บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

บทที่ 1

แม้สติจะยังฟื้นคืนกลับมาไม่ครบถ้วน แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดยังคงเต็มเปี่ยม ปลายฟ้าสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งตรงมาจึงเอี้ยวตัวหลบอย่างเต็มแรง ก่อนที่ร่างกายอ่อนแอนี้จะล้มลงไปทางซ้ายจึงหลบพ้นการโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างเฉียดฉิว

เงาร่างสีดำที่พุ่งไปตรงด้านข้างได้ปรากฏขึ้นแน่ชัดในสายตาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าที่เห็นคือสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกับลิงบาบูน ทว่ากลับมีขนาดตัวใหญ่กว่าที่เธอเคยเห็นมากถึงสองหรือสามเท่า

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?”

ปลายฟ้าอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาเล็กน้อย ด้วยร่างกายที่อ่อนแอนี้เธอจะหลุดรอดจากสถานการณ์ร้ายแรงถึงชีวิตนี้ได้อย่างไรกัน

ลิงบาบูนยักษ์ตรงหน้าได้แสดงท่าทีเตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง มือขวาที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของปลายฟ้าได้กระชับกริชสั้นในมือให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น

เคราะห์ดีที่ก่อนหน้านี้เธอใช้เวลาหลายปีไปกับการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง ดังนั้นต่อให้ร่างกายนี้อาจจะมีความเสียเปรียบเรื่องพละกำลัง แต่เรื่องการเคลื่อนไหวและไหวพริบเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดเธอย่อมมีมันอย่างแน่นอน

ท่ามกลางความหวังที่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม แสงสีแดงที่คล้ายกับสีของจี้หยกที่เธอได้สวมใส่ ได้ทอแสงสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง ทันทีที่แสงนั้นเปล่งประกายออกมาพละกำลังของปลายฟ้าก็ได้เพิ่มพูนขึ้น และพลังนั้นมันก็มากเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้

ปลายฟ้าได้ฉกฉวยโอกาสที่มันไม่ทันตั้งตัวใช้กริชเล่มนั้นแทงไปที่หัวใจของมันอย่างเต็มแรง แม้นจะแลกมาด้วยกรงเล็บของลิงบาบูนที่แทงเข้ากลางท้องของเธออย่างจัง จนต้องกระอักเลือดกองโตออกมาก็ตาม

เสียงร้องคำรามอย่างไม่พอใจและเคียดแค้นดังขึ้นอย่างไม่ยินยอมหลายครั้ง ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ของลิงยักษ์ตัวนั้นมันจะค่อย ๆ ล้มตัวลงไปกับพื้นสิ้นใจไปในที่สุด

สิ่งที่ปรากฏเหนือร่างไร้วิญญาณนั้น เป็นก้อนผลึกสีขาวประกายหม่น จิตสำนึกส่วนลึกได้บอกให้ปลายฟ้ารู้ว่าสิ่งนี้คือแก่นปราณอสูร ที่สามารถช่วยทำให้เธอรอดพ้นไปจากความตายครั้งนี้ได้

จู่ๆ เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับสูญสิ้นไป

ขณะที่ดวงตาทั้งสองของปลายฟ้าปิดลงช้าๆ ความทรงจำของร่างเดิมที่ปลายฟ้าได้มาอยู่ในตอนนี้ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นในห้วงความคิด ภาพเหตุการณ์มากมายที่ไม่ประติดประต่อได้ทำให้เธอรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะทนไม่ไหวจนต้องกรีดร้องทรมานเสียงดังออกมาพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ค่อยเลือนลางไปในที่สุด...

ม่านหรงซือหยวนวัยสิบแปดปี เจ้าของร่างเดิมที่ปลายฟ้าได้ทะลุมิติเข้ามาอาศัยอยู่หลังจากเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากโลกเดิมก่อนหน้า นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลม่านหรง ที่ตั้งรกรากอยู่ในอาณาจักรปฐพีแห่งนี้

ตระกูลม่านหรง ถือว่าเป็นตระกูลนักหลอมโอสถที่เชี่ยวชาญเรื่องโอสถพิษ แต่ไม่ค่อยมีความแข็งแกร่งเท่าไหร่นัก ด้วยเพราะไม่ใช่ตระกูลที่มุ่งเน้นในทางยุทธ์กำลัง แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ได้สืบทอดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

สิ่งสำคัญที่ปลายฟ้าได้รับรู้นั่นคือ โลกแห่งนี้ล้วนเคารพยกย่องผู้ที่แข็งแกร่งเป็นหลัก โดยมีกฎเกณฑ์ที่ยึดถือปฏิบัติคือ เมื่อปลุกพลังวิญญาณได้สำเร็จ หากมีอายุครบสิบห้าปีจะต้องออกล่าสัตว์อสูรเพื่อสร้างคู่พันธะ

สิ่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก จนสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตว่าจะ สูงส่ง หรือ ตกต่ำมากน้อยเพียงใด

ดังนั้น การเลือกสัตว์อสูรเพื่อนำมาผูกพันธะ สามารถสะท้อนถึงเส้นทางรุ่งโรจน์ในวันข้างหน้าของผู้ปลุกพลังวิญญาณที่จะกลายมาเป็นผู้ฝึกตนอย่างเต็มตัว

โดยพันธะที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรนั้นกล่าวว่ามีความลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงแค่การผูกสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูร แต่เป็นการผสมผสานพลังและจิตวิญญาณทั้งสอง จนผู้ที่ครอบครองพันธะนั้นสามารถเรียกใช้ความสามารถของสัตว์อสูรในการต่อสู้ได้อีกด้วย

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ข่าวลือที่ว่าคุณหนูซือหยวน แห่งตระกูลม่านหรง อ่อนแอไร้สามารถ แม้กระทั่งสัตว์อสูรที่อ่อนด้อย ก็ยังไม่สามารถผูกพันธะด้วยได้ เป็นที่ถูกพูดถึงไปทั่ว สร้างความขบขันแก่บรรดาตระกูลทั้งหลายที่มีลูกหลานยอดเยี่ยมเหนือชั้นกว่าหลายเท่า

การล่าสัตว์อสูรเพียงลำพังอาจเป็นอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับม่านหรงซือหยวนผู้นี้ที่มีร่างกายอ่อนแอมาแต่กำเนิด

แม้ทางตระกูลม่านหรงจะทุ่มเทจ้างผู้คุ้มกันและผู้ล่าสัตว์อสูรที่มากไปด้วยความสามารถ อย่างไรแล้วเส้นชีพจรลมปราณในร่างกายอ่อนแอเกินไปและระดับพลังวิญญาณที่อ่อนด้อยของหญิงสาว ก็ไม่สามารถผูกพันธะกับสัตว์อสูรที่มีอายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีได้เสียด้วยซ้ำ

หลายปีมานี้ ตระกูลม่านหรงได้ประสบกับปัญหาต่าง ๆ มากมาย ที่ส่งผลให้อำนาจการต่อรองของตระกูลเริ่มเสื่อมถอยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งฐานะทางการค้าขายยังได้ตกต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

ด้วยฝีมือของสำนักโอสถที่คอยบีบคั้นให้เส้นทางนี้ไม่รุ่งเรืองดังเช่นอดีต เพราะเจ้าสำนักคนปัจจุบัน ต้องการตัวม่านหรงเยว่หงผู้เป็นมารดาของม่านหรงซือหยวนไปเป็นภรรยาโดยไม่สนศีลธรรม เมื่อได้รับการปฏิเสธ อีกฝ่ายจึงเคียดแค้นเป็นอย่างมากทั้งยังบีบคั้นตระกูลม่านหรงทุกวิถีทาง

ยิ่งมีผู้คนขุดคุ้ยกันว่าตระกูลม่านหรงเชี่ยวชาญในเรื่องโอสถพิษแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นที่รับรู้อยู่บ้าง แต่หากกล่าวตามตรงแล้วสิ่งนี้ไม่อาจยอมรับได้ทั้งสิ้น ท้ายที่สุดก็มีมติเห็นชอบว่าตระกูลม่านหรงควรถูกลดขั้นเหลือเพียงตระกูลชั้นรอง หาใช่ตระกูลชั้นแนวหน้าดั่งที่ควรจะเป็น

หลังจากนั้นบรรดามิตรสหายหรือตระกูลคู่ค้าต่างถอยหนี และละทิ้งตระกูลม่านหรงอย่างไม่ใยดี กล่าวได้ว่าสถานการณ์ยามนี้ของตระกูลไม่ต่างไปจากคำว่า ตกอับ ไร้ซึ่งการยอมรับอย่างแท้จริง

สำหรับม่านหรงซือหยวนคนเก่านั้น การที่นางไม่สามารถผูกพันธะกับสัตว์อสูรได้ ทำให้ถูกพูดถึงว่าเป็นลูกหลานที่ไร้ประโยชน์ ทั้งยังถูกเปรียบเทียบกับจากตระกูลอื่น ๆ ที่มีช่วงวัยเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่การตัดสินใจที่สำคัญนั่นคือ การหนีออกจากจวนเพื่อตามหาสัตว์อสูรที่จะมาผูกพันธะ

ด้วยที่นางเชื่อว่าการผูกพันธะกับสัตว์อสูรนั้นเป็นหนทางเดียวที่จะเพิ่มพูนพลังบำเพ็ญเพียร ที่สามารถฟื้นฟูชื่อเสียงของตระกูลม่านหรงให้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง

ม่านหรงซือหยวนผู้อ่อนแอ จึงตัดสินใจเสี่ยงอันตรายออกไปตามหาสัตว์อสูรเพียงลำพัง แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาไม่น้อยแล้ว ทว่า หนทางกลับไม่ราบรื่นถึงเพียงนั้น ระหว่างทางตรงเขตรอยต่อเขตป่าชั้นนอก ขณะที่นางกำลังไล่เก็บสมุนไพรล้ำค่าที่ขึ้นอยู่มากมาย ได้ปรากฎอสูรลิงบาบูนยักษ์ระดับก่อเกิดอายุห้าสิบปี ที่ย่างสามขุมเข้ามาหมายจะสังหารนาง

อาจด้วยเพราะร่างกายที่ได้รับแรงกระตุ้นแห่งสัญชาติญาณเอาชีวิตรอด หรือด้วยสิ่งใดก็ตาม ขณะกำลังเผชิญกับสถานการณ์อันตรายถึงชีวิตนั้น ระดับบำเพ็ญเพียรที่หยุดนิ่งอยู่เพียงระดับก่อเกิดวิญญาณขั้นสูง คล้ายกับจะส่อแววเลื่อนขั้นเสียอย่างนั้น พลังลมปราณฟ้าดินบริสุทธิ์โดยรอบต่างถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างกายด้วยอัตราความเร็วที่อันตรายยิ่ง

สิ่งนี้กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เกินขีดจำกัดของร่างกายที่อ่อนแอนี้ และด้วยพลังปราณมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ร่างกายได้ทำให้เส้นชีพจรลมปราณในร่างกายแปรปรวนจนส่งผลให้นางทนไม่ไหวและสิ้นใจไป ก่อนที่วิญญาณของปลายฟ้าจะเข้ามาอยู่ในร่างของม่านหรงซือหยวน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่อสูรลิงบาบูนได้พุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง และปลายฟ้าได้สังหารมันสำเร็จในที่สุด...

“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย การที่ม่านหรงซือหยวนไม่สามารถผูกพันธะกับสัตว์อสูรได้ นั่นเป็นเพราะมีจิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์...”

เสียงของปลายฟ้าดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

หลังจากที่ได้รับรู้ความทรงจำของม่านหรงซือหยวน รวมไปถึงกฎเกณฑ์และความเป็นไปของโลกใบนี้ทำให้เธอได้เข้าใจอะไรที่มากขึ้น

แท้ที่จริงแล้วถ้อยคำโบราณที่เธออาจจะยังไม่เข้าใจในตอนนั้น ได้หมายถึงการกลับมาของดวงจิตสองดวงที่พลัดพรากที่ควรแก่เวลาหวนคืนหลอมรวมกันอีกครั้ง แม้ว่ารายละเอียดบางประการยังคงไม่แน่ชัด แต่เธอพร้อมก้าวเดินต่อไปเพื่อไขปริศนาที่เหลืออยู่ และเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอน

“ต้องใจกล้าแค่ไหนกัน ถึงได้ตัดสินใจออกมาล่าสัตว์อสูรตัวคนเดียวแบบนี้กันนะ”

ร่างไร้วิญญาณของอสูรลิงบาบูนยักษ์ตรงหน้า พร้อมกับแก่นปราณอสูรที่ลอยเหนืออยู่นั้นยังคงสร้างความตื่นตะลึงไม่จางหาย

ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะสามารถสังหารสัตว์อสูรสายป้องกันที่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังแบบนี้ได้

ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร นอกจากจะขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์และสายเลือดแล้ว ยังผันแปรไปตามระดับพลังและอายุไขที่ได้บำเพ็ญเพียรฝึกฝนมา ยิ่งแก่นปราณอสูรมีความเข้มข้นมากเท่าใด พลังปราณที่จะได้รับหลังจากดูดซับเข้าไปจะยิ่งทำให้ร่างกายของผู้ฝึกตนแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

ลิงบาบูนยักษ์ที่ปลายฟ้าสามารถสังหารลงได้นั้นเป็นสัตว์อสูรอายุราวๆ ห้าสิบปี หากพินิจจากกลิ่นอายที่แผ่ซ่าน แม้ว่าแก่นปราณอสูรจะสามารถเพิ่มพลังลมปราณและทักษะวิญญาณได้ แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ร่างกายอันอ่อนแอนี้ยังไม่สามารถดูดซับแก่นปรานโดยตรงได้ เพราะเงื่อนไขของระดับบำเพ็ญเพียรที่เธอถือครองอยู่ตอนนี้

แต่อย่างไร จุดประสงค์หลักครั้งนี้นั่นคือ ม่านหรงซือหยวนต้องการหาสัตว์อสูรมาผูกพันธะให้สำเร็จ โดยเงื่อนไขที่วางไว้ขอเป็นเพียงสัตว์อสูรสังกัดอสรพิษ แม้จะมีความอ่อนด้อยทางการโจมตีก็นับว่าเป็นไร เพราะความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรย่อมผันแปรไปตามระดับบำเพ็ญเพียรของนายแห่งพันธะ ขอเพียงสั่งสมเวลาและประสบการณ์มากเพียงพอก็สามารถเป็นไปดั่งคำสุภาษิตว่า ‘ปลาหลีกระโดดประตูมังกร’ ได้เช่นกันในสักวัน...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel