บทที่ 4 คำสัญญาที่ไป๋เล่อฉิงให้กับครอบครัว 1/2
ฮูหยินรองหลี่หรูซินที่เอ็นดูไป๋เล่อฉิงก็เอ่ยสำทับคำพูดของหวังฮูหยินด้วยอีกคน “ใช่แล้วล่ะ ฉิงเอ๋อร์ต้องกินให้มากหน่อยนะจะได้แข็งแรงไว ๆ”
“ขอบคุณฮูหยินรองที่เป็นห่วงฉิงเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ชามในมือของไป๋เล่อฉิงเต็มไปด้วยอาหารที่ทุกคนคีบให้นาง จนท้องน้อย ๆ กินต่อไปไม่ไหวจึงได้วางตะเกียบลง และนั่งรอคนอื่น ๆ อย่างเงียบ ๆ
เมื่อทุกคนกินจนอิ่มจึงย้ายไปยังห้องโถงใหญ่ เพื่อพูดคุยกับไป๋เล่อฉิงเกี่ยวกับเรื่องของเส้าเหยี่ยนเสียง ซึ่งท่าทีที่ไป๋เล่อฉิงแสดงออกมารวมถึงแววตาที่เรียบนิ่ง เป็นสิ่งที่คนในตระกูลไป๋คล้ายกับยกภูเขาออกจากอก
ใต้เท้าไป๋จึงเป็นคนเอ่ยกับบุตรสาวเพราะไม่อยากให้การพูดคุยยืดเยื้อจนเกินไป
“ฉิงเอ๋อร์เจ้าคงรู้ดีว่าทุกคนรักและเป็นห่วงเจ้ามาก เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ทำให้พวกเราเจ็บปวดกับการล้มป่วยของเจ้า ฉิงเอ๋อร์เป็นไปได้หรือไม่ถ้าพ่อจะขอให้เจ้า...”
ไป๋เล่อฉิงไม่รอให้บิดาถามจนจบเพราะนางรู้ว่าบิดาต้องการจะพูดถึงเรื่องอันใด ดังนั้นการพูดสิ่งที่นางได้ตัดสินใจต่อหน้าทุกคนด้วยตนเองย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“ท่านพ่อเจ้าคะฉิงเอ๋อร์ขอโทษที่ทำให้ท่านพ่อกับทุกคนต้องเป็นห่วง และทำเรื่องที่ไม่สมควรหลายอย่าง เพราะดวงตามืดบอดมองคนแค่เปลือกนอก ไม่เชื่อฟังคำทัดทานของคนในครอบครัวจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
หลังจากฉิงเอ๋อร์ตื่นจากการหมดสติขึ้นมา ก็ได้ทบทวนทุกอย่างและรู้ว่าคนที่รักฉิงเอ๋อร์มากที่สุดก็คือพวกท่าน จากนี้ไปฉิงเอ๋อร์ขอสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส้าเหยี่ยนเสียงอีกแล้วเจ้าค่ะ
จะไม่พบเจอหรือติดต่อใด ๆ กับคนเช่นนั้นอีก คนที่คู่ควรกับความรักของฉิงเอ๋อร์ต้องเป็นบุรุษที่มั่นคงในรัก และพร้อมจะปกป้องฉิงเอ๋อร์ไปตลอดชีวิตเจ้าค่ะ”
“ฉิงเอ๋อร์ลูกแม่เจ้าไม่ต้องขอโทษหรอกนะ พวกเราดีใจเสียอีกที่ลูกคิดได้และไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนตระกูลเส้าอีก จากนี้เจ้าจะเป็นฉิงเอ๋อร์ที่สดใสร่าเริงเช่นเมื่อก่อนเสียที” หวังฮูหยินจับมือของบุตรสาวเอาไว้แน่น และพูดจาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะดีใจที่บุตรสาวตัดใจจากเส้าเหยี่ยนเสียง
ไป๋เฟิงฮวาพี่สาวคนโตที่นิสัยห้าวหาญก็กล่าวกับน้องสาวเกี่ยวกับเส้าเหยี่ยนเสียงเช่นกัน
“ฉิงเอ๋อร์เจ้าไม่ต้องห่วงหากต้องออกจากจวน พี่หญิงใหญ่คนนี้จะปกป้องเจ้าจากบุรุษใจร้ายผู้นั้นเอง”
ไป๋เหม่ยหลินและไป๋เหลียงซินคุณหนูรองและคุณหนูสาม ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่สาวคนโตเอ่ยกับไป๋เล่อฉิง
