ตอนที่ 3
เมื่อไม่ได้มีทางเลือกอื่นให้กับน้ำหนาวอีกแล้วนอกจากต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งานแม้ว่าจะวิ่งหางานจนรองเท้าพังไปหลายคู่แล้วก็ตามหมดกระดาษถ่ายเอกสารไปไม่น้อย รูปหลายโหลที่ต้องเสียไปแต่ทุกที่ก็ยังเงียบกริบไม่ได้งานสักที จนมาถึงที่บริษัทนี้เป็นที่สุดท้ายที่ได้เขียนใบสมัครและก็ได้มาแบบงงๆ เลยต้องจำยอมทำงานที่ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เรียนมางานอะไรก็ต้องอดทนทำไปก่อนถ้าไปไม่รอดก็ต้องกลับดอยไปแต่งงานนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างน้ำหนาวต้องอดทนโดนโขลกสับอยู่อย่างทุกวันนี้ยังไงล่ะคะ ขอแค่ได้เปิดร้านขนมหวานร้านเล็กๆ ผิดตรงไหนที่อยากให้ทุกคนได้ทานขนมหวานแสนอร่อยฝีมือตัวเองและฉันต้องทำให้ได้ด้วย
“ฟ้างานที่จะส่งให้แผนกจัดซื้อวันนี้เสร็จหรือยัง” เสียงผู้จัดการตามงานจากรุ่นพี่ในแผนกดังขึ้นฉันเลยรีบหยิบงานของคุณพี่ท่านที่อยู่บนโต๊ะฉันลุกเอาไปให้พี่ฟ้าอย่างรู้หน้าที่โดยที่แม่นางไม่ต้องถามเลย ถึงแม้ว่าจะจบคหกรรมรักในการทำขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจแต่ประสบการณ์ทำงานในแผนกนี้อย่างหนักมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาฉันคิดว่างานบัญชีก็สนุกดีเหมือนกันนะ ตอนนี้ฉันสามารถทำงานแทนทุกคนได้อย่างสบายเลยแหละจากวันแรกจนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยทำงานผิดเลยสักครั้งก็คนมันเก่งแหละเนอะมั่นหน้ามากค่ะไม่มีใครชมชมตัวเองก็ได้
“วางไวตรงนั้นแหละ” ไอเรารึก็อุตส่าห์รีบทำงานของตัวเองให้เสร็จทันเวลาแท้ๆ ขอบคุณสักคำยังไม่มีให้กันเลยแม้แต่หางตายังไม่อยากจะมองกันเลยอย่างนี้มันน่าเอาแฟ้มงานหนาๆ ฟาดใส่ดั้งให้พังจนหมอไม่รับทำใหม่ไม่ซะดีไหมเนี่ย เห็นมั้ยล่ะว่าชีวิตฉันมันอาภัพขนาดไหนทั้งเรื่องเรียนอยากจะเรียนอะไรก็ไม่ได้เรียน เรื่องงานอยากจะทำงานอะไรก็ไม่ได้ทำ แม้กระทั่งชีวิตคู่ก็ยังเลือกเองไม่ได้เลย
(น้ำหนาว! จะถึงแล้วของแกเนี่ยเมื่อไหร่ฮะ หนังจะฉายอยู่แล้วฉันจะดูวันนี้นะไม่ได้ดูปีหน้า) เสียงแหลมของปลายสายดังทะลุออกมาดีนะที่อิหนาวรู้ทันดึงโทรศัพท์ออกจากหูซะก่อนไม่อย่างนั้นได้แก้วหูแตกแน่ ก็เสียงคุณแม่ขาวีนดังลั่นออกมาซะขนาดนั้น ดังขนาดไหนไม่รู้แต่ที่รู้ๆ คนที่ยืนเบียดบนรถเมล์รอบตัวยังได้ยินเลยเขาก็เอาแต่มองหน้าอิหนาวตาไม่กระพริบกลั้นขำจนหน้าแดงหูแดงซะขนาดนั้นฉันล่ะอายจนอยากจะมุดหนีหายไปอยู่ใต้ท้องรถซะจริงๆ
“อีกป้ายเดียวก็จะถึงแล้วเนี่ย” ตอบรัวเร็วแล้วรีบตัดสายก่อนที่คุณแม่คนที่สองคนที่สามจะวีนกลับมาอีกรอบ วันนี้หลังเลิกงานฉันนัดดูหนังกับเพื่อนรักไม่ใช่สิต้องบอกว่าเพื่อนรักมันบังคับฉันมาดูหนังต่างหากแถมบอกก่อนเวลาเลิกงานตั้ง 10 นาทีด้วยนะ ย้ำว่าตั้ง 10 นาทีพวกมันสองคนคิดว่าอิหนาวไม่มีงานต้องทำหรือไงนะ สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน ที่จริงฉันไม่ได้อยากดูหนังเลยสักนิดงานก็เยอะจนจะล้มทับอิหนาวอยู่แล้วแต่โดนยัยเพื่อนรักทั้งสองที่รักผู้ชายมากกว่าเพื่อนตัวเองบังคับมาน่ะสิคะเพราะพระเอกเป็นถึงสามีสุดที่รักของชะเอมมันส่วนนางเปรี้ยวมันเป็นแค่เมียน้อยที่บังเอิญหลงรักผัวเพื่อนเท่านั้น แล้วมันเดือดร้อนใครล่ะก็เดือดร้อนอิน้ำหนาวสิคะเลิกงานปุ๊บต้องทิ้งงานทุกอย่างแล้วรีบวิ่งขึ้นรถเมล์ที่แสนแออัดฝ่าฝันรถติดเพื่อมานั่งดูผัวพวกมัน
ผลัก
“โอ๊ะโอ้ย” ไม่ต้องหาต้นเสียงที่ไหนเลยอิหนาวเองคนที่กำลังนั่งจับกบร้องโอดโอยอยู่นี่แหละคนหรือเสาปูนวะเนี่ยแข็งชิบแค่ชนเบาๆ ถึงกับกระเด็น
“คุณเป็นอะไรไหม” ได้ยินแค่เสียงกับปลายรองเท้าหนังดำมันเงาแทบส่องหน้าได้เดินเข้ามาใกล้ ถามมาได้ไม่เป็นอะไรเลยมั้งก้นกระแทกพื้นแทบหักไม่เจ็บเลยมั้งคะขอด่าหน่อยเถอะ
“แล้วคุณล่ะเดิน.....” เชี้ยเห็นแค่ปลายคางปลายจมูกโด่งก็ค้างแล้ว แน่ใจนะว่าเป็นคนไม่ใช่เทวดาลงมาเดินเล่นบนโลกมนุษย์ถ้าพ่อจะหล่อแบบนี้อิหนาวยอมโดนชนล้มทั้งวันทั้งคืนเลยแต่จะให้ดีล้มบนเตียงก็ได้นะอิหนาวยอม แม่หนาวอยากมีผัวอยากได้คนนี้
“คุณไปหาหมอไหม” โหนอกจากจะหล่อแล้วเสียงยังเพราะเลยเทพบุตรชัดๆ
“คุณ” โอ้ยเวียนหัวเดี๋ยวๆ หยุดก่อนได้ไหมเรียกเฉยๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องเขย่าไหล่กันเลยอิหนาวเวียนหัวรู้ไหม
พูดไม่ออกได้แต่ยกมือโอเคอิหนาวโอเคค่ะคุณเขาถึงยอมหยุดถ้าเขาไม่หยุดหัวอิหนาวจะหลุดแทนแล้วนะ
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรใครอ๋อของเขานั่นเองพอเขารับแต่เสียงก็ยังดังไม่หยุดจนเขาชี้มาที่โทรศัพท์ที่กระเด็นออกมาจากกระเป๋าแค่เห็นชื่อหน้าจอเท่านั้นแหละรีบโกยของเข้ากระเป๋าลุกวิ่งตาตั้งลืมเจ็บไปเลย
