บทที่2
ไพรเวทเจ็ท พุ่งทะยานขึ้นสู่น่านฟ้า ดวงตากลมโตที่ถูกปิดซ่อนภายใต้แว่นตาราคาแพงเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างท่ามกลางก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา สาวสวยผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งทั้งที่จริงแล้วเธอเป็นคนยิ้มง่ายเน้นติดตลกไปเสียด้วยซ้ำตกอยู่ในสายตาของบอดีการ์ดคู่กาย และด้วยสีหน้าของเจ้านายทำให้บอดีการ์ดคู่กายรู้ได้ว่าเจ้านายของเธอกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นไร
"มีเรื่องให้ไม่สบายใจเหรอคะคุณหนู"โทนเสียงเรียบไม่ติดเล่นของ'เจสสิก้า'ดึงสติและใบหน้าของพิงค์ไวท์ให้หันกลับมาหาบอดีการ์ดสาวคู่ใจ
"นั่งก่อนสิคะ"
"ค่ะ"บอดีการ์ดสาวนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าโดยมีโต๊ะขนาดเล็กแต่ราคาไม่เล็กขั้นกลางระหว่างเธอกับเจ้านาย
"เมื่อคืนพิงค์ฝันถึงแม่"
"คุณหนูฝันถึงนายหญิง"พิงค์ไวท์พยักหน้า ก่อนหญิงสาวจะถอนแว่นตาราคาแพงวางลงบนโต๊ะ
"พิ้งค์ฝันถึงแม่ ฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น"ความเงียบปกคลุมภายในห้องรับรองของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เจสสิก้านั่งเงียบรอฟังคำพูดจากปากของคุณหนูเท่านั้น
"ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานาน แต่พิงค์กลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อวาน"มันเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อตระกูลเก่าแก่อย่าง 'หลงเฟยหยาง'ได้สูญเสียนายหญิงอันเป็นที่รักไป
เฟยหลง สูญเสีย ภรรยาอันเป็นที่รัก
แบล็ก เรส และพิงค์ไวท์ สูญเสียมารดาไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
"มันเป็นเพราะความดื้อของพิงค์แท้ ๆ ที่ทำให้แม่ตาย ถ้าวันนั้นพิงค์ไม่..."
"อย่านึกโทษตัวเองเลยค่ะคุณหนู"น้ำเสียงสั่นเครือจากปากของผู้เป็นนายทำให้เจสสิก้าเอ่ยขัดขึ้น ดวงตาคมกริบดั่งใบมีดโกนอ่อนลงเมื่อเห็นเจ้านายสาวหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดตาถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทสีดำด้านใน เจสสิก้ายื่นไปให้กับผู้เป็นนายซึ่งพิงค์ไวท์ก็รับไปเสียแต่โดยดี
"ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้น พวกเราทุกคนไม่มีใครคิดโทษคุณหนู ทั้งนายท่านทั้งสอง คุณใหญ่และคุณหนูรองก็ไม่มีใครคิดโทษคุณหนูเลย คุณหนูอย่าคิดมากเลยนะคะ"หญิงสาวเจ้าน้ำตาพยักหน้าเหมือนกับทุก ๆ ครั้ง แต่เจสสิก้ารู้ดีว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ครั้งนั้นมันได้ตกผลึกเข้าไปฝังอยู่ในใจของเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นที่เรียบร้อยและมันคงยากที่จะลบเลือน
ขบวนรถคันหรูสีดำเคลื่อนตัวออกจากสนามบินไปตามเส้นทางคุ้นชินของคนในประเทศนี้แต่สำหรับพิงค์ไวท์ นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้เดินทางกลับมาเหยียบที่นี่หรือตั้งแต่ที่เธอส่งส่งตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ
"วันนี้คุณ ๆ ทั้งหลายไม่ได้ออกไปทำงานเพื่ออยู่จัดงานเลี้ยงต้อนรับให้กับคุณหนูเล็กเลยนะคะ"
