บทที่ 7
...เช้าวันต่อ...
ร่างสูงโปร่งสวมชุดไปรเวทสบายๆ ที่เธอหามาให้เขาได้อย่างพอดิบพอดีกำลังเดินตามร่างบางระหงของหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูหวานแหววที่ขัดกับนิสัยของเธอไปติดๆ เพราะคนตรงหน้าบอกว่าจะแนะนำให้เขารู้จักกับใครบางคน
และแน่นอนว่าตอนนี้... การแสดงงิ้วโรงใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม ?" คนตัวเล็กถามขึ้นทันทีที่ผู้ชายในชุดสูทสีดำทั้งตัวเดินตรงเข้ามาหา
"ครับ หลักฐานทุกอย่างส่งถึงมือตำรวจเรียบร้อยแล้ว คุณไอริพูดถูกที่ว่าเรื่องนี้เราควรจะใช้กฎหมายจัดการกับพวกมันมากกว่ากำลัง" คนตรงหน้าเอ่ยชม ก่อนจะใช้ดวงตาคมดุมองสำรวจผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อ้อ! นี่เวกัส" หญิงสาวแนะนำเขาให้ลูกน้องเธอรู้จัก ก่อนจะมองหน้าคนข้างตัว แล้วพยักพเยิดไปทั้งลูกน้องของตน "ส่วนนี่ชิบาโนะ"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณชิบาโนะ" เวกัสทักทายอย่างคนอัธยาศัยดี ทว่าอีกฝ่ายกลับทำแค่เพียงพยักหน้าน้อยๆ ให้เขา
"เอ้อ! ตอนกลับญี่ปุ่นจองตั๋วเครื่องบินเพิ่มอีกใบนะ" ไอริพูดขึ้น เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
"ทำไมหรอครับ ?"
"เวกัสจะไปกับเราด้วย" หญิงสาวตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย และคอยจับสังเกตคนข้างตัว เพราะกลัวว่าเขาจะแสดงพิรุธออกมา
"หมายความว่ายังไง !?"
"ก็หมายความตามที่พูด... 'เวกัสจะไปกับเราด้วย' ไปจัดการได้แล้ว" ไอริย้ำชัดอีกครั้ง แล้วยกมือขึ้นมาแตะที่ข้อศอกของชายหนุ่มข้างตัว เพื่อบอกให้เขาเดินตามเธอมา
ทว่าการจะหนีไปดื้อๆ ย่อมทำได้ยาก เพราะชิบาโนะเป็นคนขี้สงสัย และที่สำคัญเขาต้องคอยเป็นหูเป็นตารายงานเรื่องของหญิงสาวตรงหน้าให้ท่านผู้นำและผู้อาวุโสฟังเป็นระยะ
"ทำไมเขาถึงต้องไปกับเราล่ะครับ ?"
"เพราะเขา... ไม่ใช่สิ ฉันกับเขากำลังดูๆ กันอยู่" ไอริตอบกลับ และไม่วายเล่นงิ้วด้วยการฉีกยิ้มหวานหยดให้คนข้างๆ
"หมายถึง..."
"ก็กำลังศึกษาดูใจกันอยู่ไง แบบว่าเกือบจะเป็นแฟน แต่ยังไม่ใช่ พี่ชิบาโนะสงสัยอย่างกับคนไม่เคยมีความรักไปได้" หญิงสาวบอกกึ่งบ่น ก่อนจะกระตุกข้อมือของเวกัสให้รีบเดินตามเธอไป
"คุณไอริไม่ควรทำแบบนั้นนะครับ"
"ทำไมล่ะ ?"
"เพราะคุณไอริต้องแต่งงานกับนายน้อยเท่านั้น" ชิบาโนะบอกเสียงเย็น หากแต่ดวงตาของเขากำลังแผ่รังสีสังหารใส่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ
"ฉันกับพี่โฮชิไม่ได้รักกัน และในระหว่างนี้พวกเราก็เป็นพี่น้องกันอยู่ ฉันยังมีสิทธิ์จะชอบ จะรัก จะคบกับคนที่ฉันพอใจ"
"แต่มันไม่ถูกต้อง" บอดี้การ์ดหนุ่มแย้งขึ้นทันควัน
"แล้วการบังคับขืนใจด้วยการจับฉันคลุมถุงชนมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไง ?"
"แต่นั่นเป็นเสียงเอกฉันท์"
"เฮ้อ... เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะพี่ก็รู้" ไอริแสร้งพูดขึ้นหน้าเศร้า จนร่างสูงที่ยืนเงียบมาพักใหญ่เกือบจะหลุดขำออกมา
"แต่..."
