บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

บทที่ 5

เสียงของต้าหลงดังขึ้นด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่คิดว่าอสูรพยัคฆ์นิลกาฬนั้นจะถึงกับถอดร่างจิตวิญญาณออกมา การกระทำอันบ้าคลั่งนี้ย่อมหมายความว่ามันยอมสละทุกอย่าง และพร้อมระเบิดจิตวิญญาณให้แตกสลาย เพื่อให้เป้าหมายที่มันต้องการนั้นตกตายไปพร้อมกัน

แต่ก่อนที่ต้าหลงจะฝืนใช้ร่างจิตวิญญาณที่ยังประสานเข้ากับม่านหรงซือหยวนได้ยังไม่สมบูรณ์เพื่อต้านรับการโจมตีนี้ พลันปรากฎเงาร่างของบุรุษปริศนาผู้หนึ่งเข้าขวางทางการโจมตีของจิตวิญญาณอสูรพยัคฆ์นิลกาฬนี้ไว้ได้ พร้อมกับที่ไอปราณสีดำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายเข้มข้น และด้วยจิตสังหารอันบ้าคลั่งนี้ได้พุ่งเข้าทำลายล้างร่างจิตวิญญาณของสัตว์อสูรตนนั้นอย่างโหดเหี้ยมจนสูญสลายไปในทันที

เมื่อร่างจิตวิญญาณสูญสลาย กายเนื้อของอสูรพยัคฆ์นิลกาฬย่อมไร้ซึ่งการควบคุมและทรุดลงสิ้นใจไปในที่สุด เหนือร่างไร้วิญญาณนั้นได้ปรากฎแก่นปราณอสูรระดับขุนพลที่เปล่งประกายรัศมีเข้มข้น สิ่งนี้ย่อมหมายความว่าอีกเพียงขั้นเดียวอสูรตรงหน้านี้ก็จะข้ามผ่านเป็นระดับขุนนางได้แล้ว ดังนั้นแก่นปราณอสูรนี้ย่อมมีความล้ำค่า สามารถเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายและมอบทักษะวิญญาณแก่ผู้ดูดซับเข้าไปอย่างแน่นอน

ปลายฟ้าที่อยู่ในร่างของม่านหรงซือหยวนสัมผัสได้ถึงพันธนาการทางจิตวิญญาณที่คลายลงไปยามเมื่ออสูรพยัคฆ์นิลกาฬได้สิ้นใจตายไป ตรงเบื้องหน้าของหญิงสาวเห็นเป็นหลังอันแข็งแกร่งของบุรุษปริศนาที่เข้ามาช่วยชีวิตของเธอได้อย่างทันท่วงที แต่ก่อนที่จะกล่าวคำขอบคุณใดใดได้ทัน อีกฝ่ายก็พุ่งทะยานหายไปเสียแล้ว...

อาณาจักรปฐพี จวนตระกูลม่านหรง

ม่านหรงซางกวน เป็นผู้นำตระกูลม่านหรงที่ขึ้นปกครองตระกูลต่อจากอดีตผู้นำตระกูล ม่านหรงซ่างเสิน ผู้เป็นบิดาเมื่อเกือบสิบปีก่อน โดยได้ตบแต่งสวีเยว่หงเข้าเป็นเอกภรรยาเพียงหนึ่งเดียวและเปลี่ยนใช้แซ่เป็นม่านหรงเยว่หง ทั้งยังมีม่านหรงซือหยวนเป็นบุตรสาวที่เป็นดั่งโซ่ทองผูกความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แน่นแฟ้นมาจนถึงทุกวันนี้

ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยามนี้ของตระกูลม่านหรงได้ส่งผลให้บรรยากาศของจวนหลักนั้นหนักอึ้งราวกับมีภูเขาหินก้อนมหึมาทับอยู่แผ่ซ่านไปทั่ว เป็นเวลาถึงสามวันแล้วที่ม่านหรงซือหยวน บุตรสาวเพียงคนเดียวของม่านหรงซางกวน ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้

แม้จะผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่คอยสั่งสมประสบการณ์ที่เข้ามาทดสอบในฐานะผู้นำตระกูล ชายวัยกลางคนผู้นี้ย่อมไม่หวั่นไหวและยังเปี่ยมไปด้วยท่าทางแข็งแกร่ง ทว่าบัดนี้ใบหน้าหล่อเหลาสมวัยนั้นได้ปรากฎร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้ายิ่ง

ก่อนหน้านี้ม่านหรงซางกวนได้ส่งคนออกตามหาบุตรสาวอย่างไม่ลดละ แต่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยนี้ท่ามกลางสายตาที่ต่างจับจ้องอยู่จึงล่วงรู้ได้ ในที่สุดถึงข่าวการหายตัวไปของม่านหรงซือหยวน จากนั้นข่าวคราวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็วยากที่จะห้ามได้ไปเสียแล้ว แต่อย่างไรก็ได้ประโยชน์อยู่เล็กน้อยตรงที่ว่าเพียงหนึ่งวันให้หลังก่อนหน้าจึงได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์จากคำบอกเล่าของกลุ่มนักล่าอสูร

