บท
ตั้งค่า

3 เมื่อความเหนื่อยล้าบีบให้ต้องตัดสินใจ

3

เมื่อความเหนื่อยล้าบีบให้ต้องตัดสินใจ

 

ความหนักอึ้งของชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวกับงานฟรีแลนซ์ที่ต้องรับผิดชอบถาโถมใส่รินลดาไม่หยุดหย่อน เธอพยายามยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง แต่ในที่สุด ร่างกายและจิตใจของเธอก็มาถึงจุดแตกหักของความเหนื่อยล้า

วันนี้เป็นอีกวันที่รินลดาต้องทำงานแข่งกับเวลา เธอมีกำหนดส่งงานออกแบบชิ้นสำคัญที่ต้องใช้สมาธิสูงมาก

แต่ในขณะเดียวกันเมษาหลานสาวตัวน้อยก็ต้องการความสนใจตลอดเวลา รินลดาจัดที่นั่งให้เมษาอยู่ใกล้ๆ โต๊ะทำงาน มอบสมุดระบายสีและดินสอสีชุดใหม่ให้หวังว่าเมษาจะเพลิดเพลินอยู่เงียบๆ ได้สักพัก แต่เพียงไม่นาน เสียงเรียก

“แม่รินๆ” ก็ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เมษาอยากให้รินลดาเล่นด้วย อยากให้รินลดาอ่านนิทานให้ฟัง รินลดาพยายามแบ่งเวลาตอบคำถามเมษาเป็นครั้งคราว ลูบหัวอย่างอ่อนโยนพร้อมบอกว่า

“แป๊บเดียวนะลูก แม่รินขอทำงานอีกหน่อย” แต่สายตาของเธอยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยเส้นสายและสีสัน

ความอ่อนเพลียที่สะสมมานานเริ่มเล่นงานรินลดาอย่างหนัก ดวงตาของเธอหนักอึ้ง เปลือกตาเริ่มปิดลงเองโดยไม่รู้ตัวเธอพยายามส่ายหน้าให้หายง่วงแต่แรงต้านทานก็มีไม่มากพอสุดท้ายรินลดาก็เผลอหลับไปบนโต๊ะทำงานในท่านั่งนั่นเอง

เสียงดัง “เพล้ง!” ทำให้รินลดาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ หัวใจของเธอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นแก้วน้ำผลไม้สีแดงฉานที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเมื่อครู่

บัดนี้แตกกระจายอยู่บนพื้น เศษแก้วแหลมคมกระจัดกระจายไปทั่ว และที่แย่กว่านั้นคือ เมษากำลังยืนอยู่ใกล้ๆ มือเล็กๆ กำลังจะเอื้อมไปเก็บเศษแก้วที่กระเด็นไปอยู่ใต้โต๊ะทำงานของรินลดา

“เมษา! อย่า!” รินลดาตะโกนลั่น เธอรีบกระโดดจากเก้าอี้ พุ่งตัวเข้าไปหาเมษาทันที โชคดีที่รินลดาคว้ามือของเมษาไว้ได้ทันก่อนที่นิ้วเล็กๆ จะไปสัมผัสกับคมแก้วบาดมือ น้ำตาของเมษาไหลรินออกมาด้วยความตกใจ ส่วนรินลดาเองก็โล่งใจที่เมษาไม่เป็นอะไร

“เมษาไม่เป็นไรใช่ไหมลูก เจ็บตรงไหนไหมคะ” รินลดากอดเมษาแน่น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เมษาหน้าซีดเผือดตัวสั่นเล็กน้อยเพราะตกใจกับเสียงแก้วแตกและเสียงของรินลดา

“เมษาไม่ได้ตั้งใจค่ะ” เมษาพูดเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้า

รินลดาประคองเมษาออกห่างจากบริเวณนั้น ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่มาปูทับเศษแก้วไว้ชั่วคราวแล้วรีบพาเมษาไปนั่งบนโซฟา

เธอตรวจดูมือเล็กๆ และเท้าของเมษาอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบาดแผลใดๆ เมื่อเห็นว่าเมษาปลอดภัยดี รินลดาก็ทรุดตัวลงบนโซฟาข้างๆ หลานสาวเธอพิงศีรษะกับพนักพิงหลับตาลงช้าๆ

ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งหมดดูเหมือนจะปะทุขึ้นมาในวินาทีนี้ เธอตระหนักได้อย่างเจ็บปวดว่าเธอไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้อีกต่อไปจริงๆ เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเหมือนสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าความอ่อนเพลียของเธออาจนำไปสู่อันตรายต่อเมษาได้

เมื่อความตกใจเริ่มคลี่คลาย รินลดาก็เริ่มคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมษายังคงนั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ เธอรู้ว่าเมษารู้สึกผิดและกลัวรินลดาจึงตัดสินใจที่จะพูดคุยกับเมษาอย่างอ่อนโยน ไม่ใช่ในฐานะผู้ใหญ่ที่ดุ แต่ในฐานะแม่รินที่ห่วงใย

รินลดาหันมามองเมษาลูบผมเบาๆ

“เมษาคะแม่รินขอโทษนะลูก ที่เสียงดังไปหน่อย”

เมษาเงยหน้าขึ้นมองรินลดา ดวงตาแดงก่ำ

“เมษาทำแก้วแตกค่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะลูก มันเป็นอุบัติเหตุ แม่รินไม่โกรธเมษาเลยค่ะ” รินลดายิ้มให้เล็กน้อยเพื่อปลอบโยน

“แต่ แม่รินมีเรื่องอยากคุยกับเมษาเรื่องนึงค่ะ”

“เมษาอยากมีเพื่อนเล่นอยู่บ้านด้วยไหมคะ เวลาที่แม่รินต้องทำงาน” รินลดาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พยายามใช้คำพูดง่ายๆ ให้เมษาเข้าใจ เธออธิบายว่าการที่แม่รินต้องทำงานบางครั้งทำให้ไม่มีเวลาเล่นกับเมษาและถ้ามีคนมาช่วยดูแล เมษาก็จะมีเพื่อนเล่นตลอดเวลาไม่เหงาส่วนแม่รินก็จะมีเวลาทำงานได้เต็มที่มากขึ้น

เมษาเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าเล็กๆ ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด

“เพื่อนเล่นหมายถึงใครคะ”

“ก็อาจจะเป็นพี่สาวใจดีคนนึง ที่จะมาเล่นกับเมษา พาเมษาไปอ่านนิทาน ไประบายสี เล่นของเล่นที่เมษาชอบทุกวันเลยค่ะ” รินลดาพยายามวาดภาพให้ดูน่าสนใจที่สุด เธอสังเกตสีหน้าของเมษาอย่างใกล้ชิด เมษาดูเหมือนจะไม่ได้คัดค้านอย่างรุนแรง ดวงตาของเธอดูกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่อง "เพื่อนเล่น"

“แล้ว แม่รินจะอยู่ด้วยไหมคะ” เมษาถามด้วยความสงสัยและกลัวว่ารินลดาจะหายไปจากเธออย่างที่แม่และพ่อของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

“อยู่สิคะ แม่รินอยู่บ้านตลอดค่ะ แค่แม่รินจะไปนั่งทำงานที่โต๊ะ แล้วก็จะมีพี่สาวคนนั้นมาเล่นกับเมษาอยู่ตรงนี้ไงคะ” รินลดาอธิบายพร้อมชี้ไปที่มุมห้องนั่งเล่นที่เมษามักจะนั่งเล่นอยู่เสมอ

เมษาพยักหน้าช้าๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นอะไรมากนัก อาจจะเป็นเพราะยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แต่สิ่งที่สำคัญคือเมษาไม่ได้ปฏิเสธและนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับรินลดาในตอนนี้

หลังจากบทสนทนากับเมษา รินลดาก็นั่งอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง เธอเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง บ่งบอกว่าใกล้เวลาที่เธอต้องส่งงานชิ้นสำคัญเข้าไปทุกที แต่สมองของเธอกลับไม่สามารถจดจ่อกับงานได้เลย ความรู้สึกผิดและกังวลเรื่องความปลอดภัยของเมษายังคงวนเวียนอยู่ในหัว

ด้วยภาระงานที่หนักหน่วงและการที่เมษาเริ่มต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่สม่ำเสมอมากขึ้นเพื่อเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำ

รินลดาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าเธอไม่สามารถแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวได้อีกต่อไป เธอจะต้องหาคนมาช่วยดูแลเมษาจริงๆ และคนที่ว่านี้ก็คือพี่เลี้ยงเพื่อมาแบ่งเบาภาระและช่วยดูแลเมษาอย่างเต็มที่ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับรินลดา 

เธอเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว และยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเมษาแล้ว เธอยิ่งระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ก็ทำให้เธอตระหนักว่า หากเธอไม่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง สถานการณ์อาจจะเลวร้ายลงไปอีก

ในคืนนั้นหลังจากที่จัดแจงเมษาเข้านอนเรียบร้อยแล้ว รินลดาก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อทำงานเธอเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มประกาศรับสมัครพี่เลี้ยง 

เธอพยายามเขียนคุณสมบัติที่ต้องการอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งเรื่องอายุ ประสบการณ์ ความรับผิดชอบ ความอ่อนโยน และที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นคนที่รักเด็กจริงๆ เธอไตร่ตรองคำพูดทุกคำอย่างระมัดระวังเพราะนี่คือการเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเข้ามาในชีวิตของเธอและเมษา

รินลดาตัดสินใจว่าจะลองโพสต์ประกาศลงบนช่องทางออนไลน์ที่น่าเชื่อถือก่อน อาจจะเป็นกลุ่มสำหรับคุณแม่ หรือเว็บไซต์จัดหางานสำหรับพี่เลี้ยงโดยเฉพาะ

หากยังไม่เจอคนที่ถูกใจ เธอก็อาจจะพิจารณาติดต่อเอเจนซี่จัดหาพี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพที่อธิปเคยแนะนำ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า แต่ความปลอดภัยของเมษาคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอ

ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความ ตัวอักษรแต่ละตัวที่ปรากฏบนหน้าจอไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูด แต่เป็นความหวัง เป็นก้าวแรกที่เธอตัดสินใจเดินออกจากกรอบความโดดเดี่ยวที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองและเมษา หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น รินลดาไม่เคยคิดว่าเธอจะเปิดใจให้ใครเข้ามาในชีวิตได้อีกแต่ตอนนี้เพื่อเมษาแล้ว เธอพร้อมที่จะทำทุกวิถีทาง เธอหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะนำพาแสงสว่างเข้ามาในชีวิตที่มืดหม่นของเธอและเมษาอีกครั้ง

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel