บทที่ 4
บทที่ 4
‘ในที่สุดน้องสาวก็ทำได้! แต่ว่าการผูกพันธะนี้ยังไม่สมบูรณ์ น้องสาวโปรดตั้งชื่อให้พี่ชายด้วย’
เสียงของมังกรพิษทมิฬบรรพกาลดังขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“ข้าขอตั้งชื่อให้ท่านว่าเสี่ยวหลงแล้วกัน...”
‘ถุย! พี่ชายไม่ใช่มังกรตัวน้อยเสียหน่อย พี่ชายไม่เอาชื่อนี้เด็ดขาด เรียกพี่ชายว่าต้าหลงแล้วกัน’
‘ในเมื่อมีชื่อในใจอยู่แล้ว เช่นนั้นท่านจะให้ข้าตั้งให้อีกทำไม’
ปลายฟ้าที่ได้ยินคำกล่าวของมังกรตัวเล็กก็ถึงกับหัวเราะไม่ออก แต่เธอก็พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี
‘ถึงตอนนี้แม้ว่าน้องสาวจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับรวบรวมวิญญาณขั้นกลาง ที่มีความแข็งแกร่งกว่าเขตขั้นเดียวกันก็จริง แต่ก็ไม่อาจรองรับพลังปราณของพี่ชายที่เป็นถึงสัตว์อสูรบรรพกาลอายุหมื่นปีได้...’
‘ดังนั้นวงแหวนเหล่านี้จะเป็นดั่งผนึกที่คอยกักเก็บพลังปราณแห่งมังกรเอาไว้ภายใน และด้วยความช่วยเหลือสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่ชายจะมอบให้ การเลื่อนระดับของน้องสาวหลังจากนี้จะค่อยเป็นค่อยไปอย่างมั่นคง และก้าวหน้ารวดเร็วกว่าผู้อื่นหลายเท่า’
มังกรพิษทมิฬบรรพกาลก่ลาวด้วยน้ำเสียงโอ้อวด
“ทุกการเลื่อนระดับพลังบำเพ็ญเพียร ผนึกเหล่านี้จะถูกปลดออกและเข้าหลอมรวมกับพลังลมปราณในร่างกายของข้าใช่หรือไม่?”
‘เป็นเช่นนั้น สิ่งเหล่านี้พี่ชายได้เตรียมไว้อย่างเหมาะสมแล้ว เงื่อนไขสำคัญของพันธะสัญญาแห่งชีวิตนั่นคือ หากเจ้าของพันธะตายสัตว์อสูรในพันธะก็ไม่อาจอยู่ต่อได้...’
‘แต่นี่ก็เป็นเพียงเงื่อนไขในช่วงแรกเท่านั้น หลังจากที่น้องสาวสามารถเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมรวมวิญญาณได้สำเร็จ พี่ชายก็จะสามารถสร้างกายเนื้อได้อีกครั้ง เมื่อนั้นข้อจำกัดนี้ก็จะหายไปด้วยเช่นกัน...’
ได้ยินดังนั้น ปลายฟ้าถึงกับพูดอะไรไม่ออก การที่เธอได้ครอบครองสัตว์อสูรบรรพกาลอายุหมื่นปีในพันธะสัญญานับกว่าเป็นเรื่องที่ยากจะเหลือเชื่อแล้ว แม้จะคาดเดาได้ว่าการผูกพันธะสัญญาแห่งชีวิตในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้มากถึงเพียงนี้
เพราะนั่นหมายความว่าเส้นทางเดินของเธอหลังจากนี้ย่อมไร้ซึ่งขีดจำกัดทั้งสิ้น
‘เอาล่ะ! ตอนนี้น้องสาวควรกลับเข้าร่างของเจ้าได้แล้ว จงระวังสัตว์อสูรตรงด้านนอกนั้นด้วยเล่า ร่างกายของเจ้ายังต้องปรับสมดุลให้มั่นคง หากไม่ระวังให้ดีอาจพลาดท่าเอาได้’
สิ้นเสียงดังกล่าวราวกับไม่ต้องการให้หญิงสาวได้ทันตั้งตัว เงาร่างจิตวิญญาณที่อยู่ในห้วงมิติจิตแห่งนี้ได้ถูกดูดกลืนออกไป พร้อมกับให้ความรู้สึกคุ้นเคยของผืนป่าและกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ ที่สัมผัสได้อีกครั้ง ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่ง
ร่างกายนี้แข็งแกร่งขึ้นมาก ร่องรอยความเหนื่อยล้ารวมทั้งบาดแผลที่เลือนหายไป ได้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่าทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความจริง
ยามนี้เธอได้ทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์มังกรบรรพกาลที่มีอายุถึงหมื่นปี ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญเพียรระดับรวบรวมวิญญาณที่เต็มเปี่ยม
ดูเหมือนว่าเป้าหมายและความตั้งใจของม่านหรงซือหยวนคนเก่าได้ประสบความสำเร็จตามหวังแล้ว
พลังบำเพ็ญเพียรที่แต่เดิมติดอยู่ตรงจุดคอขวด นั่นคือระดับก่อเกิดวิญญาณขั้นสูงได้รับการยกระดับขึ้นเป็นระดับรวบรวมวิญญาณขั้นกลางแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดนั่นคือความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล รวมไปถึงกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นก็ลึกล้ำไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เพียงแต่ปลายฟ้าที่เป็นเจ้าของร่างของม่านหรงซือหยวนสัมผัสได้เท่านั้น ทว่ากับพยัคฆ์อสูรที่ตั้งท่าจะโจมตีก่อนหน้าคล้ายกับถูกแรงกดดันบางอย่าง จึงไม่อาจหุนหันพุ่งเข้ามาโจมตีตามความตั้งใจเดิม
เกิดสิ่งใดขึ้นกัน! สีหน้างุนงงของผู้ล่าแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา
ก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกตนตรงหน้ายังเป็นเพียงเหยื่อที่มันต้องการเล่นให้สาสมใจ ก่อนที่จะค่อยๆ กลืนกิน
ทว่ายามนี้กลิ่นอายความแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาโดยรอบ ทำให้มันรู้สึกลังเลไม่น้อย ด้วยสัญชาติญาณของนักล่าย่อมชมชอบที่จะเล่นกับเหยื่อที่คิดว่าอ่อนด้อย แต่ดูเหมือนว่ายามนี้ ความคิดนั้นได้ถูกแทนที่เป็นความหวาดกลัวไปเสียแล้ว
แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะเต็มไปด้วยความกดดันมากเพียงใด แต่ปลายฟ้ายังคงยืนประจันหน้าอย่างไม่กลัวเกรง แม้ว่าร่างกายอันใหญ่โตของสัตว์อสูรตรงหน้ายังคงเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้า พร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามอย่างข่มขวัญที่ดังสะท้านไปทั่ว
กลิ่นสาปจางๆ ของสัตว์อสูรระดับขุนพลขั้นกลางอันเข้มข้นได้ส่งผลให้สัตว์ป่าทั่วไปและสัตว์อสูรที่อ่อนด้อยล้วนล่าถอยออกห่างจากบริเวณนี้ทั้งสิ้น
ขณะที่ปลายฟ้ากำลังเตรียมตั้งรับการจู่โจมที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้ เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยได้ดังขึ้นในห้วงความคิด
แน่นอนว่าย่อมเป็นเสียงของต้าหลงหรือมังกรพิษทมิฬบรรพกาลที่พึ่งได้ผูกพันธะไป สิ่งนี้จึงทำให้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ด้วยเธอคิดว่า อีกฝ่ายคงใช้เวลาดูดซับพลังปราณในห้วงมิติจิต ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นห่วงและคอยเคียงข้างกันเช่นนี้
‘น้องสาวไม่ต้องกลัว พี่ชายจะช่วยสนับสนุนเจ้าเอง!’