“ยังมีพี่หญิงรองกับพี่หญิงสามของเจ้านะฉิงเอ๋อร์ ต่อไปหากใครคิดจะรังแกเจ้าพวกพี่จะช่วยจัดการให้เจ้าเอง”
“น่าเสียดายที่พี่รองต้องกลับไปชายแดน ไม่รู้จะได้กลับมาเมืองหลวงเมื่อใดน่ะสิ” ไป๋เซียวหยาเห็นพี่น้องคนอื่น ๆ แสดงท่าทีปกป้องน้องสาวแต่เขาไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ได้
ไป๋เจิ้งหยูไม่อยากให้น้องชายต้องกังวลเรื่องของไป๋เล่อฉิงเขาจึงกำชับด้วยตนเอง “หึ เจ้าอย่าคิดมากเลยน้องรองทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีก็พอ อย่าลืมว่ายังมีพี่ใหญ่อยู่ทั้งคนจะปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ถูกรังแกได้อย่างไรจริงไหม”
“ข้าเชื่อว่าหลังจากนี้พี่ใหญ่ไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ดีกับฉิงเอ๋อร์ได้อีกแน่นอนขอรับ”
ไป๋เล่อฉิงมองคนในครอบครัวที่รักและห่วงใยตนเองด้วยดวงตาแดงก่ำ ได้แต่คิดว่าชาติก่อนนางมองข้ามความรู้สึกของพวกเขาไปได้อย่างไร แค่เพียงนางมีสติและคิดไต่ตรองให้ดีสักหน่อย คงไม่ตกตายอย่างทรมานด้วยน้ำมือของบุรุษที่บอกว่ารักนางเป็นแน่
“ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าค่ะ ถ้าหายดีแล้วฉิงเอ๋อร์จะช่วยพี่หญิงทั้งสามดูแลเรื่องการค้านะเจ้าคะ”
“ได้สิจ๊ะ ฉิงเอ๋อร์อยากดูแลร้านใดก็บอกพวกพี่ได้เลยนะ”
“เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่”
หลังจากนั่งพูดคุยกันได้พอประมาณก็เป็นใต้เท้าไป๋ที่หยุดทุกคนไว้เพียงเท่านั้น และสั่งให้จิ่งฟางพาบุตรสาวกลับไปพักผ่อนที่เรือน
“ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้วทุกคนแยกย้ายไปทำงานเถิด ส่วนฉิงเอ๋อร์ก็กลับเรือนไปพักผ่อนอย่าได้ตากลมนาน ๆ ประเดี๋ยวไข้กลับขึ้นมาจะอดไปช่วยพี่สาวของเจ้าได้นะ”
“เช่นนั้นฉิงเอ๋อร์ขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ”
“พวกข้าเองก็ต้องไปจัดการเรื่องงานที่ค้างอยู่เช่นกัน และจะแวะไปส่งน้องสาวที่ร้านค้าด้วยขอรับท่านพ่อ” ไป๋เจิ้งหยูเอ่ยกับบิดาแทนน้องชายน้องสาว เพราะร้านค้าของมารดาเป็นทางผ่านของตนอยู่แล้ว
“อืม ไปเถิดดูแลน้อง ๆ ให้ดีล่ะ”
“ขอรับท่านพ่อ”
และแล้ววันนี้เรื่องที่ทำให้คนตระกูลไป๋รู้สึกหม่นหมองก็ถูกปลดเปลื้อง เมื่อคำสัญญาที่ออกจากปากของไป๋เล่อฉิง ทำให้ความสุขกลับมาสู่ตระกูลไป๋อีกครั้ง
แต่กลับมีบางคนที่ทำให้เส้าเหยี่ยนเสียงต้องเจ็บตัวไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่าย ๆ ความเจ็บปวดยามต้องเห็นสตรีที่ตนพึงใจมานานเกิดล้มป่วย เพียงเพราะคำสัญญาจากปากพล่อย ๆ ของเส้าเหยี่ยนเสียง เขาอยากสังหารบุรุษเช่นนี้ทิ้งไปเสียด้วยซ้ำ พอคิดอีกทีการค่อย ๆ ทรมานต่อไปย่อมดีกว่าเป็นไหน ๆ