แม้ไม่รู้ว่าคำกล่าวนี้น่าเชื่อถือได้มากน้อย หรือสตรีผู้นั้นจะเป็นบุตรสาวที่หายตัวไปหรือไม่ อย่างไรม่านหรงซางกวนได้ส่งคนออกไปตามหาอย่างไม่รั้งรอด้วยความกังวลใจ แม้จะกล่าวว่าเป็นเพียงเขตป่าชั้นนอก แต่หากเทียบกับม่านหรงซือหยวนผู้ที่ร่างกายอ่อนแอไร้ซึ่งสัตว์อสูรในพันธะ ทั้งยังเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อเกิดขั้นสูง สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่เพียงพอที่จะเข้าสู่สถานที่อันตรายเช่นนั้น ด้วยสิ่งเหล่านี้จึงยิ่งทำให้หัวใจความกังวลใจของสมาชิกตระกูลม่านหรงนั้นเกิดความเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

ภายในห้องโถงใหญ่ของตระกูลม่านหรง เสียงถอนหายใจอย่างหนักอึ้งได้ดังสะท้อนทำลายความเงียบไปเสียสิ้น แสงเทียนเพียงน้อยนิดส่องสว่างให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ระทม อดีตผู้นำตระกูลม่านหรงซ่างเสิน ในฐานะของปู่ที่คอยเฝ้าเลี้ยงดูอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอมด้วยสองมือยามนี้ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้อย่างเงียบขรึม มือหนาที่เคยแข็งแกร่งนั้นสั่นเทาเล็กน้อย

“ยังไม่มีข่าวคราวอย่างนั้นรึ?” เสียงแหบพร่าของชายชราเอ่ยขึ้น ทั้งที่คำถามนี้ได้ถูกถามไปไม่รู้กี่ครั้งตลอดหลายวันมานี้ แต่คำตอบก็ยังคงเป็นความเงียบเหมือนเดิม

“ท่านพ่อ...ข้าได้ส่งคนออกตามหาแล้ว แต่เขตป่าชั้นนอกนั้นอันตรายและกว้างใหญ่เกินไปจึงทำให้การค้นหาอาจจะล่าช้ากว่าที่คิดไว้ขอรับ” ม่านหรงซางกวนตอบกลับผู้เป็นบิดาไปพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด

“ไม่ว่าอย่างไรจะต้องหาหลานสาวของข้าให้ได้ เข้าใจหรือไม่!” เสียงที่เคยเคร่งขรึมพลันอ่อนลงเล็กน้อย แต่ชายชรายังไม่ลืมเน้นย้ำความต้องการของตนออกไป

“พ่อบ้านฝู จงเรียกกลุ่มผู้คนหาเหล่านั้นกลับมาตอนนี้และเตรียมคนที่จะเข้าไปในถ้ำลึกลับอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าจะออกไปตามหาด้วยในครั้งนี้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดข้าจะต้องนำหลานสาวของข้ากลับมาให้ได้!” ม่านหรงซ่างเสินตัดสินใจในที่สุด

“แต่ท่านพ่อถ้ำลึกลับนั้นอันตรายเกินไปนะขอรับ ให้ข้าไป…” ม่านหรงซางกวนรีบเอ่ยคัดค้านบิดาไปในทันที

“เจ้าเป็นถึงผู้นำตระกูล จงอยู่ดูความเรียบร้อยของจวนเสีย บิดาของเจ้าหาใช่ไร้ฝีมือไปเสียเมื่อไหร่กัน” ม่านหรงซ่างเสินเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน ทั้งดวงตาที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลากลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น แม้ว่าปลายทางนั้นความตายจะรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม

“ท่านพี่ แม้แต่ตระกูลอวี้เหวิน พวกเขาไม่คิดจะช่วยเหลือตระกูลม่านหรงเลยหรือไงกัน?” ม่านหรงจิ้งถิงผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามอย่างขับข้องใจ

“ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากตระกูลในพันธมิตรการค้าและตระกูลอวี้เหวินแล้ว แต่ก็ไร้ผลพวกเขาต่างเมินเฉยคำขอดังกล่าว บางตระกูลก็กลัวจะได้รับผลกระทบ บางตระกูลก็บอกว่ากำลังประสบปัญหาอยู่เช่นกัน ไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะช่วยเหลือ และให้เหตุผลว่าหวั่นเกรงอันตรายหากต้องเข้าไปในเขตป่าโบราณศักดิ์สิทธิ์ขอรับ...” ม่านหรงซางกวนตอบกลับมารดาของตนไปด้วยความเจ็บใจไม่แพ้กัน

“ยังมีอีกหนึ่งข่าวลือที่ยังไม่ได้แจ้งขอรับ ได้ยินว่าตระกูลอวี้เหวินกำลังจะจัดงานหมั้นให้กับคุณชายใหญ่อวี้เหวินหลงกับคุณหนูหลี่อิงฮวาแห่งตระกูลหลี่...โดยให้เหตุผลว่าคุณหนูม่านหรงซือหยวนคู่หมายเดิมคงได้ตกตายไปแล้วขอรับ”

“ดี ดียิ่งนัก คงสมใจของตาเฒ่าตระกูลอวี้เหวินที่ต้องการตัดสัมพันธ์กับตระกูลม่านหรง ช่างหน้าตายเสียจริงพวกนี้!!”

“กวนเอ๋อร์ เช่นนั้นเจ้าจงคืนสัญญาหมั้นหมายแก่ตระกูลอวี้เหวินไปเสีย ข้าก็ไม่อยากให้หลานสาวของข้าเกี่ยวดองกับพวกมันเช่นกัน” ม่านหรงซ่างเสินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยโทสะ

เห็นได้ชัดว่ายามนี้ตระกูลม่านหรงได้ถูกบีบเค้นจากทุกทิศทางราวกับต้องการกลั่นแกล้งเช่นนี้ ทั้งบรรดาเหล่าตระกูลพันธมิตรต่างลืมเลือนความสัมพันธ์เก่าก่อนทั้งสิ้น เห็นทีว่าหลังจากตามหาหลานสาวเจอแล้ว ตระกูลม่านหรงสมควรแก่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เสียที

ใกล้ถึงหนึ่งชั่วยามแล้วตามที่อดีตผู้นำตระกูลม่านหรงซ่างเสินได้วางกำหนดการณ์ไว้ ตรงบริเวณลานกว้างของตระกูลม่านหรงยามนี้ล้วนเต็มไปด้วยเหล่ากองกำลังค้นหาที่ถูกเรียกตัวมาเพื่อรวมกันอีกครั้ง

แม้เบาะแสที่ได้รับจะคลุมเครือไม่ชัดเจนว่าเป็นร่องรอยของคุณหนูตระกูลม่านหรงหรือไม่ แต่สำหรับเขาแล้วการไม่ลงมือค้นหาด้วยตนเองย่อมเป็นสิ่งที่ยากจะสงบใจได้ ทั้งความกังวลและความหวังได้ปะปนอยูอย่างปิดไม่มิด ทุกคนในที่นี้ต่างตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาม่านหรงซือหยวนกลับมาให้ได้แม้ความหวังจะริบหรี่เพียงใดก็ตาม

“ทางสายข่าวรายงานว่าพบเห็นคุณหนูซือหยวนตรงบริเวณชายป่าห่างจากจวนไปประมาณห้าสิบลี้ขอรับ!” พ่อบ้านฝูที่มุ่งตรงมายังทิศทางนี้ด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังละทิ้งท่าทีที่สงบเยือกเย็นดั่งที่ควรจะเป็นรีบเอ่ยสิ่งสำคัญให้ได้รับรู้

“พ่อบ้านฝูเจ้าว่าอย่างไรนะ พบเจอตัวซือเอ๋อร์แล้วอย่างนั้นรึ?” ม่านหรงซางกวนเอ่ยด้วยความยินดี พร้อมกับเข้ากอดม่านหรงเยว่หงผู้เป็นภรรยาที่ยามนี้ได้ร้องไห้ไปเสียแล้ว

“ดี ดียิ่งนัก! ข้าจะไปรับหลานสาวเดี๋ยวนี้!” ม่านหรงซ่างเสินกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น เป็นเวลาเกือบสามวันเลยทีเดียวที่ม่านหรงซือหยวนหายตัวไปเช่นนี้ สำหรับพวกเขาแล้วนับเป็นช่วงเวลาแห่งความหวาดกลัวและเป็นการเฝ้ารอคอยอย่างทรมานอย่างถึงที่สุด

“ข้าว่านายท่านจงรั้งรอคุณหนูอยู่ที่จวนเถิดขอรับ ผู้อาวุโสกังและผู้ติดตามอีกสามคนได้ออกไปรับตัวคุณหนูเรียบร้อย อีกไม่นานคงถึงจวนตระกูลแล้วขอรับ” พ่อบ้านฝูรีบเอ่ยห้ามนายท่านทั้งหลายไว้เสียก่อน

“หากหลานสาวของข้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย การลงแรงของพวกเจ้าทุกคนในครั้งนี้ข้าย่อมตกรางวัลให้อย่างงาม...” สิ้นเสียงของอดีตผู้นำตระกูล บรรดาผู้ที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ต่างโห่ร้องเสียงดังออกมาด้วยความยินดียิ่ง

แม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะได้รับเงินค่าจ้างอยู่แล้ว ทว่าอย่างไรก็ตามตระกูลม่านหรงถือเป็นอีกหนึ่งตระกูลนักปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงไม่น้อย ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับนอกจากเงินทองแล้ว ย่อมอาจเป็นโอสถที่มีความล้ำค่ากว่ายาต้มสมุนไพรทั่วไปก็เป็นไปได้…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel