาย ตาธัน " อาจแนะนำให้เพื่อนรักรู้จักก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อลูกชายที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร หวานที่ได้ยินชื่อเธอถึงกับขมวดคิ้วยุ่งอย่างคุ้นกับชื่อที่ได้ยินเมื่อสักครู่และมันทำให้เธอหยุดชะงักไปในทันทีเมื่อธันลุกขึ้นพร้อมกับหันหน้ามาตามเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่แค่หวานที่ชะงักไปธันเองก็ไม่ต่างกันทั้งคู่สบตากันอย่างไม่อยากเชื่อว่าโลกจะกลมถึงขนาดนี้จริง ๆ
" หมอธันสวัสดีคุณอาทั้งสองสิลูก " นาดาเรียกสติลูกชายตัวเองกลับมาเมื่อธันเอาแต่จ้องหวานราวกับสติเขานั้นหลุดล่องลอยไปไหนสักที่หวานเธอเองก็ไม่ต่างกัน
" สวัสดีครับ " เมื่อเขาได้ยินเสียงผู้เป็นแม่จึงละสายตาจากหวานก่อนจะเอ่ยสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองคน ก่อนจะเหลือบสายตาดุมองหวานอีกครั้งแต่เธอกับหลบสายตา
" หมอธันหล่อมากเลยนะเนี่ย "
" เหมือนพ่อมันไงวะไอ้ชิต "
" ไอ้สัส หลงตัวเอง "
" เออ ๆ ไปทานข้าวกันเถอะ "
" หนูหวานนั่งข้างหมอธันเลยลูก " นาดาบอกกับหวาน เธอลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่
" ค่ะ "
" หมอธันขยับเก้าอี้ให้น้องด้วยสิ "
" ครับ " ธันตอบรับผู้เป็นแม่อย่างว่าง่ายก่อนจะลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้เธออย่างไม่เต็มใจนัก หวานจึงนั่งลงตามมารยาท
" หวานขอบคุณพี่ด้วยสิ "
" ขอบคุณ ! " หวานเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงแข็งอย่างไม่เต็มใจ ชิตที่ได้ยินอย่างนั้นจึงตวัดสายตาไม่พอใจมองลูกสาวทันที หวานจึงทำเป็นไม่สนใจ
จากนั้นทุกคนก็พูดคุยตามประสาคนรู้จักจะมีแต่ธันกับหวานเนี่ยแหละที่เอาแต่นั่งเงียบโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
" หนูหวานทำงานอะไรลูก ? " นาดาเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้
" หนูเป็นนักเขียนนิยายค่ะ "
" อ๋อ จ้ะ "