สิ้นเสียงดังกล่าว กลิ่นอายของเผ่าพันธ์มังกรก็ได้แผ่เข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เปรียบดั่งปราการป้องกัน ทั้งยังสะกดข่มอสูรนี้ให้หมดสิ้นพยศ
พินิจจากจิตสังหารอย่างรุนแรงที่พวยพุ่งออกมาจากอสูรพยัคฆ์นิลกาฬนั้น ด้วยระดับพลังระดับขุนพลขั้นกลางที่มันครอบครองอยู่ย่อมเปรียบเทียบได้กับผู้ฝึกตนที่มีระดับบำเพ็ญเพียรรวบรวมวิญญาณผู้หนึ่ง แต่อย่างไรสัตว์อสูรย่อมมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนอยู่ไม่น้อย ดังนั้นการปะทะครั้งนี้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จึงจำเป็นต้องทุ่มเทพลังฝีมือที่มีทั้งหมด ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจรักษาชีวิตได้แล้ว
‘อสูรพยัคฆ์นิลกาฬขึ้นชื่อในเรื่องการลอบโจมตี แต่ไม่ใชเรื่องที่ต้องกังวลเท่าไหร่ เอาล่ะ! น้องสาวจงรวบรวมและโคจรพลังปราณออกมาเสีย!’
อสูรพยัคฆ์นิลกาฬคำรามลั่นเสียงดัง ก่อนที่จะพุ่งเข้าโจมตีเข้ามาด้วยความรวดเร็วยิ่ง
ปลายฟ้าที่ได้รับการแนะนำจากมังกรเฒ่า ได้ตั้งท่าเตรียมรับมืออยู่แล้วนางจึงหลบออกไปด้านข้างได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนจะส่งพลังปราณที่ได้รวมรวมอยู่ในมือซัดออกไปอย่างเต็มแรงและประสานเข้ากับท่าร่างวิชาตัวเบา
‘เยี่ยมมากน้องสาว จัดการมันเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!’
เสียงของต้าหลงยังคงดังอยู่ห้วงความคิด
ปลายฟ้าที่ได้ยินดังนั้นจึงเร่งถ่ายเทพลังลมปราณเข้าสู่กริชสั้นในมือ พร้อมกับโคจรพลังปราณโดยรอบเพื่อเตรียมความพร้อม พอเห็นว่าสัตว์อสูรตรงหน้าจะลงมืออีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจใช้เคล็ดวิชาของม่านหรงซือหยวนที่เคยได้รับการฝึกฝนเป็นภาพชัดในความจำอย่างไม่ลังเล
เคล็ดวิชากริชเงาหมื่นมรณะ!!
เสียงคำรามอย่างหงุดหงิดของอสูรพยัคฆ์นิลกาฬดังขึ้นอย่างเสียไม่ได้ หนึ่งผู้ฝึกตน หนึ่งสัตว์อสูรต่างไหววูบพุ่งเข้าหากันอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งยามนี้ปลายฟ้าได้รับแรงสนับสนุนจากพันธะสัญญาแห่งชีวิตแล้ว นอกเหนือจากพละกำลังที่มีเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า การเคลื่อนไหวยังรวดเร็วเพิ่มด้วยเช่นกัน ญาณสัมผัสที่ได้รับการยกระดับขึ้นได้ส่งผลให้การรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวจึงสามารถตั้งรับการจู่โจมอย่างกระทันหันนี้อย่างทันท่วงที
กริชสั้นเล่มสีขาวพิสุทธิ์ได้ถูกเรียกใช้อย่างคุ้นชินก่อนที่ปลายฟ้าจะตวัดไปเบื้องหน้าอย่างสุดแรง ด้วยสัญชาตญาณอันแหลมคมของอสูรพยัคฆ์นิลกาฬจึงรับรู้ได้ว่ากริชเล่มนี้ได้แฝงไปด้วยพลังปราณพิสดารสายหนึ่ง ที่สะกดข่มสายเลือดของมันโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง ดังนั้นมันจึงรวบรวมพลังประสานขึ้นคล้ายกับเป็นโล่สีดำสนิท ที่คาดเดาได้ว่ามีความแข็งแกร่งไม่น้อย
