บทที่6. แต่งกันเงียบๆ
“คุณแม่ต้องผ่าตัดนะครับ” ธันวาพูดเสียงเครียด แต่มารดากลับหัวเราะเสียงแหบออกมา
“กล้าสั่งฉันแล้วเรอะ”
“ผมไม่ได้สั่ง” ลูกชายคนเล็กไม่ตลกกับคำพูดของมารดา “คุณแม่ต้องเข้ารับการรักษาทุกขั้นตอนที่คุณหมอแนะนำ”
“ถ้าฉันไม่ผ่าล่ะ”
คุณหญิงเพ็ญแขพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนือกว่า แต่เมื่อเห็นสีหน้าอมทุกข์ของว่าที่ลูกสะใภ้ก็อดสงสารไม่ได้ หลายปีมานี่ถ้าไม่มีดารัณละก็... นางก็คงใช้ชีวิตเงียบเหงาไปวันๆ สามีก็ตายจาก ลูกชายสองคนก็ต่างมีครอบครัว คนเล็กก็ไม่ยอมกลับบ้าน เพื่อนรักคนเดียวที่นางมีก็ฝากลูกสาวไว้ให้ดูแลก็จากไปแล้ว แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดของผู้หญิงก็คือลูก ก่อนที่เพื่อนรักจะจากไปนางได้ฝากฝั่งลูกสาวไว้เพราะเกรงว่าหากสามีจะแต่งงานใหม่แล้วลูกสาวจะถูกทอดทิ้ง แม้พ่อของดารัณจะรักลูกสาวมาก แต่ก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่มักทนความเหว่ว้าไม่ไหว ในสักวันก็ต้องมีภรรยาใหม่ ดารัณเองก็เติบโตเป็นหญิงสาวสวยและเพียบพร้อม
ทั้งที่ดารัณมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วก็ยังมีหนุ่มๆ มารุมจีบไม่น้อย นางรู้ว่าในใจของดารัณมีแต่ลูกชายคนเล็กของนาง แต่เจ้าลูกชายตัวดีก็แสนดื้อรันเหมือนใครก็ไม่รู้จนนางใจอ่อน แค่บังคับให้รับหมั้นในวันที่คุณแพรว-แม่ของดารัณจะจากไปก็ทำหน้ายุ่งยากใจ ซ้ำยังหนีไปทำงานในถิ่นทุรกันดารอีก
คุณหญิงเพ็ญแขได้แต่ระบายลมหายใจหนักๆ นางเข้าใจการเสียสละของลูกชาย แต่นางก็หวังให้ลูกอยู่ใกล้ๆ ในช่วงบั่นปลายชีวิต หากใครจะมองว่านางเห็นแก่ตัวก็ช่างเถอะ มีใครบ้างเล่าอยากเห็นลูกตัวเองไปลำบากลำบนแห่งหนใดก็ไม่รู้ หลายปีที่ผ่านมาเห็นหน้ากับนับชั่วโมงได้เลยทีเดียว
“คุณแม่ต้องรักษาตามที่คุณหมอแนะนำนะครับ” ธันวายืนกรานประโยคเดิม
คุณหญิงเพ็ญแขมองหน้าลูกชายคนเล็กแล้วยิ้มที่มุมปาก “ฉันผ่าตัดก็ได้แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรครับคุณแม่” ลูกชายคนโตขมวดคิ้ว เวลาอย่างนี้คุณแม่จะมีเงื่อนไขอะไรอีก
“แกต้องแต่งงานกับหนูมิ้นต์”
“อะไรนะครับ” คราวนี้เป็นธันวาที่นิ่งไป ไม่คิดว่าคุณแม่จะจู่โจมด้วยวิธีนี้
“ได้ยินชัดแล้วนี่” มารดาแสร้งไอแห้งๆ “ถ้าแกแต่งงานกับหนูมิ้นต์ แม่ถึงจะยอมผ่าตัด”
“คุณแม่ค่ะ” ดารัณไม่คิดว่าท่านจะพูดแบบนี้ เธอแทบไม่กล้ามองหน้าพี่ธันวาของเธอเลย เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบเธอแต่การทำแบบนี้เขาจะยิ่งเกลียดเธอหนักขึ้นไปอีก
“ถ้างั้นฉันก็ไม่ผ่าตัด” คุณหญิงเพ็ญแขโบกมือไล่ทุกคน “ออกไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน ถ้าแกทำให้แม่ไม่ได้นะธันวาแกก็กลับไปใช้ชีวิตของแกแล้วปล่อยแม่ไว้แบบนี้แหละ”
