ตอนที่ 3 การดิ้นรนของคนสวมร่าง
“แม่งเอ๊ย! เจ็บเป็นบ้าเลย”เจียงรั่วอี้สบถออกมาอย่างหัวเสีย แค่จะออกจากบ้านทำไมถึงได้ยุ่งยากขนาดนี้
หญิงสาวบ่นพลางยกมืออีกข้างกดแผลไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมา เพราะในหัวไม่มีความคิดที่จะพาตนเองไปรักษาอาการบาดเจ็บด้วยกลัวว่าคนของตระกูลจะตามมาจับตัวกลับระหว่างกำลังรักษาอยู่ในโรงหมอ
หลังวิ่งหนีไกลออกมาสักระยะเจียงรั่วอี้ก็ใช้สายตามองซ้ายขวามองหารถม้าที่พอจะพาไปส่งบ้านตระกูลหลาน ก่อนจะเห็นว่ามีรถม้าคันหนึ่งวิ่งมาพอดี จึงยกมือขึ้นเป็นเชิงให้เขาจอด
ทว่าหลังรถม้าที่ชะลอความเร็วเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แล้วมองเห็นหน้าหญิงสาวชัด ๆ ความเร็วของรถม้าก็เพิ่มขึ้นทันทีขับฉิวผ่านไปอย่างไม่รีรอ
“...”คนถูกเมินมองตามตาปริบ ๆ นิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
“บางทีคนขับอาจจะปวดท้องหนักถึงได้รีบเพิ่มความเร็วรถ”เจียงรั่วอี้พูดให้กำลังใจตนเองอย่างนั้นทั้งที่ในอกรู้ดีว่า สาเหตุที่เขาขับรถหนีไปคงไม่พ้นใบหน้านี้
แต่เจียงรั่วอี้ก็หาได้คิดยอมแพ้ นางยังคงมองหารถม้าต่อระหว่างเดินไปด้านหน้าเรื่อย ๆ ทว่าไม่ว่าจะผ่านไปกี่รถม้าก็ไม่มีรถม้าคันไหนยอมจอดให้เจียงรั่วอี้ขึ้นนั่ง
“...”เจียงรั่วอี้ไม่เป็นที่ต้อนรับขนาดนี้เลยเหรอ
หญิงสาวคิดอย่างทุกข์ใจก่อนสายตาจะเหลือบเห็นรถม้าอีกคันกำลังใกล้เข้ามา ครั้งนี้เธอไม่คิดยืนรอเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว
ฮี้!!!
คนบังคับม้าแทบหัวใจวายตายเมื่อมีสตรีชุดชุ่มเลือดกระโจนมาขวางทาง
“วิ่งออกมาขวางรถม้าอย่างนี้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร!”
“เพราะจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วถึงได้พยายามมีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ!”เจียงรั่วอี้ตะโกนกลับไปทำเอาคนบังคับรถม้ามองนางนิ่ง
“เจ้าคุณหนูเจียงไม่ใช่หรือ ทำไม...ถึงได้มีสภาพอย่างนี้ ?”
“ท่านรู้จักข้า? ดีเลยในเมื่อท่านรู้จักข้าช่วยพาข้าไปส่งจวนตระกูลหลานทีสิ”หญิงสาวเขยิบตัวเข้าใกล้ เงยหน้ามองดวงตาเป็นประกาย
“เอ่อคือ”อีกฝ่ายมีท่าทีอ้ำอึ้งเหลือบสายตามองด้านหลังรถ
“มีอะไรหรือ ?”เสียงทุ้มน่าฟังดังมาจากด้านหลัง
“เรียนคุณชาย คุณหนูเจียงมาขวางทางรถม้าแล้วขอให้บ่าวไปส่งที่จวนตระกูลหลานขอรับ”
“คุณหนูเจียง ?”น้ำเสียงสงสัยเอ่ยถามพร้อมบานประตูเปิดออก คนในรถม้าก้าวออกมายืนบนถนน
ทันทีที่สายตามองเห็นสตรีตรงหน้าดวงตาเขาถึงกับวูบไหว ชั่วขณะหนึ่งในหัวนึกไปถึงภาพจำของเด็กน้อยตัวกลมเมื่อหลายปีก่อน
เจียงรั่วอี้เห็นว่าเขายืนมองตนนิ่ง ๆ ในใจพลันเกิดความรู้สึกประหม่า ก้มหน้าลงน้อย ๆ เอ่ยเสียงเบา
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าท่านพอจะไปส่งข้าที่จวนตระกูลหลานได้ไหม? ข้ามีเหตุจำเป็นต้องไปที่นั่น”
ไป๋ซีห่าวมองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ เหลือบมองรอยแผลบนแขน
เจียงรั่วอี้เห็นว่าเขาสงสัยแผลที่แขนจึงยิ้มแห้ง“พอดีข้าซุ่มซ่ามจนได้แผลมานะ”เป็นคำอธิบายที่โง่เง่าสิ้นดี แต่เจียงรั่วอี้ตอนนี้ไม่มีสติพอจะหาเหตุผลพอฟังเข้าท่ามาพูดให้เขาเชื่อ
คนฟังขมวดคิ้ว หญิงสาวเห็นอย่างนั้นก็กลัวว่าเขาจะปฏิเสธไม่ให้เธอขึ้นรถม้าเพราะบาดเจ็บจึงรีบร้อนอธิบายเพิ่ม“แต่แผลข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกไม่นานเลือดก็หยุดไหลแล้ว เพราะงั้นท่าน...คุณชายผู้หล่อเหลา ข้าขอร้องละ ได้โปรดช่วยข้าสักครั้งเถิดนะ แล้วข้าจะตอบแทนความช่วยเหลือของท่านในครั้งนี้อย่างดี”
“...”
โอ๊ย!! จะเอาแต่ยืนนิ่งอีกนานไหมจะช่วยหรือไม่ช่วยรีบ ๆ บอกมาไม่ได้หรือยังไง คนรีบร้อนจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ช่วยเธอจะได้ไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ถึงไม่รู้ว่าจะพอมีรถม้าคนไหนยอมรับเธอขึ้นรถหรือเปล่าก็เถอะ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีคนยอมให้ขึ้นเธอก็จะหาทางเดินไปเอง!
ไป๋ซีห่าวมองท่าทางร้อนใจของนางหันหลังก้าวขึ้นรถม้า
“...”จะไปอย่างนี้เลย ? พาไปหรือไม่พาไปก็ไม่บอกด้วย
เจียงรั่วอี้สูดหายใจเข้าปอดลึกพยายามไม่แสดงอาการหัวเสียออกมา เธอไปขอเขาเอง เขาจะช่วยไม่ช่วยก็เป็นสิทธิ์ของเขา เธอไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเขา
หญิงสาวสะกดจิตตนเองพร้อมหันหลังคิดเดินจากไป ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวเดินเสียงด้านหลังพลันดังขึ้น
“ขึ้นมาสิ”
เจียงรั่วอี้หันขวับมองเห็นว่าเขากำลังมองตนอยู่
“ท่านจะไปส่งข้าหรือ?”
ไป๋ซีห่าวพยักหน้า
รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าทันที เจียงรั่วอี้ก้าวเร็ว ๆ มายืนหน้าบานประตูหลังเขาหย่อนตัวนั่งแล้วจึงก้าวตามขึ้นไป
คนขับรถม้า“...”
คุณชายยอมให้คนอื่นนั่งรถม้าด้วย! แถมอีกฝ่ายยังเป็นคุณหนูเจียงผู้ชั่วร้ายคนนั้นอีก!!
“มัวชักช้าอะไรอยู่รีบออกรถสิ”
คนขับรถม้าสะดุ้งรับเอ่ยตอบ“ขอรับ!”
รถม้าเคลื่อนตัวจากจุดเดิมออกมาได้สักพักเจียงรั่วอี้จึงขยับปากเอ่ยเพื่อทำลายความเงียบ“ท่านชื่ออะไรหรือ ขอบใจมากนะที่ฟังคำขอร้องของข้า”
ท่าทางของนางเต็มไปด้วยบรรยากาศเย็น
ชายหนุ่มมองพิจารณาสตรีตรงหน้านิ่ง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าคล้าย แถมบรรยากาศรอบกายยังไม่ชวนอึดอัดเหมือนครานั้น
เจียงรั่วอี้เห็นว่าเขาเอาแต่จ้องตนไม่พูดอะไรรอยยิ้มจึงค่อยๆ หายไปจากใบหน้า
“เอ่อ...ข้าทำให้ท่านอึดอัดใช่หรือไม่ ? ข้าก็พอจะรู้ตัวอยู่ว่าไม่ค่อยมีใครต้อนรับข้า ถึงอย่างนั้นข้าก็ดีใจที่ท่านยอมช่วยเหลือข้านะ และจะยิ่งดีใจมากหากท่านส่งข้าจนถึงปลายทาง”หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย
งื้อออ อีกฝ่ายคงไม่ได้กำลังนึกเสียใจที่ยอมให้เธอขึ้นรถมาใช่ไหมถึงได้เงียบไม่ยอมพูดอะไรเลยนะ แต่จะมานึกเสียใจแล้วไล่ลงตอนนี้ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้เดินไปบ้านตระกูลหลานที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของที่นี่เพราะหารถม้าไม่ได้แน่ ๆ
“ข้าไม่ไล่ไม่ต้องกังวล”
“จริงหรือ ? ท่านไม่ได้กำลังคิดว่าจะไล่ข้าลงไปจริง ๆ ใช่ไหม?”
