ตอนที่ 4 คู่หมั้น
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงกับเสียงเดินของเจ้าของรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับกระเบื้องทำให้พนักงานหลายคนรู้ว่าคนที่กำลังเดินอยู่ที่โถงทางเดินคือพีรดา ลูกสาวของประธานบริษัทและรั้งตำแหน่งกรรมการบริษัท กำลังเดินตรงไปยังห้องทำงานของอิศรา
หญิงสาวหยุดที่หน้าโต๊ะของนิตยาแล้วมองด้วยใบหน้าที่ถือตัว “อิศมีแขกไหม”
“ไม่มีค่ะ” นิตยาตอบอย่างสุภาพแล้วจะลุกไปเคาะประตูเปิดให้แต่พีรดายกมือขึ้นห้ามและต้องการเดินไปเปิดเอง
เธอเคาะห้องพอเป็นพิธีแล้วเปิดประตูเข้าไป ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนจมูกนี้ก็ทำให้อิศรารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แล้วทำงานต่อโดยไม่ได้สนใจเธอ
“วันนี้ไปกินมื้อค่ำด้วยกันนะคะ วันก่อนดาด้ารอพี่อิศแต่ว่าก็ชิงกลับไปก่อน ยังไงวันนี้ดาด้าก็ไม่ยอมนะคะ”
“ผมนัดแม่เอาไว้แล้วน่ะ วันนี้ท่านจะทำอาหารที่ผมชอบ งั้นไปกินข้าวที่บ้านผมไหมล่ะ” เขาแกล้งชวนเธอแต่พีรดาเบะปากด้วยความรังเกียจฐานะของชนชั้นกลางอย่างเขา
“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่อิศโทรไปบอกแม่ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วออกไปกินข้าวกับดาด้านะคะ ไม่อย่างนั้นดาด้าไม่ยอมจริงๆ ด้วย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เอาแต่ใจ กอดแขนเขาจนไม่สามารถทำงานต่อได้
“ปล่อยแขนผม ผมกำลังทำงานอยู่” อิศราบอกคู่หมั้นสาวของตนเสียงเรียบ
“ไม่ปล่อยค่ะ จนกว่าพี่อิศจะยอมรับปากว่าคืนนี้เราจะไปดินเนอร์กัน” เธอต่อรองกับเขาแล้วก้มลงมาใช้จมูกคลอเคลียที่แก้มจนอิศราต้องรีบรับปากแล้วโยกใบหน้าออกห่างจากเธอ
“ผมจะไปดินเนอร์กับคุณ ปล่อยแขนผมได้แล้วคนอื่นมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี” เขาบอกเธอแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก ห้าเดือนแล้วที่อยู่ในสถานะคู่หมั้นที่แสนอึดอัดใจอย่างนี้
“งั้นดาด้าจะรอคุณนะคะ เราจะได้ออกไปพร้อมกันเลย” เธอบอกเขาแล้วนั่งรอที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน มีเพียงโต๊ะทำงานเท่านั้นที่ขวางเธอเอาไว้ไม่ให้พุ่งตรงเข้ามายั่วยวนเขา
“ตามใจคุณก็แล้วกัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เอือมระอา แล้วโทรบอกมารดาว่าไม่ต้องทำอาหารเย็นเผื่อตนอย่างที่เธอต้องการเมื่อเห็นว่าตนสลัดไม่หลุดแน่ อย่างไรเย็นนี้เธอก็ต้องบังคับเขาไปด้วยให้ได้
“แม่ไม่ต้องทำอาหารเย็นเผื่อผมนะครับ วันนี้ผมจะพาดาด้าไปทานข้าวข้างนอก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวล แม้อรษาจะยังแข็งแรงไปไหนมาไหนและทำงานบ้านเองได้ แต่ก็ยังห่วงอยู่ดี
เขาวางสายจากมารดาแล้วก้มหน้าทำงานต่อด้วยความรู้สึกผิดต่อมารดาและเอือมระอากับความเอาแต่ใจของพีรดา
พีรดายิ้มอย่างพอใจเมื่อเขาทำตามที่เธอบอกแล้วยิ้มมองคู่หมั้นหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจบปริญญาโทแล้วมารับตำแหน่งผู้บริหารชั่วคราวต่อจากบิดาของเขาที่ล้มป่วย แม้จะขายหุ้นเพื่อรักษาบิดาออกไปเกือบหมดแต่ก็ยังคงเป็นผู้บริหารหนุ่มฝีมือดีความสามารถเป็นที่ยอมรับ
หลังจากที่รักษาอยู่เกือบสองปีบิดาเขาก็เสียชีวิตลง ในตอนนั้นเขาทำงานในตำแหน่งผู้บริหารอย่างเต็มตัว เป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่หญิงสาวหลายคนต่างก็หมายปองเขา แต่เธอเป็นคนเดียวที่สามารถคว้าเขามาไว้ได้
************************
ณ ร้านอาหารสุดหรูที่พีรดาเป็นคนเลือก เธอสั่งอาหารราคาแพงและไวน์มาดื่มกับเขา แม้หญิงสาวจะเสนอจ่ายค่าอาหารทั้งหมดแต่เพราะความเป็นสุภาพบุรุษและไม่อยากอยู่ใต้เงาของเธออิศราจึงอาสาจะจ่ายให้ทั้งหมดทำให้พีรดายิ้มน้อยยิ้มให้ที่คิดว่าเขาทำเพื่อเอาใจเธอ
“งานแต่งงานของเราพี่อิศว่าจะจัดที่ไหนดีคะ ที่โบสถ์ ในสวน ที่โรงแรม หรือว่าที่ชายหาดดี” เธอถามเขาถึงเรื่องงานแต่งงานที่ปรารถนามานานแต่อีกฝ่ายประวิงเวลาเอาไว้
“เราอย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนี้จะดีกว่า” เขาพูดเสียงเรียบแล้วหั่นสเต๊กเนื้อราคาแพงเข้าปากทีละชิ้นแล้วดื่มด่ำกับรสชาติของมัน ให้สมกับเงินที่ต้องจ่ายในมื้อนี้
“ตอนแรกก็ว่าให้พ้นงานร้อยวันพ่อพี่อิศไปก่อน ต่อมาก็บอกว่าสถานะทางการเงินยังไม่พร้อม นี่ดาด้าก็ยอมลดสเปกงานลงแล้วนะคะ จัดที่สวนหรือที่โบสถ์ก็ได้งบไม่แพงมากอะไรแต่พี่อิศก็ยังจะบ่ายเบี่ยงอีกเหมือนไม่อยากแต่งกับดาด้า” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เอาแต่ใจ
อิศราเงยหน้าขึ้นมองกิริยาของลูกสาวประธานบริษัทแล้วจ้องมองเธอที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขาหมั้นด้วยอย่างจำใจ
“อยากฟังหรือเปล่าล่ะ ว่าผมอยากแต่งงานกับคุณไม่” เขาถามเสียงเรียบเป็นนัยว่าไม่อยากพูดประโยคที่เสียดแทงใจของเธอ ทำให้พีรดาสงบลงแล้วปั้นหน้ายิ้มเอาใจเขา
“ดาด้าก็แค่อยากแต่งงานเร็วๆ เท่านั้นเองค่ะ อยากเจอพี่อิศทุกวัน อยากตื่นมาพร้อมๆ กันกับพี่อิศ” เธอพูดเสียงหวานให้ฟังดูซึ้งแต่เขากลับอยากออกห่างจากเธอ
อิศราไม่พูดอะไรมาก เขาหมั้นกับเธอและทำตามใจบางอย่างเท่าที่ทำได้ก็ฝืนและเสียศักดิ์ศรีมากพอแล้ว หากไม่ติดที่ว่ากลัวเสียหุ้นสุดท้ายที่มีและตำแหน่งผู้บริหารที่สืบทอดต่อจากบิดาทั้งๆ ที่พึ่งเรียนจบใหม่โดยการสนับสนุนของบิดาเธอ เขาคงไม่ต้องอึดอัดใจอยู่อย่างนี้
หลังจากมื้อดินเนอร์สุดหรูได้จบลง อิศราก็เดินไปส่งเธอที่รถแต่ว่าเพราะพีรดาวางแผนมาแล้วว่าเธอจะไปต่อกับเขาจึงมอมตัวเองด้วยการดื่มไวน์จนเมาแล้วอยากให้เขาพาเธอไปส่งที่คอนโดส่วนตัวไม่อยากกลับบ้านในคืนนี้
“พี่อิศไปส่งดาด้านะคะ ดาด้าขับรถไม่ได้แล้ว เมามากเลย” เธอออดอ้อนเขา แข้งขาอ่อนเกาะเขาตลอดเวลาให้เขาพยุงเธอเอาไว้ ทำให้อิศราลำบากใจ
“งั้นผมจะไปส่งที่บ้านของคุณก็แล้วกัน”
“ไม่เอาค่ะ เมากลับบ้านแบบนี้พ่อดุดาด้าแน่ ไปส่งที่คอนโดนะคะ แล้วนั่งดื่มต่อกับดาด้าอีก ...คืนนี้ดาด้าพร้อมเป็นของพี่อิศแล้ว” เธอกระซิบเขาในตอนท้ายเชิญชวนอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งทำให้อิศรารู้สึกลำบากใจหนักขึ้น
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้อิศรารู้สึกขายหน้าเล็กน้อยที่เจอกันในสภาพอย่างนี้
“เอ่อ คู่หมั้นของผมเธอเมามากครับ ไม่ยอมกลับบ้านแต่จะให้ผมไปส่งที่คอนโดแต่ผมเกรงว่าจะดูไม่ดี”
“งั้นให้ณิไปเป็นเพื่อนไหมคะ คุณขับรถเธอไปส่งเธอ ณิจะขับรถคุณตามไป ขากลับคุณค่อยมาส่งณิ” เธอเสนอความช่วยเหลือให้แก่เขาทำให้อิศราพยักหน้ารับ เพราะนอกจากจะไปส่งพีรดาได้โดยไม่ต้องหลับนอนกับเธอแล้ว ยังมีโอกาสใกล้ชิดกับคนตรงหน้านี้อีกด้วย
“ไม่นะคะ พี่อิศต้องไปส่งดาด้าสองต่อสอง” พีรดาไม่ยอม แม้จะเมาแต่ก็มีสติรู้เรื่องที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน และไม่ยอมให้พลาดโอกาสใกล้ชิดกับอิศราหลุดลอยไป
“ท่าจะเมามากแล้ว งั้นเรารีบไปส่งเธอดีกว่าครับ” เขาบอกแล้วพาพีรดาขึ้นรถไป ก่อนจะยื่นกุญแจรถของตัวเองให้กับณิชา
ณิชารับกุญแจนั้นไว้แล้วขับตามไปจนถึงคอนโดสุดหรูของอดีตเพื่อนรัก ตามเขาไปส่งเธอที่ห้องแล้วรอให้อิศรารีบปลีกตัวออกมาจากพีรดาที่เมามาก ก่อนจะล็อกห้องให้เธอแล้วรีบกลับออกมาพร้อมกับเขา
“เหมือนเธอจะอยากให้คุณอยู่ด้วยนะคะ” ณิชายิ้มหยอกเย้าเขาที่เกือบออกมาไม่ได้ แต่อิศราก็ได้แต่ยิ้มรับ
“ขอบคุณมากเลยนะครับ คุณณิช่วยผมไว้สองครั้งแล้ว”
“งั้นณิคงต้องขอไปทานกับข้าวฝีมือคุณป้าบ่อยๆ แล้วล่ะคะ” เธอพูดทีเล่นทีจริง แต่อิศรายินดีมากหากเธอจะทำอย่างที่บอกเพราะมารดาของเขาก็ดูเหมือนจะชอบเธอมาก
“ยินดีต้อนรับเสมอครับ” เขาบอกเธอแล้วพาเธอไปที่รถ นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้หัวใจเต้นแรงแบบนี้กับใคร แต่ติดที่ตนเองมีคู่หมั้นอยู่แล้วจึงได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ ให้ได้แค่มิตรภาพที่ดีต่อกันในฐานะเพื่อนเท่านั้น
************************
