ตอนที่ 2 ชายบำเรอ
หลี่อวี้เหยาก็หมุนตัวเดินตรงไปหาชายหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ลังเล เสี่ยวชิงมองแผ่นหลังของคุณหนูด้วยความหวาดหวั่น มือของนางกำชายกระโปรงแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว แต่สุดท้ายก็ได้แต่เฝ้ามองอยู่ตรงนั้นอยู่ดี ไร้ซึ่งความกล้าที่จะก้าวตามไป
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายของหลี่อวี้เหยาหันมาสบตานางพอดี คิ้วของเขายกขึ้นเพียงเล็กน้อย คล้ายฉงนกับสายตาแน่วแน่ที่สตรีเบื้องหน้ามอบให้ บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะตึงเครียดขึ้นมาทันที
แม้เสียงดนตรีเบื้องหลังจะยังแว่วก้องด้วยท่วงทำนองอ่อนหวาน ทว่าในความรู้สึกของหลี่อวี้เหยา ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเงียบงันดุจเวลาหยุดนิ่ง หออวิ๋นเซียงราวกับหยุดหมุนเวียนโดยสิ้นเชิง
นางสูดลมหายใจลึก ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้บุรุษตรงหน้าด้วยท่วงท่าสง่างาม มือเรียวขาวเนียนเอื้อมขึ้นเชยคางชายหนุ่มเบา ๆ แววตาของนางทอประกายหยอกเย้าอย่างจงใจ เข็มเงินเล่มเล็กในมือถูกชักออกอย่างรวดเร็ว
ก่อนปลายคมจะแตะจี้ลงบนจุดสำคัญของเขาอย่างแม่นยำจนเจ้าตัวแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ดวงตาคู่สวยของนางทอประกายเจิดจ้าดุจนักล่า ก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวานลึกล้ำ “คืนนี้ท่านกับข้า พวกเรา...” แฝงไว้ด้วยความท้าทายที่ยากจะต้านทาน
ผ้าโปร่งที่คลุมปิดครึ่งล่างของใบหน้านาง กลับยิ่งขับเน้นแววตากระจ่างสดใสคู่นั้นให้เด่นชัด ชายหนุ่มได้แต่จ้องมองอย่างนิ่งงัน ราวต้องมนตร์สะกด พลันภาพใบหน้าของสตรีในดวงใจแวบเข้ามาในความคิดโดยไม่ทันตั้งตัว
หลี่อวี้เหยายกมือเรียวอีกข้าง ไล้ไปตามกรอบหน้าของชายหนุ่มช้า ๆ แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความพอใจ นางลอบสำรวจเขาและคิดในใจว่า บุรุษผู้นี้ช่างเหมาะสมกับนางยิ่งนัก
ไม่ว่าฐานะที่แท้จริงของเขาจะเป็นใคร นางเลือกแล้ว หากเขาเป็นชายบำเรอในหออวิ๋นเซียงนี้ ก็เหมาะแก่การท้าทายโชคชะตาของบิดา เพียงนึกถึงสีหน้าบิดาที่อาจกระอักเลือด
หากบิดาล่วงรู้ว่าบุตรีเรือนนอกผู้ไม่เคยอยู่ในสายตา กลับกล้าทำเรื่องอื้อฉาวถึงเพียงนี้ เสียตัวให้ชายบำเรอในหออวิ๋นเซียง ความโกรธเกรี้ยวที่อัดแน่นในอกของท่านคงปะทุออกมาดั่งไฟลุกโชน ส่วนแม่ใหญ่ ผู้วางแผนผลักไสภาระมาให้นางคงหน้าซีดเผือดล้มคว่ำ เพราะแผนการที่วางไว้อย่างดีถูกทำลายจนพังพินาศ
หลี่อวี้เหยาหัวเราะเบา ๆ อยู่ในใจ ความสนุกสนานที่ปะทุขึ้นในอกทำให้นางรู้สึกคล้ายเด็กน้อยที่ค้นพบของเล่นชิ้นใหม่ นางเผยรอยยิ้มเยือกเย็นผ่านผ้าโปร่งบางนั้น ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้ชายหนุ่มที่ยังตกอยู่ในภวังค์ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงความแน่วแน่ดุจคำประกาศิตว่า “เจ้ายินดีหรือไม่”
ชายหนุ่มมองนางนิ่งงัน สายตาที่เคยเยือกเย็นบัดนี้เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงใจและความตื่นตะลึง เขามีสิทธิ์อันใดจะปฏิเสธกันเล่า ในเมื่อร่างกายยังถูกจี้จุดให้ไร้เรี่ยวแรง แม้เพียงขยับนิ้วก็ยังยากจะทำได้
“สตรีนางนี้...บ้าบิ่นเกินไปแล้ว!” เขาคิดในใจอย่างเดือดดาล ชายหนุ่มได้แต่จ้องนางราวกับถามว่า นางมิเกรงกลัวตายหรือไร ถึงได้กล้าล้วงคอมัจจุราชเยี่ยงเขา ทันใดนั้น นางก็ทำในสิ่งที่เขาไม่ทันคาดคิด หลี่อวี้เหยาคลี่ยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะบีบปากเขาออกแล้วยัดบางอย่างลงลำคออย่างไร้ปรานี
ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมกล้าของเขาเบิกกว้าง หันมองซ้ายขวาอย่างร้อนรน หวังเพียงว่าองค์ชายห้า ผู้ติดตามที่มากับเขาจะปรากฏตัวขึ้นช่วยเหลือ แต่แล้วกลับไร้เงา
“เจ้านั่นหายหัวไปที่ใดกัน!” เขาเคียดแค้นจนกัดฟันกรอด ความอับอายและความโกรธเกรี้ยวพลุ่งพล่านอยู่ในอก แต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะตอบโต้ สตรีนางนี้...กล้าท้าทายเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
สตรีประหลาดนางนี้หาได้หยุดอยู่เพียงคำพูด นางกลับจูงมือเขาอย่างแน่วแน่ ลากเข้าไปในห้องอย่างไร้ความลังเล แล้วหันกลับมาลงดาลประตูให้สนิทจนมิดชิด ดวงตาของนางที่จ้องเขาแน่วแน่นั้น
บัดนี้แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นและความลึกลับบางประการ ราวกับวางแผนการไว้ล่วงหน้า ทุกสิ่งช่างชอบกลจนเขาเริ่มรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ราวกับเปลวเพลิงโทสะกำลังเผาไหม้ในอกของเขาเสียจนแทบอยากกระโจนลงในอ่างน้ำเพื่อดับความร้อนแรงนี้
ทว่าแทนที่นางจะหยุดการกระทำ หญิงสาวกลับผลักร่างเขาลงบนเตียงนอนอย่างเด็ดขาด แล้วค่อย ๆ ละเมียดละไมในการเปลื้องผ้าออกจากร่างเขาทีละชิ้น ๆ การกระทำที่แฝงไปด้วยความเย้ายวนนี้ ทำให้เขารู้สึกทั้งตะลึงและขัดเขินไปพร้อมกัน
“ร่างกายของเจ้าช่างกำยำยิ่งนัก เหมาะสมที่สุดกับสิ่งที่ข้าต้องการ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความหมายลึกล้ำ รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นบนใบหน้าใต้ผ้าโปร่งบางนั้น ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ข้าจะมอบน้ำใจให้เจ้าก้อนใหญ่ น่าจะเพียงพอให้เจ้านำไปไถ่ตัวได้ อีกอย่าง...”
นางโน้มกายเข้ามาใกล้ ส่งยิ้มเย็นเยียบประหนึ่งคมดาบ ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วเบาทว่าหนักแน่นเคียงข้างใบหูของชายหนุ่ม ราวต้องการให้ถ้อยคำฝังลึกในจิตใจของเขา
“อย่าได้ตามหาว่าข้าคือใคร เพราะสำหรับข้า เจ้าเป็นเพียงชายบำเรอ…แค่คู่นอนชั่วคราวที่ข้าปรารถนาเท่านั้น”
ปลายนิ้วเรียวยาวของนางไล้ผ่านกรอบหน้าอันคมสันของชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่เบื้องล่าง ยามนี้เขามิอาจขยับเขยื้อนได้แม้เพียงนิด สิ่งเดียวที่ทำได้คือส่งสายตาดุดันราวกับเปลวเพลิงไปยังสตรีเบื้องหน้า ในใจกลับเต็มไปด้วยคำด่าทอสตรีไร้ยางอายผู้กล้าล่วงเกินเขา
สีหน้าของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนไปด้วยความอับอายและขุ่นเคือง เมื่อถูกนางจงใจล่วงล้ำศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขา ทว่าร่างกายกลับทรยศหัวใจ เพราะเจ้าลูกชายตัวดีมิได้ปฏิเสธสัมผัสนั้นแม้แต่น้อย กลับแสดงออกถึงการตอบรับอย่างน่าอับอายเสียเอง
แม้มือที่ลูบไล้จะเงอะงะและไร้ประสบการณ์ ทว่าภายใต้ความไม่ประสานั้นกลับมีความนุ่มนวลและเร่าร้อนที่ทำให้ชายหนุ่มเริ่มหวั่นไหว สตรีผู้นี้ แม้นางจะไม่เคยผ่านคืนวสันต์ แต่การกระทำกลับช่างท้าทายและปลุกปั่นเขาเสียเหลือเกิน
นางแย้มยิ้มอ่อนหวานจากใต้ผ้าคลุมหน้าที่พลิ้วไหว เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามหมดจด ริมฝีปากบางสีระเรื่อชวนให้ลิ้มลองยิ่งนัก บริเวณใต้ใบหูของนางยังมีปานสีแดงเล็ก ๆ ซึ่งน่าจะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ชายหนุ่มลอบมองและหลุดเอ่ยชมความงามนั้นในใจอย่างมิอาจห้าม
“สตรีผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก...” เขาคิด แต่กระนั้นก็อดตำหนินางมิได้ที่กระทำการราวกับชำนาญ ทั้งที่ท่าทางยังคงไร้เดียงสา
นางโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจแทบจะผสานกัน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ทั้งความเย้ายวนและอำนาจเหนือกว่า
“เจ้าคือคนแรกของข้า...ชายบำเรอที่ข้าพึงใจที่สุด วันนี้เป็นเด็กดีเถิด อย่าได้ขยับตัวไปไหน นอนนิ่ง ๆ อย่างที่ข้าสั่ง” จากนั้นนางเริ่มต้นลงทัณฑ์ชายหนุ่มด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนแต่กลับทิ้งร่องรอยแห่งความเร่าร้อน
เขารู้สึกถึงความแผ่วเบาที่ค่อย ๆ กดลึกลงสู่จิตใจและร่างกาย จนในที่สุด เข็มเงินที่ปักอยู่บนลำคอก็หลุดคลายออกโดยไม่ทันรู้ตัวเหวยหนานซึ่งตั้งใจจะต่อต้าน กลับกลายเป็นฝ่ายพลิกตัวขึ้นเหนือร่างนาง
ชายหนุ่มมองสบตากับสตรีใต้ร่างอย่างแน่วแน่ ก่อนจะโน้มตัวลงมาบรรจงมอบจุมพิตแสนหวานให้แก่นาง จุมพิตนั้นมิได้รุนแรง แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอาทร ทุกสัมผัสของเขาบรรจงถนอมราวกับว่านางคือสิ่งล้ำค่าที่เขาไม่อาจปล่อยมือ...