ทันทีที่กริชสั้นเข้าปะทะกับโล่ป้องกันตรงหน้าของสัตว์อสูร ได้เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนสนั่นหวั่นไหวไปทั่วผืนป่า การโจมตีของปลายฟ้าครั้งนี้ยังแฝงไปด้วยพลังแห่งมังกรอันกล้าแกร่ง แม้จะต้องใช้พลังปราณในร่างกายจำนวนไม่น้อยในการรวบรวมก็ตาม แต่หากต้องการเข้าจู่โจมอย่างฉับไวเช่นนี้ กล่าวว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ร่างกายชุ่มเลือดของอสูรพยัคฆ์นิลกาฬพุ่งตรงเข้ามาด้วยความรวดเร็ว พริบตานั้นระยะหว่างเกือบสองลี้ได้ลดลงเหลือเพียงไม่กี่จั้งเพียงเท่านั้น ก่อนที่ไอปราณสีดำแดงนี้จะเอ่อล้นออกมาท่วมท้นล้อมรอบปลายฟ้าเอาไว้
แม้ว่าระดับพลังของอสูรพยัคฆ์นิลกาฬจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นระดับขุนนางขั้นสูงเทียบได้กับระดับบำเพ็ญเพียรหลอมรวมวิญญาณด้วยสภาวะคลั่งเช่น เสียงกระแทกราวกับวัตถุบางอย่างกระทบกันได้ดังขึ้นสะท้านไปทั่วทันทีที่อสูรตรงหน้าได้ตัดสินใจพุ่งเข้าใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยว แรงปะทะอย่างรุนแรงนี้ได้ทำให้ปราการที่คุ้มครองนั้นสั่นไหวเล็กน้อย
‘มันเริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว รวมรวมพลังปราณอีกครั้งแล้วโจมตีมันเสีย!’
ปลายฟ้ายังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วคล่องแคล่ว
และด้วยคำแนะนำของต้าหลงจึงสามารถหลบหลีกกรงเล็บอันแหลมคมของอสูรพยัคฆ์นิลกาฬได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อเห็นจังหวะที่สามารถช่วงชิงความได้เปรียบแล้ว ปลายฟ้าจึงรวบรวมพลังปราณในมือก่อนจะสั่งการให้พุ่งตรงไปยังร่างกายใหญ่โตของอสูรตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งได้ตั้งตัว
ทั่วทั้งร่างกายของอสูรพยัคฆ์นิลกาฬในยามนี้ล้วนอาบชุ่มไปด้วยหยาดโลหิตสีสด สายตาพิฆาตเปี่ยมด้วยจิตสังหารได้จับจ้องไปยังผู้ฝึกตนตรงหน้าอย่างไม่วางตา ไม่คิดว่าเหยื่อที่หมายตาไว้จะเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บจนน่ารำคาญใจ
โฮก!!
เสียงร้องคำรามลั่นสนั่นสะเทือนฟ้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
ยังดีที่ปลายฟ้ามีม่านพลังของมังกรพิษทมิฬบรรพกาลคุ้มกายอยู่ ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะหลบพ้นจากการโจมตีด้วยคลื่นสังหารที่อัดแน่นไปด้วยโทสะเช่นนี้ได้
เสียงย่ำเท้าประสานเข้ากับท่วงท่าพิสดาร ก่อนที่ทั่วทั้งร่างกายของอสูรพยัคฆ์ทมิฬจะปลดปล่อยพลังปราณออกมาอย่างท่วมท้นไปทั่วบริเวณ พร้อมกับระดับพลังบ่มเพาะได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นระดับขุนนางที่เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมรวมวิญญาณขั้นสูงในช่วงเวลาสั้น ๆ
‘แย่แล้ว! เจ้าอสูรพยัคฆ์นิลกาฬตัวนี้กำลังเข้าสู่สภาวะคลั่ง เตรียมรับมืออย่างเต็มกำลัง’
เสียงร้องเตือนของต้าหลงดังขึ้นด้วยความร้อนรนใจ…
