บทที่ 2 ข้ากลับมาอีกครั้ง
พรึบ! ตุบ
“โอ๊ย! นะ นะ นี่มันเรือนของข้า? ข้าตายไปแล้วมิใช่หรือเหตุใดถึงได้...”
“คุณหนู ๆ ท่านฟื้นแล้วบ่าวดีใจเหลือเกินที่คุณหนูฟื้นขึ้นมา ฮึก ๆ ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกได้หรือไม่เจ้าคะ” จิ่งฟางที่ไปนำยาจากห้องครัวเกือบทำถ้วยยาร่วง เมื่อเดินเข้ามาในเรือนของเจ้านายและเห็นว่านางฟื้นจากอาการเจ็บป่วย
ไป๋เล่อฉิงเมื่อเห็นสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อตนเองยังมีชีวิตอยู่ ก็น้ำตาไหลออกมาและกล่าวขอโทษกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น “จะ จะ จิ่งฟางเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าขอโทษ ๆ ฮือ ๆ ๆ”
ยามนี้ไป๋เล่อฉิงกำลังคิดว่าตนเองได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง พอนึกขึ้นได้นางจึงเริ่มถามจิ่งฟางเพื่อความมั่นใจถึงสาเหตุที่นางต้องล้มป่วยทันที
“ฮึก จิ่งฟางเจ้าบอกข้าทีที่ข้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้ เพราะข้าทำเรื่องโง่ ๆ ด้วยการไปยืนตากน้ำค้างรอเส้าเหยี่ยนเสียงในโคมไฟใช่ไหม”
“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ท่านยืนตากน้ำค้างอยู่ครึ่งค่อนคืนทั้งที่อากาศเย็น แต่จนแล้วจนรอดคุณชายใหญ่เส้าก็ไม่มาตามที่นัดแนะกับท่านไว้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณหนูมีไข้ขึ้นสูงนอนไม่ได้สติมาสองคืนสามวันแล้วเจ้าค่ะ”
“ไอ้คนสารเลว! ข้าอุตส่าห์จริงใจทำทุกอย่างให้ไม่เคยขัด แต่สุดท้ายกลับทรยศหักหลังข้ากับคนที่ข้าเชื่อใจมากที่สุดได้อย่างไร”
จิ่งฟางรู้สึกแปลกใจที่เจ้านายของตนกล่าววาจาไม่พอใจต่อบุรุษที่รักใคร่ ทั้งที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้จากเจ้านายมาก่อน แต่ด้วยความรักและห่วงใยไม่อยากให้เจ้านายหลงเชื่อคำบุรุษจึงพูดเตือนสติขึ้นอีกครั้ง
“คุณหนูเจ้าคะบ่าวมิได้คิดจะขัดขวางหรือไม่อยากให้ท่านมีความรัก แต่การกระทำของคุณชายใหญ่เส้าทำร้ายท่านมาหลายครั้งแล้ว นายท่านกับฮูหยินและพี่ชายพี่สาวของคุณหนู ทุกคนล้วนเป็นห่วงไม่อยากให้ท่านเสียใจ
จะเป็นไปได้หรือไม่เจ้าคะหากคุณหนูจะฟังคำทัดทานจากทุกคน คุณหนูของบ่าวทั้งงดงามและจิตใจดีถึงเพียงนี้ บ่าวเชื่อว่าต้องมีบุรุษที่คู่ควรกับความรักของท่าน และบุรุษผู้นั้นก็จะรักและให้เกียรติคุณหนูเพียงผู้เดียว”
ไป๋เล่อฉิงมองไปที่จิ่งฟางที่น้ำตาคลอเพราะเป็นห่วงนางอย่างแท้จริง เมื่อนึกถึงเรื่องราวในชาติก่อนนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำไป๋เล่อฉิง ว่าคนอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงไม่คู่ควรกับความรักของนาง คำตอบจากปากของไป๋เล่อฉิงทำเอาจิ่งฟางถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา
“จิ่งฟางตอนที่ข้าหมดสติเพราะอาการป่วยนั้น ได้ฝันถึงเหตุการณ์บางอย่างและมันเหมือนจริงมาก แม้แต่ยามตื่นลืมตาขึ้นมาก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นได้ดี
ข้าขอโทษที่ไม่ฟังคำเตือนของเจ้า แต่ก็ขอบคุณคำเตือนของเจ้าอีกเช่นกันที่ทำให้ข้าได้สติ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าไป๋เล่อฉิงจะไม่รักบุรุษที่ชื่อว่าเส้าเหยี่ยนเสียงอีกแล้ว ใครอยากได้ก็เอาไปส่วนข้าจะตามหาคนที่รักและจริงใจ และยินดีมีเพียงข้าผู้เดียวที่อยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิต”
