สืบ
กริ๊งงง กริ๊งงงง
“คะบอส”
“มีข้อมูลมาเพิ่มเติมนะ นายนั่นจะมาที่เล้าจ์ก่อนเข้าไปที่คลับบริการ ริสะระวังตัวหน่อยแล้วกันแต่ผมติดต่อกับทางคลับแล้วว่าจะมีแขก VVIP มา น่าจะช่วยได้เยอะเลยแหละ”
“ขอบคุณมากค่ะบอส” หลังจากที่วางสายจากบอสได้ไม่นานฉันก็ขึ้นเครื่องบินกลับไทยทันที
ณ ประเทศไทย
ฉันเตรียมตัวกำลังจะไปคลับนั่นเพื่อที่จะเจอกับนายนั่นในคืนนี้ทันทีไม่ลืมที่จะเปลี่ยนชุดเป็นเดรสสั้นสีดำพร้อมกับผมสีทองประกายบลอนด์เดินออกมาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลของหนุ่มก่อนจะเช็กโทรศัพท์ว่าตอนนี้มีอะไรคืบหน้าอีกมั้ย
คลับ M อย่างนั้นหรอ
เอี๊ยดดดดดดด!!
ไม่นานฉันก็มาถึงที่หมายก่อนจะใช้แว่นดำในการสวมเพื่อปกปิดตัวตนเล็กน้อย
หมับ!
“อ๊ะ!!” มือหนาของใครบางคนดึงแขนฉันให้เดินตามเขาไปที่ไหนสักแหน่ง
“กว่าจะหาตัวเจอ เดินมานี่ เข้าไปรอในห้องนี้ซะ” สาวผมสั้นสีดำที่ฉันไม่รู้จักแม้แต่ชื่อดึงฉันเข้าไปในห้องแห่งหนึ่งที่มีกระจกล้อมรอบพร้อมด้วยผู้หญิงอีกหลายคนที่นั่งมองออกไปนอกกระจก
“นี่ ฉันไม่ได้จะมาทำงานอย่างว่านะ” ฉันบอกเธอทว่ากลับไม่ได้สนใจนักก่อนจะลากตัวฉันเข้าไปด้านในก่อนจะขังฉันจากทางด้านนอกก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวเองสาวๆ พวกนั้นมองตรงมาที่ฉันไม่ต่างกัน
“มานั่งเถอะ ยังไงก็ไปไหนไม่รอดหรอก” สาวคนนึงพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะทำตามที่เธอบอกอย่างเรียบง่าย หากฉันออกไปได้ล่ะก็ฉันจะไม่มีทางมาเหยียบที่นี่อีกแน่นอน
ให้ตายสิ
ฉันเสียท่าให้กับยัยป้าผมสั้นคนนั้นที่จู่ๆ ก็ลากฉันมาทำงานอย่างว่าแม้จะรู้สึกขุ่นมัวอยู่ภายในแล้วยังยากที่จะออกไปจากที่นี่อีก ฉันถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับผู้ชายคนนั้นที่ฉันเจอเขาในรูปจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่อยากจะกลืนกินฉันเข้าไปทั้งตัวรวมถึงพวกเสี่ยต่างๆ ไม่ต่างกัน ยิ่งดูก็ยิ่งขนลุก ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดอะไรกับยัยป้าผมสั้นก่อนที่จะชี้มาที่ฉันด้วยรอยยิ้มที่เหยียดขึ้นที่ตัวเองเจอเหยื่อที่ต้องการแล้ว
“ออกมาได้แล้ว” เธอเรียกฉันออกไปหานายนั่นทว่ายิ่งเจอเขาฉันยิ่งคุ้นว่าตัวเองเคยเจอเขาที่ไหนสักแห่งหรือเปล่าก่อนที่นายนั่นจะลากฉันออกไปจากตรงนั้น
แกร่ก
ฟึ่บ!
หมับ!
“เจ็บ!!” ฉันร้องโอดครวญทันทีที่ตัวเองถูกผลักเข้าไปในรถคันหรูนั่นตามด้วยตัวเขาที่ตามขึ้นมาบนรถ
“นี่!! จะพาฉันไปไหนอ่ะ ฉันไม่ได้มาขายนะ ไอ้ทุเรศ” ฉันด่ากราดทว่านายนั่นหาสนใจไม่
“นายน้อยจะไปที่ไหนดีครับ”
“คอนโด…”
“ปล่อยฉันนะ แล้วก็เอามือสกปรกนั่นออกไปจากฉันด้วย”
“ผมจ่ายเงินไปแล้ว คุณจะดิ้นให้หลุดยังไงก็คงยากหน่อยว่าแต่จำไม่ได้หรอว่าผมเป็นใคร” ฉันพยายามจะนึกแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเราไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน
“นายน้อยครับ…” การ์ดของเขาพูดชื่อนี้อีกครั้งก่อนที่ภาพนั้นจะปรากฏขึ้นมาในหัวทันที
“นาย…!”
“ใช่ คนที่คุณชนกับผมที่สนามบินนั่นไงล่ะ” ฉันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบากที่จู่ๆ ตัวเองก็เจอเขาอีกครั้งแต่ครั้งแรกนั้นเขาใช้แมสปิดหน้าตาตัวเองจนเห็นแค่ลูกตา ฉันไม่เคยเห็นเขาใกล้ขนาดนี้มาก่อน ผู้ชายผมสีน้ำตาลแซมดำกับจมูกที่โด่งสันยาวพร้อมกับองค์ประกอบหน้าทุกอย่างที่เข้ารูปได้ดี ฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนใกล้เท่านี้มาก่อนก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบากและแน่นอนว่สเขาคือคนๆ นั้นที่อยู่ในรูปนั่น สายตาที่เขาจ้องมองตรงมาที่ฉันพร้อมที่จะกลืนกินฉันได้ทุกเมื่อ
“จ้องผมแบบนั้นทำไม” เขาเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้น
“นะ นายจะพาฉันไปไหน”
“ก็…สักที่ที่ทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น”
“ปล่อยฉันลงจากรถเดี๋ยวนี้นะ”
“ทำไม กลัวอะไร” เขาถามเรียบๆ ทว่าใจฉันกลับเต้นไม่เป็นจังหวัดด้วยความกลัวจนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังสั่นระริกอยู่ไม่เป็นสุข
“นาย!!!”
“จะเรียกผมนายทำไมนักหนา ผมชื่อไคโตะ”
ไคโตะอย่างนั้นหรอ ฉันเม้มปากแน่นที่เขาเป็นคนเดียวกับในรูปที่ฉันกำลังตามตัวแต่ไม่คิดว่าโลกจะเหวี่ยงให้เราทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งได้เร็วขนาดนี้
ฉันจะทำยังไงต่อไปดี!
