ตอนที่ 7 เรื่องเข้าใจผิด
“หนาว/หนาว” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรก็มีเสียงประสานกันขึ้นมาก่อนที่จะมีผู้หญิงหน้าตาดีสองคนแหวกวงไทยมุงเข้ามา
“พวกคุณทำอะไรปล่อยเพื่อนฉันเดียวนี้นะ”
“มึง ช่วยกูด้วย พวกมึงไปไหนกันมา” คนตัวเล็กถามเสียงสั่นเครือน้ำตาไหลอาบสองแก้มแทบไม่หลงเหลือคนเก่งใจกล้าเมื่อกี้แล้ว
“ก็วันเกิดมึงพวกกูไปซื้อเค้กมาให้นี่ไง” หนึ่งในสองคนยกกล่องเค้กขึ้นมา
“เอ๊ะนั่นใช่น้องศรีหรือเปล่า” เสียงไทยมุงเริ่มมีเสียงฮือฮาคุยกัน
“ใช่ค่ะ” เพื่อนของคนตัวเล็กตอบแทนเสียงดังมีเสียงฮือฮาดังขึ้นมามากกว่าเดิม
“น้องศรียูทูปเบอร์ชื่อดังคนติดตามตั้งหลายแสนจะเป็นขโมยได้ยังไง” ฮะ ผมถึงกลับต้องมองหน้าเธออีกครั้งก็สวย น่ารักขนาดนี้ไม่แปลกหรอกถ้าจะมีคนติดตามเยอะขนาดนั้น และก็มีเสียงเห็นด้วยขึ้นมาและก็บอกให้ปล่อยเธอ และก็เป็นจังหวะเดียวกับวิทยุสื่อสารของ รปภ.ดังขึ้นให้ปล่อยเธอ และให้เธออยู่รอก่อน
“มึง ฮือฮือ” เมื่อเป็นอิสระเธอถึงกับปล่อยโฮวิ่งเข้ากอดเพื่อนทั้งสองคน
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ” กอดกับเพื่อนเสร็จยกมือเช็ดน้ำตาแล้วก็หันมายิ้มสะกดใจยกมือไหว้ทุกคนรอบตัวอย่างนอบน้อมเหมือนกุลสตรีไทยจริงๆ รอยยิ้มของเธอทำให้ผมอยากจะหยุดเวลาตรงนี้ไว้เกิดมาไม่เคยเจอใครที่ยิ้มได้กระชากวิญญาณมากขนาดนี้มาก่อนเลย
“Happy birthday to you, Happy birthday to you” เมื่อมีผู้นำก็มีผู้ตาม
Happy birthday Happy birthday
Happy birthday to you.
Happy birthday to you, Happy birthday to you
Happy birthday Happy birthday
เพื่อนคนตัวเล็กก็รีบหยิบเค้กที่อยู่ในกล่องออกมาท่ามกลางเสียงเพลงและกล้องจากโทรศัพท์หลายเครื่องกำลังเก็บภาพบรรยากาศที่น่าประทับใจนี้เอาไว้ คนตัวเล็กถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ทั้งๆ ที่พึ่งหยุดร้องไห้ไปได้ไม่นานแต่ความรู้สึกมันต่างกันครั้งแรกร้องไห้เพราะความกลัวแต่ครั้งนี้ร้องไห้เพราะความปลื้มใจ เธอคงมีความสุขมากดูได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอ
“อธิฐานสิ” เธอประสานมือเสมออกหลับตาอธิฐานก่อนจะเป่าเทียนท่ามกลางเสียงปรบมือ
Happy birthday to น้องศรี
“ผมต้องขอโทษคุณจริงๆ นะครับ ผมขอมอบให้ถือว่าเป็นของขวัญปลอบใจจากทางห้างเรานะครับ” เจ้าของห้างสรรพสินค้าเอ่ยปากขอโทษเธอด้วยตัวเองและยื่นซองที่ข้างในมีบัตรกำนัลของทางห้างมูลค่า 1 แสนบาทอีกด้วยเพราะครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของทางห้างจริงๆ เพราะจริงๆ แล้วคนร้ายตัวจริงวิ่งมาทางเธอจริงแต่ก็แค่วิ่งผ่านไปและบังเอิญว่าเธอแต่งตัวคล้ายกับคนร้ายตัวจริงมากเลยเกิดความเข้าใจผิดของ รปภ.
“ขอรับแค่คำขอโทษนะคะ แต่อันนี้ฉันขอไม่รับนะคะมันมากเกินไป” เธอไม่รับบัตรกำนัลมูลค่า 1 แสนบาทจากเจ้าของห้างเป็นไปได้ยังไงเนี่ยผมนี่งงเลยแล้วก็เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
“เอาไงกลับเลยไหม” หลังจากเดินสวยๆ ออกมาไกลพอสมควรแล้วชะเอมถามเราสามคนหยุดมองหน้ากัน
“ใครจะกลับก็กลับแต่กูไม่กลับกูหิว” เปรี้ยวเพื่อนรักฉันกอดเอวซบไหล่มัน
“เพื่อนเปรี้ยวไปไหนน้ำหนาวก็ไปด้วยเพราะตอนนี้กูหิวมาก”
จ๊อก เสียงท้องใคร สามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กท้องใครไม่รู้แต่ที่รู้ๆ ไม่ใช่ฉัน
“กูเอง” ชะเอมพูดออกมาเราสามคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะลั่นจนคนแถวนั้นหันมามองแต่ไม่เป็นไรค่ะเมื่อไหร่ที่อยู่ด้วยกันมักจะสะกดคำว่าอายไม่เป็น
“วันนี้วันเกิดกูพวกมึงเลี้ยง”
“โอเค” ชะเอมยกมือโอเค
“เพื่อนคนเดียวกูเลี้ยงได้” มันต้องอย่างนี้สิเปรี้ยวเพื่อนรักแล้วพวกเราก็กอดคอกันไปร้านอาหารญี่ปุ่นร้านประจำตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกัน
“เอานี่ นี่ นี่ นี่ด้วยค่ะ.....อันนี้แล้วก็อันนี้ค่ะ อ้อเอาเทมปุระด้วยนะคะแค่นี้ค่ะ” ความหิวไม่เคยปราณีใครฉันสั่งทุกอย่างที่อยากกินอาหารญี่ปุ่นที่คิดถึงไม่ได้กินนานมากตั้งแต่ทำงานแทบไม่มีเวลามาเกินห้างแบบนี้เลย
“พวกมึงกินไร” เอ๊ะพวกนี้นี่ผีเข้าผีออกเนอะเมื่อกี้ยังยิ้มหน้าบานอยู่เลยทำไมตอนนี้หน้าบึ้งเป็นซะแล้ว
“ไม่ได้จ่ายเองนี่สั่งกินเผื่อถึงปีหน้าเลยมั้ง” อ๋อเข้าใจพวกมันแล้วค่ะพวกมันสองคนกำลังสุมหัวกันกดเครื่องคิดเลขคำนวณกันอยู่เลย ฮ่าฮ่า
“อ๊ะอ๊ะพูดแล้วห้ามคืนคำนะคะ” มันสองคนมองฉันตาขวางเลยค่ะแต่อิหนาวเป็นคนหน้ามึนค่ะอย่าได้แคร์ตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้าดีกว่าอาหารญี่ปุ่นจ๋าน้ำหนาวมาแล้ว
“กินเสร็จไปเดินย่อยกันนะ” ฉันมองหน้าเปรี้ยวเดินเล่นอะไรอีก
