บทที่ 5 ข้าจะเอาคืนแทนนางอย่างสาสม 1/1
ย้อนกลับไปในคืนวันงานโคมไฟ
เส้าเหยี่ยนเสียงที่ตกปากรับคำไป๋เล่อฉิงว่าจะพานางไปเดินเที่ยวชมงาน แต่เมื่อถึงเวลาที่ได้นัดหมายกลับไม่ยอมปรากฏตัวปล่อยให้ไป๋เล่อฉิงยืนรออยู่เช่นนั้น ส่วนตัวของเส้าเหยี่ยนเสียงกลับไปเดินเที่ยวอย่างสนุกสนาน กับหลัวอี้หรูบุตรสาวของใต้เท้าหลัวรองเสนาบดีกรมขุนนาง
เพียงแต่ในเงามืดกลับมีบุรุษผู้หนึ่งที่เฝ้าติดตามความเป็นไปของสตรีในดวงใจมานาน เขาเฝ้ารอวันที่นางจะผ่านพ้นวัยปักปิ่นแล้วค่อยไปสู่ขอหมั้นหมาย ไม่คิดว่าการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจะเป็นการเปิดโอกาสให้บุรุษใจทราม ทำให้สตรีที่เขาหมายตาตกหลุมรักจากนั้นก็ทำร้ายจิตใจนางหลายครั้ง
ในวันนี้คนอย่างโจวเหวินหลงจะไม่ยอมนิ่งเฉยอีกต่อไป การกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้เขาจะทำทุกวิธีให้ทั้งสองเลิกรา และเขาจะเป็นคนเข้าไปปลอบโยนหัวใจที่บอบช้ำของนางเอง
ด้านบนชั้นสองของโรงน้ำชากลางเมืองหลวง ห้องส่วนตัวที่ด้านในมีคุณชายใหญ่โจวและสหายอย่างฝูอวิ้นมู่นั่งพูดคุยกันอยู่ จู่ ๆ คนสนิทของเขาอย่างเจิงอู่ก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พร้อมกับรายงานเรื่องที่ทำให้โจวเหวินหลงมีโทสะ ถ้วยน้ำชาในมือถูกบีบไว้แน่นก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“เรียนนายน้อยตั้งแต่ยามซวีมาจนถึงตอนนี้ผ่านมาเกือบสองชั่วยามแล้ว คุณหนูสี่ไป๋ยังยืนรออยู่ที่เดิมไม่ยอมกลับ ส่วนคุณชายใหญ่เส้ากลับสนุกสนานอยู่กับบุตรสาวใต้เท้าหลัวและกำลังจะมายังโรงน้ำชาแห่งนี้ขอรับ”
“เด็กโง่! ถูกหลอกให้รอหลายครั้งหลายครากลับไม่ยอมเข็ดหลาบ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าคนอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงแค่อยากได้สมบัติตระกูลไป๋เท่านั้น ขืนนางยังยืนรออยู่ต่อไปต้องล้มป่วยเป็นแน่
เส้าเหยี่ยนเสียงเจ้าทำข้าพลัดพรากจากนางไปแล้วหนึ่งชาติ แต่ชาตินี้ข้าจะทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานเสียบ้าง นางเจ็บแค่ไหนเจ้าต้องเจ็บมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า และนางต้องเป็นสตรีของข้าโจวเหวินหลง
เจิงอู่เตรียมคนของเราสักสิบคนเมื่อเส้าเหยี่ยนเสียงมาถึงให้ทำเป็นหาเรื่องเย้าแหย่สตรีนางนั้น ข้าต้องการยั่วโมโหจนเกิดการทะเลาะวิวาท พวกเจ้าต้องทำให้เส้าเหยี่ยนเสียงนอนรักษาตัวสักเจ็ดวันให้จงได้”
เจิงอู่รับคำสั่งแต่ไม่ลืมถามถึงไป๋เล่อฉิงที่ยังยืนรอเส้าเหยี่ยนเสียง “ขอรับนายน้อย เอ่อ แล้วทางคุณหนูสี่ไป๋จะให้ทำอย่างไรขอรับ”
“บอกซวี่ไห่ไปดูแลนางอย่าให้บุรุษหน้าไหนเข้ามาวุ่นวายกับนางได้ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานสาวใช้ข้างกายของนางคงคะยั้นคะยอให้กลับเรือนเอง”
“ขอรับบ่าวจะรีบไปบอกซวี่ไห่เดี๋ยวนี้”
ฝูอวิ้นมู่ที่รอให้สหายสั่งการกับบ่าวคนสนิทเรื่องสตรีในดวงใจจนเสร็จ จึงได้เอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัยของตน
“อาหลงสาเหตุที่เจ้าไม่ยอมหมั้นหมายหรือใกล้ชิดกับสตรีคนไหน แม้แต่ธิดาของแม่ทัพใหญ่ที่เพียบพร้อมก็ไม่เคยอยู่ในสายตา อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะคุณหนูคนที่สี่ของตระกูลไป๋ ผู้ที่คอยวิ่งตามเส้าเหยี่ยนเสียงประหนึ่งทาสผู้ภักดีคนนั้น”
โจวเหวินหลงปรายตามองสหายอย่างดุร้าย ยามได้ยินคำพูดที่ไม่ค่อยน่าฟังจากปากของสหาย และคำตอบที่บ่งบอกได้ว่าไม่พอใจเท่าใดนัก
“อามู่อย่าได้เปรียบเทียบฉิงเอ๋อร์ของข้าเช่นนั้นอีก นางเป็นสตรีที่จิตใจดีมากเกินไปถึงได้ถูกคนเจ้าเล่ห์หลอกลวง หากข้าได้ยินเจ้าพูดถึงนางเช่นนั้นอีกอย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าสหายอย่างเจ้า”
“ไอหยา อาหลงข้าขอโทษ ๆ แค่ข้าได้ยินคนพูดถึงนางเช่นนั้น ต่อไปข้าจะไม่พูดเกี่ยวกับนางในทางไม่ดีอีกแล้ว”
“รู้ก็ดี ส่วนเรื่องหลักฐานที่เจ้าขอให้ข้าช่วย อีกไม่กี่วันอาหมิงจะนำมันกลับมาไว้ข้าจะให้เจิงอู่เอาไปส่งให้เจ้าเอง”
“เฮ้อ ขอบใจเจ้ามากนะอาหลงที่ยื่นมือช่วยเหลือข้า หากไม่ได้คนของเจ้าที่อยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ พวกที่คอยกัดกินบ้านเมืองคงได้ใจยิ่งกว่านี้แน่”
เรื่องที่โจวเหวินหลงยื่นมือช่วยเหลือสหายนั้น เนื่องจากสิ่งที่ขุนนางกังฉินกระทำมีผลกระทบต่อการค้าของเขาก็เท่านั้น
“หึ หากไม่ใช่เรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของข้าแล้วละก็ เจ้าคิดว่าข้าอยากจะยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของราชสำนักงั้นหรือ ตราบใดที่คนวางแผนยังไม่ถูกกำจัดการค้าของข้ายังต้องรับมืออยู่เช่นนี้”
ฝูอวิ้นมู่มิใช่ไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือใคร แต่การจะโค่นล้มคนที่มีอำนาจรองจากฮ่องเต้นั้นมิใช่เรื่องง่าย
“เจ้าวางใจเถิดข้ากับขุนนางตงฉินจะช่วยจัดการอย่างเต็มที่”