ตอนที่ 3 เหตุบังเอิญ
เมื่อสืบจนรู้ว่าบ้านของอิศราอยู่ที่ไหน ณิชาก็ไม่รอช้าที่จะหาทางใกล้ชิดกับเขาให้มากที่สุด
ในตอนบ่ายของวันพุธที่เธอสืบจนรู้ว่ามารดาเขาต้องไปที่โรงพยาบาลในวันพุธแรกของเดือน หญิงสาวรอจนมารดาของเขาออกไปข้างนอกด้วยรถแท็กซี่จึงขับรถตามไปห่างๆ จนถึงโรงพยาบาล
หญิงวัยกลางคนเพียงแค่มาพบหมอตามนัดและรับยากลับบ้านเท่านั้น แต่ขากลับยืนรอรถแท็กซี่อยู่นาน ณิชาจึงได้โอกาสนั้นเข้าไปเสนอความช่วยเหลือ
“คุณป้าให้หนูไปส่งไหมคะ พอดีหนูเห็นว่าคุณป้าโดนตัดหน้าขึ้นแท็กซี่ไปก่อนหลายคันแล้ว” เธอเสนอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหนู ป้ารอได้”
“แดดแรงขนาดนี้ให้หนูไปส่งเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าจะเป็นลมไปซะก่อน” ณิชาอาสาอีกครั้งทำให้เธอนิ่งคิดอยู่พักใหญ่แล้วพยักหน้าตอบรับความช่วยเหลือ
ณิชาเดินนำมารดาของอิศราไปที่รถของเธอแล้วเปิดประตูให้ขึ้นนั่ง แล้วช่วยปิดประตูรถให้ก่อนจะมานั่งในตำแหน่งคนขับรถ
“ป้าจะแวะที่ไหนก่อนไหมคะ นี่ก็จะเย็นแล้วจะแวะซื้ออาหารหรือว่าแวะตลาดก็บอกหนูได้นะคะไม่ต้องเกรงใจ วันนี้หนูไม่มีธุระด่วนที่ไหน”
“งั้นป้าไม่เกรงใจแล้วนะจ๊ะ บ้านป้าอยู่ทางตลาดรื่นฤดี แวะที่ตลาดนั้นให้ป้าหน่อยนะ แล้วหนูก็ต้องอยู่กินมื้อเย็นกับป้า ป้าจะทำกับข้าวอร่อยๆ เลี้ยงตอบแทนหนูเอง” อรษาบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล อยากตอบแทนน้ำใจอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือตน
“งั้นหนูก็ไม่เกรงใจเหมือนกันนะคะ” ณิชาตอบรับแล้วหัวเราะน้อยๆ สร้างรอยยิ้มให้แก่อรษาที่ไม่เคยมีคนมาชวนคุยแบบนี้นานแล้ว เพราะว่าที่ลูกสะใภ้ก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนเลยสักครั้ง
ณิชาไม่ได้เสแสร้งอะไรมาก เธอทำทุกอย่างเป็นธรรมชาติของตนเอง สิ่งเดียวที่เสแสร้งคือการมาดักเจออีกฝ่ายเท่านั้น ดังนั้นกิริยาที่แสดงออกมาอย่างจริงใจตอนที่เดินเลือกซื้อของด้วยกันทำให้อรษานั้นเห็นความจริงใจของอีกฝ่าย
“เลือกของเก่งแบบนี้ ทำกับข้าวเป็นด้วยใช่ไหม”
“ทำไม่เป็นเลยค่ะ แต่ตอนเด็กๆ ณิตามคุณยายไปตลาดบ่อยๆ เลยพอรู้ค่ะ”
“หนูชื่อณิเหรอลูก” อรษาถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“ค่ะ หนูชื่อณิ” ณิชาตอบเสียงหวาน แล้วช่วยถือของที่ซื้อกลับไปขึ้นรถด้วยกันเหมือนแม่กับลูกสาวที่รักใคร่กันจนเป็นที่น่าเอ็นดู