ทว่าเมื่อบทเพลงแห่งรักจบลง นางค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า ราวกับร่างกายถูกพันธนาการด้วยความเหนื่อยล้า นางเอื้อมมือไปหยิบอาภรณ์ที่ถูกโยนลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความเงียบงัน จนกระทั่งเสียงเล็ก ๆ หลุดรอดจากริมฝีปากบาง
“โอ๊ย...” นางเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
สายตาของนางเหลือบมองไปยังเตียงที่เพิ่งลุกจาก รอยเลือดสองสามจุดบนผืนผ้าสีขาวสะอาดนั้นบ่งบอกถึงสิ่งล้ำค่าที่นางเฝ้าหวงแหนมาตลอดชีวิต…บัดนี้ได้สูญสิ้นไปแล้ว
นางปรายตามองชายหนุ่มผู้ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาช่างสงบเสงี่ยมราวกับดรุณน้อยที่ไร้เดียงสา รอยยิ้มแผ่วบางปรากฏขึ้นบนมุมปากของนางโดยไม่รู้ตัว
“ช่างรูปงามยิ่งนัก…” นางอดคิดในใจไม่ได้ ครู่ใหญ่สตรีไร้นามแต่งกายเรียบร้อย ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบดังเดิม ทว่าก่อนที่นางจะจากไป นางโยนถุงเงินใบหนึ่งลงบนพื้นเบื้องหน้า
เสียงกระแทกของมันดังกังวานขึ้นท่ามกลางความเงียบ ราวกับตอกย้ำถึงความหมายอันลึกซึ้งในสิ่งที่นางกระทำ เสียงภายในถุงกระทบกันเบา ๆ แต่กลับดังชัดเจนในโสตประสาทของชายหนุ่ม บ่งบอกถึงน้ำหนักที่นางคิดว่ามากพอจะซื้อศักดิ์ศรีของเขา เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองนาง ดวงตาคมกริบราวกับดาบที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์หลากหลาย
“นางคิดจริง ๆ หรือว่าข้าคือเพียงชายบำเรอ” เขาคิดในใจ พลางจ้องมองนางด้วยความสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปในแววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความสับสน
เหวยหนานจ้องมองสตรีผู้ยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาเผยความลึกซึ้งที่ยากจะคาดเดา ทั้งขุ่นเคือง ทั้งอับอายและคำถามที่ไร้คำตอบ ทุกสิ่งผสานกันราวกับพายุอารมณ์ที่ถาโถม ทว่าภายนอกกลับปกปิดไว้ด้วยความเยือกเย็น
“ระหว่างข้ากับเจ้า ก็แค่คู่นอนชั่วคราว!” เสียงของนางดังขึ้น คำพูดที่เปล่งออกมาช่างคมกริบราวกับคมดาบฟาดลงบนศักดิ์ศรีของเขา รอยยิ้มบางของนางเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส “อย่าได้ริอ่านไปกล่าวอ้างว่าเป็นสามีของข้าเด็ดขาด!”
นางกดยิ้มจาง ๆ พลางเอ่ยขึ้นอีกประโยค “อย่าถามนามของข้า ข้าคือคนไร้นามจงจำคำพูดของข้าเอาไว้ให้ดี อ้อ...” นางเว้นช่วงมองถุงเงินอยู่บนโต๊ะพร้อมกับชี้มือไป “นี่คือน้ำใจจากข้า มันคงจะมากพอที่จะไถ่ตัวเจ้าออกไปจากที่นี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้ชีวิตให้ดี”
แม้คำพูดจะบาดลึก ทว่าเหวยหนานยังคงนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง ราวกับกำแพงเหล็กที่แม้จะถูกบั่นทอน แต่ก็ยังไม่ยอมล้มลง สายตาคมปลาบของเขาจับจ้องไปยังนางราวกับมองทะลุผ่านความงามลวงตา
“นางไม่ใช่แค่คนวิปลาส หากแต่กล้าหยามศักดิ์ศรีของข้าในแบบที่ไม่มีผู้ใดเคยกระทำ…”
นางหมุนกายเดินจากไปอย่างไม่แยแส ทิ้งไว้เพียงถุงเงินใบหนึ่งที่บัดนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหยามเหยียด เครื่องเตือนใจที่ตอกย้ำถึงการถูกย่ำยีศักดิ์ศรีอย่างไร้เยื่อใย
จะมีหรือที่ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ เขาคิดในใจ ขณะมองตามแผ่นหลังของนางที่ลับหายไปในความมืด
ข้าจะต้องสืบหาว่านางเป็นใคร...สตรีผู้นี้ คุณหนูจากจวนใดถึงกล้าล้วงคอมัจจุราชเช่นข้า