“คุณหนูพูดจริงหรือเจ้าคะ! บ่าวดีใจเหลือเกินที่ได้ยินคุณหนูพูดเช่นนี้ แต่คนสนิทของคุณชายใหญ่เส้ามาที่จวนเมื่อวาน ฝากความมาถึงคุณหนูว่าหากท่านไม่เป็นอันใดแล้ว ให้ไปเยี่ยมคุณชายใหญ่เส้าที่ได้รับบาดเจ็บจนลุกไม่ขึ้นเจ้าค่ะ”
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับไป๋เล่อฉิงไม่น้อย ‘ชาติที่แล้วมีแค่ข้าที่ล้มป่วยส่วนเส้าเหยี่ยนเสียงกลับพาหลัวอี้หรูไปล่องเรือมิใช่หรือ แต่เหตุใดในชาตินี้เขากลับได้รับบาดเจ็บได้เล่า’
“บาดเจ็บหรือ? เกิดอะไรขึ้นเจ้าพอจะรู้สาเหตุหรือไม่จิ่งฟาง”
“อืมม บ่าวได้ยินคนอื่น ๆ พูดต่อ ๆ กันว่าคุณชายใหญ่เส้ามีเรื่องทะเลาะกับบุรุษในร้านน้ำชา ที่เข้ามาหยอกเย้าคุณหนูหลัวจึงได้ชกต่อยกัน แต่คนของอีกฝ่ายมีมากกว่าคนที่เจ็บหนักจึงเป็นคุณชายใหญ่เส้าเจ้าค่ะ”
“หึ สมควรโดนแล้ว จิ่งฟางหากมีคนของจวนเส้ามาอีกให้บ่าวไพร่ไล่กลับไปให้หมด ข้าจะไม่ไปเหยียบจวนตระกูลเส้าอีกแล้ว ทุกอย่างที่ข้าเคยทำก่อนหน้านี้ก็ปล่อยให้เป็นแค่เรื่องของอดีตเถิด” ไป๋เล่อฉิงออกคำสั่งกับจิ่งฟางด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดขัดกับภาพลักษณ์คุณหนูผู้ใจดีคนเดิมอย่างสิ้นเชิง
จิ่งฟางได้ฟังคำสั่งของเจ้านายนางยิ้มรับอย่างมุ่งมั่น เพราะแววตาของเจ้านายเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้คุณหนูควรดื่มยาก่อนนะเจ้าคะ จะได้หายป่วยไว ๆ เพราะอีกไม่กี่วันคุณชายรองจะต้องเดินทางกลับชายแดนแล้ว คุณหนูไม่อยากออกไปส่งคุณชายรองหรือเจ้าคะ”
“จริงด้วยข้าลืมเรื่องพี่รองจะกลับชายแดนไปเสียสนิท ขอบใจนะจิ่งฟางที่ช่วยเตือนเรื่องนี้กับข้าอีกครั้ง หลังดื่มยาข้าขอนอนพักอีกหน่อยพอตื่นอีกทีคงดีขึ้นแล้วล่ะ”
“นี่เจ้าค่ะ ยายังอุ่นอยู่คุณหนูรีบดื่มเถิด ประเดี๋ยวบ่าวไปรายงานฮูหยินให้ทราบว่าคุณหนูได้สติแล้ว และจะไปดูสำรับอาหารมื้อเย็นให้ด้วยเจ้าค่ะ”
“อืม เจ้าไปเถิดฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปรับสำรับเช้ากับทุกคน”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
จิ่งฟางคอยดูแลไป๋เล่อฉิงดื่มยาจนล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยจึงออกจากเรือนเยว่กวงของไป๋เล่อฉิง เพื่อไปรายงานฮูหยินเกี่ยวกับอาการของบุตรสาวคนเล็กของตระกูล
ส่วนเจ้าของเรือนเยว่กวงที่บอกสาวใช้ว่าจะนอนพักผ่อน กลับนอนไม่หลับเนื่องจากไป๋เล่อฉิงกำลังนึกถึงเสียงของบุรุษผู้หนึ่ง ที่เรียกชื่อของนางก่อนลมหายใจสุดท้ายจะถูกความตายพรากไป
น้ำเสียงที่ตะโกนเรียกชื่อของนางออกมาบ่งบอกว่าเขากำลังเจ็บปวด และเสียใจเมื่อเห็นนางตกตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนั้น ไป๋เล่อฉิงได้แต่นึกเสียดายที่นางไม่ทันเห็นใบหน้าของเขาก็หมดลมหายใจไปเสียก่อน
“ใครกันที่บุกเข้าไปในเรือนท้ายจวนนั่น ‘ฉิงเอ๋อร์’ งั้นหรือ ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร แต่ตอนนี้รักษาตัวเองให้หายก่อนก็แล้วกัน”
ในเมื่อยังคิดไม่ออกว่าเจ้าของน้ำเสียงนั่นคือใคร ไป๋เล่อฉิงจากที่นอนไม่หลับก็ต้องหลับเพราะฤทธิ์ยาที่ดื่ม ด้วยร่างกายที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการป่วยซึ่งมีสาเหตุมาจากบุรุษที่นางเคยวิ่งตามด้วยความรัก
ทั้ง ๆ ที่ได้ตายไปแล้วแต่กลับมีโอกาสได้กลับมาแก้ไขการตัดสินใจที่ผิดพลาด แน่นอนว่าไป๋เล่อฉิงย่อมตัดทุกอย่างเกี่ยวกับเส้าเหยี่ยนเสียงออกจากชีวิต และนางยังทำตามคำมั่นสัญญาที่เอ่ยออกมาให้คนทั้งเมืองหลวงได้เป็นพยานอีกด้วย