เมื่อไปถึงบ้านของอิศรา ณิชาก็จอดรถไว้ที่นอกบ้านแล้วพาอรษาเข้าไปส่งด้านใน ทั้งสองช่วยกันทำอาหารในครัวโดยที่มีณิชาเป็นลูกมือหั่นผักและเนื้อสัตว์ให้ตามที่อรษาสอน พร้อมทั้งสอนให้เธอทำกับข้าวอย่างง่ายและพูดคุยกันด้วยความสนุกสนาน
“ผัดผักพื้นฐานก็ง่ายๆ เลยลูก ผัดกระเทียมให้หอมใส่เนื้อสัตว์ผัดพอสุกแล้วใส่ผัก เครื่องปรุงหลักๆ ก็มีแค่น้ำมันหอยกับซีอิ๊วขาว ถ้าชอบหวานก็ใส่น้ำตาลเพิ่ม”
“ทำง่ายจังเลยนะคะ ณิคิดว่าจะทำยุ่งยากกว่านี้เสียอีก” ณิชาพูดแล้วดูผัดผักฝีมือของตนเองด้วยความภูมิใจ ตอนที่ครอบครัวยังอยู่ในฐานะปานกลางแม่กับยายของเธอเข้าครัวเองอยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้ที่ธุรกิจก้าวหน้าก็มีแม่บ้านทำกับข้าวให้จึงไม่ได้เข้าครัวเอง
“กับข้าวอย่างอื่นเสร็จแล้ว งั้นเราไปตั้งโต๊ะกันเลยไหม วันนี้ป้ามีเพื่อนกินข้าวคงเจริญอาหารน่าดู”
“คุณป้าอยู่คนเดียวเหรอคะ” ณิชาถามเมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น
“อยู่กับลูกชายแค่สองคนน่ะ รายนั้นกลับบ้านไม่ตรงเวลาสักวันป้ารอไม่ไหวหรอกต้องกินข้าวตรงเวลาจะได้กินยา” อรษาอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ งั้นเรากินกันก่อนเลยนะคะ” เธอยิ้มรับแม้ในใจจะเสียดายที่ไม่ได้เจออิศรา แต่การผูกมิตรกับมารดาของเขาก็ถือว่าคืบหน้าไปมากแล้ว
ในขณะเดียวกันอิศราที่หลบหน้าพีรดารีบมุ่งตรงกลับบ้าน ปกติแล้วช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาจะเห็นณิชามาทำงานในเวลาไล่เลี่ยกับตนและบังเอิญเจอกันในลิฟต์อยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้เขาไม่เห็นเธอทำให้รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อกลับไปถึงบ้านก็พบว่ามีรถคันคุ้นตาจอดอยู่ที่ข้างรั้วหน้าบ้านของตน เขาจำรถของณิชาได้แล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่นึกไม่ออกเลยว่าเธอรู้จักใครที่อยู่ในหมู่บ้านนี้
เขานำรถเข้าไปจอดในบ้าน เมื่อเห็นรองเท้าส้นสูงของผู้หญิงถอดอยู่หัวใจก็เต้นแรง แต่จะเป็นเธอไปได้อย่างไรในเมื่อเขาและเธอไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นรู้จักบ้านขนาดนี้
เสียงหัวเราะที่สดใสของมารดาและแขกปริศนาทำให้อิศรารีบก้าวเข้าไปในบ้าน เขาเห็นแค่ด้านหลังก็รู้แล้วว่าเธอคือณิชา รอยยิ้มของเขาผุดขึ้นที่มุมปากด้วยความดีใจอย่างลืมตัว
“กลับมาแล้วเหรอลูก มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ” อรษาเรียกลูกชายด้วยความดีใจ
อิศราเดินไปนั่งข้างมารดาพอเห็นณิชาต่างคนก็ทำหน้าประหลาดใจก่อนจะยิ้มให้แก่กัน
“หนูณิ นี่ลูกชายป้าเอง อิศนี่หนูณิ เธอช่วยมาส่งแม่ที่บ้านและพาแวะตลาดด้วย” อรษาแนะนำทั้งสองคนให้ได้รู้จักกัน แล้วมองสายตาของอิศราที่มองณิชาอย่างเป็นประกายแล้วรู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่
“ยินดีที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการค่ะ” ณิชาทักทายเขาออกไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ครับ แล้วนี่ไปยังไงมายังไงถึงได้ช่วยคุณแม่ผมไว้ได้”
“ณิไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลค่ะ พอจะกลับก็เห็นว่าคุณป้ายืนรอแท็กซี่แล้วมีคนขึ้นตัดหน้าอยู่หลายคนแล้วเลยอาสามาส่งค่ะ” เธอบอกเขาแล้วหันไปยิ้มให้แก่หญิงวัยกลางคน ที่ใจเย็นไม่โวยวายตอนที่โดนแซงคิวขึ้นรถไปอยู่หลายครั้ง
“แม่ใจดีจนตัวเองลำบากอีกแล้วนะครับ ดีนะที่เจอคุณณิเข้า” อิศราหันไปบ่นให้มารดาที่มักจะอ่อนโยนและใจดีกับทุกคนเสมอ
“นี่รู้จักกันด้วยเหรอ โลกกลมจริงๆ” อรษาไม่ได้สนใจที่ลูกชายพูดไปมากกว่าสายตาของเขาที่มองณิชาไม่หยุด
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยมาส่งแม่ผม แล้วยังพาแวะตลาดอีก” เขาขอบคุณเธอแล้วยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณเองก็เคยช่วยณิเอาไว้ตอนนั้นและอีกอย่างณิยังได้ทานอาหารอร่อยๆ ฝีมือคุณป้าเป็นการตอบแทนแล้ว ณิเองมากกว่าที่ต้องขอบคุณ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและยิ้มให้อรษามากกว่าอิศรา แสดงให้เห็นว่าเธอสนใจมารดาของเขาไม่ได้สนใจแค่เขาคนเดียว
“งั้นก็กินเยอะๆ นะหนูณิ ป้าจะได้ชื่นใจ”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ อร่อยทุกอย่างขนาดนี้ณิต้องเพิ่มข้าวอีกจานแน่”
อิศราอมยิ้มมองเธอที่เข้ากับมารดาของเขาได้ ต่างกับคู่หมั้นที่หมั้นโดยไม่เต็มใจของตน เธอนั้นไม่แม้แต่จะอยากมาเหยียบที่นี่ ไม่อยากมาเจอมารดาของเขา แล้วยังเร่งรัดให้แต่งงานและให้เขาย้ายไปอยู่กับเธออีก ไม่รู้ว่าจะประวิงเวลาได้นานอีกสักแค่ไหน
ณิชาชวนอรษาพูดคุยเรื่องอาหารกันอย่างออกรส เธอต่างกับคนอื่นที่มักจะเข้าหาและเอาใจเขา บางทีเธออาจจะรู้ว่าตนมีเจ้าของแล้วจึงไม่ได้ให้ความสนใจ แล้วหากเขาถอนหมั้นกับพีรดาแล้วเธอจะสนใจเขาหรือไม่นั้นก็ทำให้อิศราอดคิดหวังไม่ได้
‘บ้าไปแล้ว ดาด้านะเหรอจะยอมปล่อยเราไปง่ายๆ’ เขาได้แต่ปลงในสิ่งที่ตนเองแอบหวัง ซึ่งไม่มีวันเป็นไปได้อยู่แล้ว และคนที่ดีพร้อมอย่างณิชาก็คงไม่ได้สนใจแค่ผู้บริหารระดับกลางๆ อย่างเขาแน่
************************