"คุณชิบาโนะครับ ผมขอร้องเถอะนะครับ ผมขอเวลาให้เราสองคนได้เรียนรู้ซึ้งกันและกันอีกสักพัก ผมยินดีที่จะแสดง เอ๊ย! พิสูจน์ให้พวกคุณเห็นว่าผมจริงจัง แล้วก็จริงใจกับไอริมากจริงๆ"
เวกัสแกล้งเล่นละครตบตาบ้าง ถึงแม้ว่าคำพูดและท่าทางการแสดงของเขามันจะดูโอเว่อร์เกินจริงไปหลายขุม จนคนวางแผนอยากจับหัวเขาโขกกำแพงเพื่อเรียกสติ
"หึ ไม่ว่าจะพิสูจน์อะไร คนในตระกูลของเราไม่มีทางยอมรับคุณหรอก รีบๆ ตัดใจจากคุณไอริ แล้วไสหัวไปซะ" ชิบาโนะพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา
"เงียบน่า!" ไอริแหวขึ้นกลางวง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ "เราไปกันเธอเวกัส"
"คุณไอริ" ชิบาโนะเอ่ยเรียกผู้เป็นนาย ทว่าอีกฝ่ายกลับใช้สายตาปรามให้เขาเงียบ
"นี่ผมชักสงสัยแล้วสิ" เวกัสพูดแทรกขึ้นมากลางปล่อง แล้วทำสีหน้ายียวนกวนเบื้องล่างใส่ชายหนุ่มอีกคน
"สงสัยอะไร !?"
"สงสัยว่าที่คุณพยายามขัดขวางความรักของผมกับไอริ มันเป็นเพราะว่าไอริต้องแต่งงานกับเจ้านายของคุณ หรือมันเป็นเพราะเหตุผลอื่นกันแน่"
"ไปตายซะ!" ชิบาโนะสบถด้วยอารมณ์โทสะเต็มขั้น แล้วตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่คนพูด
"หยุดเดี๋ยวนี้!"
ร่างสูงของบอดี้การ์ดหนุ่มหยุดยืนอยู่กับที่ทันทีที่เธออกคำสั่ง แต่ยังไม่วายขบเขี้ยวขบฟันใส่คนที่กำลังทำสีหน้ายียวนใส่เขา
"ไปกันเถอะเวกัส"
"ครับ... ที่รัก" เวกัสรับคำหน้าระรื่น ก่อนจะเข้ามาตีเนียนขอบเอวเล็กเพื่อแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
"ทำบะ..."
ชู่ว~
ชายหนุ่มส่งเสียงห้ามไม่ให้เธอโวยวาย แล้วพยักพเยิดไปทางชิบาโนะ เพื่อบอกให้รู้ว่าเขากำลังเล่นละครอยู่ ทำให้หญิงสาวถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เขาโอบเอวเดินไปที่รถแต่โดยดี
"ปล่อยได้แล้ว!"
"โห... จะรีบให้ปล่อยไปไหนเนี่ยคุณ เกิดความแตกขึ้นมาทำไง คนที่จะซวยคือคุณนะ ไม่ใช่ผม"
คนตัวโตว่าพลางไว้ไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะต้องหน้าถอดสีเมื่อหญิงสาวตรงหน้าหยิบมีดพกออกมาจ่ออยู่ที่บริเวณหน้าท้องของเขา
"เฮ้ย! ใจเย็นสิคุณ แบบนี้ผมก็เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่องน่ะสิ" เวกัสโอดครวญ แล้วกะพริบตาปริบๆ เพื่อขอความเห็นใจ
"เสียเปรียบยังไง ?"
"ก็เสียเปรียบตรงที่ผมไม่มีทางเลือกไง"
"ฉันว่าฉันให้นายเลือกแล้วนะ" คนตัวเล็กบอก และยิ่งออกแรงกดมีดเข้ากับหน้าท้องของเขา จนมันเกือบจะทะลุเสื้อยืดสีดำที่เขาสวมอยู่
"เลือกอะไรกันคุณ คุณเอาเรื่องบุญคุณมาอ้างชัดๆ เลย"
"หรือนายอยากจะเป็นคนเนรคุณ ?"
"นั่นไงๆ เห็นไหมล่ะ" เวกัสแกล้งโวยวายเพื่อยั่วโมโหเธอ
"หุบปาก!" ไอริสั่งเสียงเขียว ก่อนจะชี้นิ้วให้เขาเปิดประตูรถ
"ผู้หญิงอะไรวะ ดุชิบเป๋ง!"
"อยากตายหรอหะ !?" คนตัวเล็กกระชากเสียงถาม ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ่งใช้โอกาสนี้กวนประสาทเธอ
"ผมชักไม่อยากจะร่วมมือกับคุณแล้วสิ"
"หรอ ?"
ไอริถามด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ก่อนที่เธอจะคลี่ยิ้มหวานหยดใส่เขา หากแต่คนมองกลับรู้สึกขนลุกซู่ เหมือนชีวิตของเขากำลังถูกแขวนไว้บนเส้นดายบางๆ
"ใช่"
"ไม่ร่วมมือเท่ากับตาย อยากตายดูไหมล่ะ ?"
คำพูดของเธอทำเอารอยยิ้มทะเล้นหุบฉับลงทันควัน เพราะขืนเขายังต่อปากต่อคำกับเธออยู่ คำว่า 'ตาย' อาจจะไม่ใช่แค่คำขู่อีกต่อไป