ในเมื่อคุณหญิงเพ็ญแขทำท่าไม่ต้องการสนทนากับใครอีก ทั้งหมดจึงออกมาจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบๆ และเมื่อประตูห้องปิดลง สายตาทุกคู่ล้วนจ้องมองที่ธันวาเพราะเขาคือคำตอบของเงื่อนไขที่มารดาได้ตั้งไว้ ธันวาเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด กรกฎรู้นิสัยน้องชายคนเล็กดีเขาได้แต่ตบไหล่น้องเบาๆ ก่อนจะดึงมือภรรยาให้เดินจากมาเหลือเพียงสองหนุ่มสาวที่ต้องตัดสินใจชีวิตกันเอง
“พี่ธันคะ” น้ำเสียงสั่นเครือและดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอ “มิ้นต์ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”
“พูดตอนนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว” เขาถอนแว่นตาแล้วยกมือกดหัวคิ้วบรรเทาความตึงเครียดแล้วทำท่าจะหมุนตัวเดินจากไป แต่มือเรียวเล็กของดารัณดึงชายเสื้อของเขาไว้ก่อนจนชายหนุ่มต้องหันกลับมามอง
“แต่งงานกับมิ้นต์นะคะพี่ธัน”
ชายหนุ่มตะลึงงันไปกับคำพูดของหญิงสาว
“พูดอะไรออกมา” เขาทำน้ำเสียงดุ “มันต้องมีวิธีอื่นซิ”
“มิ้นต์ไม่รู้” หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา “ตั้งแต่คุณแม่ของมิ้นต์เสีย มิ้นต์ก็มีแต่คุณหญิงเพ็ญแขที่คอยดูแลมิ้นต์มาตลอด มิ้นต์ทำได้ทุกอย่างค่ะ ขอเพียงให้ท่านปลอดภัย”
ชายหนุ่มอยากเช็ดน้ำตาให้แต่มือของเขาหนักเกินกว่าจะยกขึ้นได้ เขาเป็นลูกแท้ๆ ยังไม่คิดจะพูดประโยคแบบนี้ออกมาเหมือนหญิงสาวตรงหน้า ก็อาจเป็นไปได้เพราะช่วงสิบปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้อยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ คงมีแต่ดารัณที่คอยดูแลมารดาของเขาแทนเขานั้นแหละ แต่ก็เขาแทบไม่รู้จักผู้หญิงตรงหน้าเอาเสียเลย ซ้ำยังเพิ่งบอกขอเลิกกับเธอไปหมาดๆ มารดาของเขาคงรักผู้หญิงคนนี้มากถึงกับยอมเอาการแต่งงานมาเป็นเงื่อนไขในการรักษาตัวเช่นนี้
“เราแต่งกันเงียบๆ ไม่ต้องจัดงานอะไรก็ได้ ขอแค่ให้คุณแม่สบายใจและเข้ารับการผ่าตัด” ดารัณกลั้นเสียงสะอื้นไว้ “หลังจากนั้นแล้ว พี่ธันจะหย่ากับมิ้นต์ก็ได้ค่ะ”
“หย่า?” แค่แต่งงานเขายังไม่คิดแต่เธอคนนี้คิดเรื่องหย่าให้เขาซะแล้ว
“ถ้าคุณแม่ดีขึ้นแล้ว มิ้นต์...มิ้นต์จะเป็นฝ่ายขอเลิกเองค่ะ คุณแม่จะได้ไม่ตำหนิพี่ธันและคิดว่าที่เราไปกันไม่ได้จริงๆ เพราะมิ้นต์เองไม่ใช่พี่ธัน”
ธันวาโคลงศีรษะไปมา เอาซิ ดูคู่หมั้นของเขาใจกล้าขนาดจะปกป้องเขาเสียเหลือเกิน พูดจาให้เขากลายเป็นคนอื่นของครอบครัวไปแล้ว เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเขาเพิ่งจะบอกเลิกกับเธอแต่ตอนนี้เธอกลับมาขอเขาแต่งงานเสียนี่ แถมเป็นการแต่งเพื่อมารดาของเขาอีกด้วย
“ไม่ต้องมีพิธี ไม่ต้องเชิญแขก เอาแค่คนในครอบครัวของเรา และที่สำคัญแต่งงานให้เงียบที่สุด”
“คะ?” ดารัณเงยหน้าจ้องมองริมฝีปากของเขาราวกับว่าตนเองหูแว่วไป
“เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด” ธันวาเชยคางหญิงสาวขึ้น “มันเป็นเพียงเงื่อนไขที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังจะเอาอะไรกับผม”
