บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 เขาหาว่าฉันเป็นขโมย 2

“ขโมย ช่วยด้วยขโมยผู้หญิงเสื้อขาวคนนั้น” ผู้หญิงเสื้อขาวไหนวะ คนไหนไม่มีมีใครใส่สีขาวสักคนนอกจาก....

หมับ เห้ออะไรวะเนี่ยกำลังเสือกอยู่ดีๆ ก็มีแรงจากไหนก็ไม่รู้เขามากระชากแขนอย่างแรงแขนอิหนาวนี่แถบหลุดคิดว่าไม่เจ็บหรือไงเจ็บนะโว้ย

“ผลัก ตุ๊บ โอ้ย ว้าย ช่วยด้วย ช่วยด้วยช่วยฉันด้วย ปล่อยนะ โอ้ยปล่อยฉัน” เสียงดังชุลมุนวุ่นวายทำให้ผมต้องหันกลับไปทางเดิมอีกครั้งทั้งๆ ที่พึ่งจะหันกลับมาเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมานี้เอง สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ผมกับคนที่ผมกำลังคุยเรื่องงานสำคัญกันอยู่ต้องวิ่งเข้าไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น” คนที่กำลังคุยงานสำคัญกับผมเมื่อกี้ถามขึ้นเพราะเขาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรูชื่อดังใจกลางเมืองแห่งนี้ เกิดเรื่องชุลมุนวุ่นวายแบบนี้ถ้าไม่รีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดถ้ามีข่าวหลุดออกไปอาจทำให้เป็นข่าวเสื่อมเสียชื่อเสียงของห้างได้

“ขโมยครับ ผู้หญิงคนนี้เป็นขโมยครับท่าน” รปภ.หนุ่มรายงานมือก็ยังล็อคแขนของคนที่เขาบอกว่าเป็นขโมยอยู่ล็อคแน่นจนผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดออกไปได้เลย

“ฮะ! ขโมย! ฉันเนี่ยนะเป็นขโมยเข้าใจอะไรผิดหรือป่าวคุณ” ผู้หญิงตัวเล็กที่โดน รปภ.ล็อคไว้โวยวายขึ้นทันทีใบหน้าขาวตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแดงไปจนถึงใบหูคงจะโมโหน่าดูแต่ก็ควรให้เธอโมโหอยู่หรอกนะ ก็เธอยืนเอ๋ออยู่ดีๆ ใครก็ไม่รู้เข้ามาจับล็อคตัวไว้ซะแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้แถมยังถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยอีกทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผมมั่นใจว่าเธอไม่ใช่ขโมยพันเปอร์เซ็นต์เพราะผมเห็นเธอตั้งแต่เดินออกมาจากโรงหนังแล้ว ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวผิวขาวใส่แค่เสื้อยืดสีขาวธรรมดากับกางกางยีนส์ขายาวที่ดูธรรมดามากๆ แต่ใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาและท่าทางงงๆ เอ๋อๆ ของเธอมันดูโดดเด่นมากกว่าใครจนผมไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้จริงๆ จนลูกค้าคนสำคัญของผมมาถึงนั่นแหละถึงได้หันกลับไปคุยงานทั้งๆ ที่ในใจแสนเสียดายนึกบ่นอยู่ในใจว่าลูกค้าไม่น่ามาเร็วเลยมาช้ากว่านี้ 10-20 นาทีผมก็ไม่ว่าหรอกปกติเป็นคนตรงเวลาแต่วันนี้ผมรอได้นะให้รอนานๆ เลยก็ได้ขอแค่เธอยังยืนอยู่ที่เดิมก็พอ

ผมยืนมองคนตัวเล็กที่พยายามดิ้นตัวเองให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งโดน รปภ.ล็อคไว้แน่นมากกว่าเดิมจนเธอหน้าซีดน้ำตาคลอเหมือนคนจะร้องไห้ยิ่งเห็นแล้วยิ่งสงสารจับใจ

“อย่ามาโกหกเอาของมาคืนเขาเดียวนี้เลยนะ” รปภ.ที่วิ่งตามมาอีกคนพูดขึ้น

“ไปเช็คกล้อง” เสียงเจ้าของห้างสั่ง รปภ.ที่วิ่งตามมาเบาๆ แต่ผมได้ยินเพราะผมยืนอยู่ข้างเขาก่อนเจ้าของห้างจะไปตรวจสอบด้วยตัวเองเขามากระซิบฝากให้ผมช่วยอยู่ดูสถานการณ์ตรงนี้ไว้ก่อน

“ของอะไรฉันไม่ได้เอาไปทั้งนั้นแหละ ปล่อย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” เสียงเล็กของเธอโวยวายหน้าที่เคยซีดตอนนี้เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาด้วยความโกรธอีกแล้ว

“ปล่อยเถอะเขาบอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ” ผมตะโกนบอก รปภ. นึกสงสารเห็นใจผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวต้องมาเจออะไรแบบนี้

“คุณอย่าใจอ่อนหลงเชื่อเชียว เห็นหน้าตาดีแบบนี้แหละตัวดีนักเชียวไม่ยอมรับง่ายๆ หรอกผมเจอคนแบบนี้มาเยอะแล้ว” รปภ.ที่จับตัวเธอบอกผมเสียงแข็ง

“ปล่อยเธอก่อนดีกว่าไหมครับ ตัวเล็กแค่นี้หนีไปไหนไม่ได้หรอก” ผมเริ่มเห็นรอยแดงบนแขนเธอแล้วยิ่งผิวขาวมากเท่าไหร่รอยแดงก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

“เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ไวมากนะครับพวกผมตามมาจากชั้นหนึ่งเลยนะกว่าจะจับได้” รปภ.อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ผมบอกยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อเสียง รปภ.ที่ล็อคตัวผู้หญิงคนนั้นไว้ก็เสียงดังขึ้นมา

“อย่าดิ้นเห้ย บอกว่าอย่าดิ้นไงได้ไปอยู่ในคุกสมใจแน่”

“โอ้ยพี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ขโมยแค่เดินก็เหนื่อยแล้วจะเอาแรงที่ไหนมาวิ่งหนี” เหมือนเธอจะหมดความอดทนเริ่มโวยวาย

“อย่ามาปากดีหน้าตาก็ดีงานเยอะแยะไม่หาทำมาเป็นขโมย”

“แล้วฉันขโมยอะไรค้นเลยถ้าไม่เจอฉันจะฟ้องกลับ” สติเธอเริ่มหลุดโวยวายออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจมากท่าทางเธอจะโมโหมากแล้วจริงๆ แต่ยิ่งเธอโวยวายมากเท่าไหร่ รปภ.ก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบแขนล็อคตัวเธอมากขึ้นจนผมทนเห็นไม่ได้

“ปล่อยเถอะเธอไม่ใช่ขโมยหรอก”

“คุณจะเชื่อคำพูดของหัวขโมยอย่างนี้นะหรอมันไม่ใช่ครั้งแรกนะคุณผมตามจับกันมาหลายครั้งแล้ว”

“ผมเห็นเขาเดินออกมาจากโรงหนังยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว” เธอมองผมด้วยสายตาขอบคุณทั้งๆ ที่ยังมีน้ำตาเอ่ออยู่ ผมยิ้มให้เธอบางๆ

“หรือคุณเป็นพวกเดียวกันใช่ไหม” ฮะ ถ้า รปภ.จะไม่ฟังเหตุผลกันแบบนี้ถ้าผมเป็นเจ้านายไม่เก็บเอาไว้หรอกไล่ออกไปนานแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel