4 ความมุ่งมั่นของปภาวีกับทางเลือกที่คาดไม่ถึง
4
ความมุ่งมั่นของปภาวีกับทางเลือกที่คาดไม่ถึง
ปภาวี อรุณรุ่ง วัย22ปี นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องพักเล็กๆ ของเธอ แสงสีฟ้าจากหน้าจอสาดส่องกระทบใบหน้าเรียวสวยที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ปภาวีกำลังสืบค้นข้อมูลบริษัทครีเอทีฟและเอเจนซี่โฆษณาต่างๆ เธอเพิ่งเรียนจบมาไม่นาน เต็มไปด้วยความฝันอันแรงกล้าที่จะได้ทำงานในสายอาชีพที่เธอใฝ่ฝัน
นั่นคือการเป็นครีเอทีฟผู้สร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่และมีคุณค่า เธอจินตนาการถึงวันที่ผลงานของเธอจะถูกพูดถึงในวงกว้าง ได้เห็นโฆษณาที่เธอคิดขึ้นมาโลดแล่นอยู่บนจอโทรทัศน์ หรือแคมเปญสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดี เธออยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ที่นำพาความสุขและแรงบันดาลใจมาให้ผู้คน
แต่โลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่ได้สดใสเหมือนในจินตนาการของปภาวี โต๊ะทำงานเล็กๆ ของเธอเต็มไปด้วยกระดาษโน้ตที่ระบุชื่อบริษัทและเบอร์โทรศัพท์ที่เธอกดโทรออกไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เสียงจากปลายสายส่วนใหญ่คือคำปฏิเสธที่สุภาพ หรือไม่ก็เป็นเสียงเงียบงันที่ไม่มีการตอบกลับใดๆ ใบสมัครนับไม่ถ้วนที่ถูกส่งออกไปพร้อมกับโปรไฟล์แนะนำตัวที่เธอตั้งใจทำมาอย่างดีเยี่ยมถูกเมินเฉย ความฝันของเธอดูเหมือนจะอยู่ไกลเกินเอื้อม และยิ่งวันเวลาก้าวผ่านไปเท่าไร ความหวังก็ยิ่งเลือนรางลงเท่านั้น
ท่ามกลางค่าใช้จ่ายที่รออยู่มากมาย ทั้งค่าเช่าห้องพักราคาประหยัดในย่านชานเมือง ค่าอาหารง่ายๆ ในแต่ละมื้อ และค่าเดินทางอัน ทำให้เงินเก็บที่เธอสะสมมาตั้งแต่สมัยเรียนร่อยหรอลงทุกวันอย่างน่าใจหาย
ปภาวีเริ่มรู้สึกกดดันและท้อแท้ เธอไม่ได้อยากเป็นภาระของพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่งทำงานหนักเพื่อส่งเสียเธอเรียนจนจบ และเธอก็อยากจะยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้
เธอเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองเสมอมา แต่โลกการทำงานจริงกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ในคืนที่ความมืดปกคลุมห้องพักเล็กๆ ปภาวีมักจะเหม่อมองเพดาน คิดถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก
“หางานอะไรก็ได้ไปก่อนสิหมอก ไม่เห็นต้องรอสายที่ชอบอย่างเดียวเลย” เสียงของเจนจิรา พงษ์ไพรเพื่อนสนิทดังขึ้นจากปลายสายโทรศัพท์ในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง เจนจิราเห็นความเครียดที่สะท้อนออกมาจากน้ำเสียงและใบหน้าของปภาวีผ่านวิดีโอคอล จึงพยายามให้คำแนะนำอย่างเป็นห่วง
“แกน่ะเอาแต่คิดมาก รีบๆ หางานอะไรก็ได้ที่ได้เงินไปก่อนดีกว่าไหม เพื่อประคับประคองสถานการณ์ทางการเงินช่วงนี้น่ะ”
“ก็รู้อยู่หรอกเจน แต่ฉันก็อยากทำงานที่ฉันชอบนี่นา” ปภาวีถอนหายใจยาว
“มันไม่ใช่แค่งานที่ได้เงินนะ แต่มันคืองานที่ฉันอยากทำจริงๆ”
“แต่ตอนนี้มันเลือกไม่ได้แล้วไหมล่ะหมอก” เจนจิราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แกจะเอาเงินที่ไหนกินข้าว ค่าห้องก็ต้องจ่ายนะเว้ย” เจนจิราหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอทางเลือกที่ปภาวีไม่เคยคิดถึงมาก่อนนั่นคือการเป็น
“พี่เลี้ยงเด็ก”
“เพื่อนฉันหลายคนก็ไปทำนะหมอก ได้เงินดีด้วย เด็กๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะดูแลยากอะไร”
“พี่เลี้ยงเด็กเหรอเจนฉันเนี่ยนะ” ปภาวีหัวเราะเจื่อนๆ เธอไม่เคยมีประสบการณ์ดูแลเด็กเล็กจริงๆ จังๆ มาก่อน
นอกจากช่วยญาติๆ เลี้ยงน้องบ้างเป็นครั้งคราว ตอนนั้นก็แค่ช่วยหยิบของ เล่นของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ลงลึกถึงการดูแลจริงๆ จังๆ เธอจินตนาการภาพตัวเองที่ต้องป้อนข้าวเด็กเล็กๆ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นงานที่ไกลตัวเธอมาก
“ฉันจะทำได้เหรอ ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนเลยนะ”
“ทำได้สิหมอก แกออกจะใจดี แล้วก็ดูสดใสขนาดนี้ เด็กๆ ต้องชอบแกอยู่แล้ว” เจนจิราคะยั้นคะยอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ลองดูสิ ได้เงินด้วย ไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้อะไรที่ได้เงินก็ทำไปก่อนแล้วกัน อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยนะเว้ย”
คำพูดของเจนจิราทำให้ปภาวีเริ่มครุ่นคิด เธอไม่เคยนึกถึงงานประเภทนี้มาก่อนเลยจริงๆ แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างที่เจนจิราว่าไว้ในตอนแรก
ปภาวีลังเลอย่างมากเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีความอดทนมากพอที่จะดูแลเด็กได้ดีแค่ไหน และรู้สึกว่ามันไม่ใช่สายงานที่เธอใฝ่ฝันเลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเงินเริ่มบีบคั้น เธอแทบจะไม่มีเงินเหลือติดตัวแล้วในตอนนี้ และเธอเห็นด้วยกับคำแนะนำของเจนจิราว่าอะไรที่ได้เงินก็ต้องลองทำไปก่อน เธอจึงตัดสินใจลองค้นหางานพี่เลี้ยงเด็กทางออนไลน์ เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง อย่างน้อยก็คงได้เงินมาหมุนเวียนไปก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจ และอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดก็ได้
ปภาวีเริ่มต้นค้นหางานพี่เลี้ยงเด็กบนเว็บไซต์และกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ เธอเลื่อนดูประกาศนับสิบประกาศ บางประกาศก็ดูน่ากลัว บางประกาศก็ดูไม่น่าเชื่อถือ แต่เธอก็ยังคงค้นหาต่อไปด้วยความหวังอันริบหรี่
เธอพยายามมองหาประกาศที่ดูปลอดภัย และมีรายละเอียดที่ชัดเจนพอสมควร เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสำรวจตัวเลือกต่างๆ โดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพียงแค่ต้องการงานที่สามารถช่วยให้เธอมีรายได้และไม่ต้องรบกวนทางบ้าน
เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ปภาวีก็ยังคงจดจ่ออยู่กับการค้นหา ในที่สุด เธอเห็นประกาศหนึ่งที่เขียนขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ดูจริงใจ เธอคลิกเข้าไปอ่าน และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตของปภาวีได้โคจรมาพบกับรินลดาและเมษา เรื่องราวของเธอในฐานะพี่เลี้ยงจำเป็นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