ดวงตาเป็นประกายเงยขึ้นสบตา
“...อืม”ไป๋ซีห่าวพยักหน้ารับหันหน้าหนี
เจียงรั่วอี้เห็นว่าเขาไม่มีความคิดจะไล่ตนลงไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าจึงไม่เศร้าหมอง มองเขาดีขึ้นมาอีกหน่อย
“ในเมื่อท่านไม่คิดไล่ข้าแล้ว ท่านพอจะช่วยบอกชื่อของท่านกับข้าได้หรือไม่ ข้าจะได้ตอบแทนท่านถูก”
อีกฝ่ายมองมาอย่างไม่เข้าใจ
ทำไมมองเธอย่างนี้ละหรือว่าเจ้าของร่างกับเขารู้จักกันมาก่อน ?
เจียงรั่วอี้นิ่งคิด หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ยกมือขึ้นจับคางเหลือบตามองเขาแล้วดึงสายตากลับมา
ไม่มีคนคนนี้ในความทรงจำเลยแฮะ แถมสถานการณ์นี้ก็ไม่มีอยู่ในนิยายด้วย อาจจะเพราะเธอไม่ได้เล่นตามบท ถ้าอย่างนั้นแล้วชายคนนี้เป็นใครละ
“เจ้าจำไม่ได้จริง ๆ หรือ?”
“จำ จำอะไรได้?”
“ชื่อข้า”
“...”
“ชื่อข้าไป๋ซีห่าว”
เจียงรั่วอี้เบิกตากว้าง
ไป๋ซีห่าว! ตัวละครรองที่ชาวเน็ตชื่นชมและอยากได้มาเป็นสามีมากที่สุด พ่อหนุ่มมาดนิ่ง เก่งกาจเย็นชา!
คนตรงหน้าคือไป๋ซีห่าวคนนั้นเหรอ! แล้วไป๋ซีห่าวมารู้จักเจียงรั่วอี้ได้ยังไง ในนิยายไม่มีบทบรรยายไหนบอกว่าทั้งสองคนรู้จักกันเลยนะ แถมยังไม่มีพูดถึงความสัมพันธ์ของสองตระกูลด้วย แล้วทำไม ทำไมคนตรงหน้าถึงทำเหมือนเจ้าของร่างกับเขารู้จักกันเป็นอย่างดี
“เอ่อ..คือว่า”
“ถึงแล้วล่ะ”
ยังไม่ทันได้เอ่ยถามชายหนุ่มก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
เธอยังอยากถามเรื่องที่สงสัยอยู่เลยแต่สถานการณ์กลับไม่เป็นใจ
เอาไว้หาของไปตอบแทนเขาได้ก่อนค่อยถามก็แล้วกัน ถึงจะไม่รู้ว่าเธอในตอนนี้พอจะมีอะไรสามารถสอบแทนคุณชายตระกูลสูงศักดิ์อย่างเขาได้หรือเปล่าก็เถอะ
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะ ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ ข้าจะพยายามตอบแทนน้ำใจในครั้งนี้ของท่านให้ได้ ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม”ว่าพร้อมลุกขึ้นก้าวลงจากรถม้า
“เดี๋ยว”
“อะไรหรือ ?”มองป้ายแผ่นเล็กที่ยื่นมาตรงหน้า
“เมื่อใดที่เจ้าคิดจะตอบแทนให้มาที่บ้านข้า ถึงเจ้าอาจจะจำไม่ได้แล้วแต่จวนตระกูลไป๋หาไม่ยาก”
เจียงรั่วอี้หยิบแผ่นป้ายมาถือ รู้สึกสงสัยในคำพูดของเขา ถึงกระนั้นก็ยังเอ่ยออกมาว่า“ขอบใจมากนะ เดินทางดี ๆ ล่ะ”เจียงรั่วอี้โบกมือบาย ๆ รถม้าที่เคลื่อนตัวห่างออกไป
หญิงสาวถอนหายใจยาวหันหน้าเข้าหาบานประตูสูงใหญ่
“ข้ามาพบคุณหนูหลานหมิงหมิง ไม่ทราบว่านางอยู่หรือไม่”