"เหรอคะ"น้ำเสียงไร้ซึ่งจิตวิญญาณขานรับทำให้เจสสิก้าต้องกดที่กั้นระหว่างกลาง บอดีการ์ดส่วนตัวหันมามองหน้าคุณหนูที่เธอเคารพรักเหมือนกับคนในครอบครัว
"ยังโกรธคุณท่านอยู่อีกเหรอคะ"ฝ่ามือที่วางซ้อนทับกับน้ำเสียงเป็นห่วงทำให้พิงค์ไวท์นึกถึงช่วงก่อนที่เธอจะต้องเดินทางห่างจากบ้านไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ
"พิงค์ไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธใครหรอกค่ะ ใครสั่งให้พิงค์ทำอะไรพิงค์ก็ต้องทำ ใครสั่งให้พิงค์ไปตายพิงค์ก็ต้องไป"
"คุณหนู"บอดีการ์ดสาวฝีมือดีเสียงแผ่ว จนคุณหนูของเธอต้องหันหน้ามา
"พี่เจส อย่ามองหน้าพิงค์แบบนั้นสิคะ"
"คุณหนูไม่น่าพูดแบบนี้เลย"ริมฝีปากของบอดีการ์ดสาวเม้มเข้าหา แต่ทว่าคุณหนูของเธอกลับยิ้มออกมาได้
"ก็มันจริงนี่คะ ชีวิตของพิงค์ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้รับอิสระ ไม่สิ ไม่ใช่แค่พิงค์"พี่ชายและพี่สาวคนรองก็ไม่ต่างกันกับเธอ การที่ทั้งสามเกิดมาอยู่ในตระกูลมาเฟียใหญ่ที่ครอบคลุมอำนาจไปหลายประเทศ ทำให้การใช้ชีวิตของบุตรทั้งสามต้องเดินอยู่ในกรอบที่บิดาและอากงวางเอาไว้
ซึ่งพิงค์ไวท์ไม่ได้เต็มใจ แต่เธอยังเด็กและไม่สามารถปฏิเสธมันได้
"พิงค์อยากได้อิสระ พิงค์อยากออกไปหาประสบการณ์ หาอะไรทำ ไม่ใช่สิ่งที่ป๊ากับอากงวางเอาไว้ให้"
"..."
"พิงค์อยากเรียนในสิ่งที่พิงค์อยาก พิงค์อยากทำในสิ่งที่พิงค์คิด พิงค์อยากมีเพื่อน อยากมีเสียงหัวเราะ พิงค์อยากยิ้มที่ไม่ใช่การฝืนยิ้ม พี่เจสเข้าใจพิงค์ใช่ไหม"ความอัดอั้นภายในใจพังทลายออกมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่รถคันหรูเคลื่อนตัวผ่านประตูเข้ามาในอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่บนพื้นที่หลายสิบไร่ ซึ่งเป็นที่พักอยู่อาศัยของตระกูลใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อยากได้อำนาจเพื่อครอบครองมัน
"ขอให้สิ่งที่พิงค์พูดวันนี้มันปลิวหายไปกับสายลมนะคะ พี่เจส"เจสสิก้าพยักหน้าก่อนจะก้าวขาลงจากรถทันทีเมื่อประตูทางด้านหลังถูกเปิดออก
"ขอต้อนรับกลับบ้านครับคุณหนู"บอดีการ์ดร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อคุณหนูของบ้านก้าวขาเดินลงมาจากรถคันหรู
"ขอบคุณค่ะ"
"เชิญค่ะคุณหนู"ร่างสวยของ'พลอยชมพู'หรือชื่อเล่นของเธอนามว่า พิงค์ไวท์'ก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งด้านในมีแม่บ้านสาวในชุดถูกระเบียบเรียบร้อยคอยยืนต้อนรับเรียงรายเป็นแถวตอนลึกเข้าไปด้านใน
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนูเล็ก"
"ขอบคุณค่ะ"
"คุณหนูของป้า"แม่บ้านในวัยชราเดินออกมาหาคุณหนูของเธอด้วยความดีใจ รอยยิ้มสดใสได้เกิดขึ้นบนใบหน้าของทั้งสอง
"ป้าบัว"
"คุณหนูพิงค์ของป้า"ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ ป้าบัวคือแม่นมที่คอยช่วยเลี้ยงและดูแลเธอมาตั้งแต่มารดาของเธอยังไม่เสียไป พิงค์ไวท์ เรส และแบล็กนับถือเหมือนท่านเป็นมารดาอีกคน
"หนูคิดถึงป้าจังเลยค่ะ"
"ป้าก็คิดถึงคุณหนู คุณหนูสบายดีนะคะ"
"สบายดีค่ะ ป้าเป็นยังไงบ้าง"
"ก็ตามประสาคนแก่นั่นแหละค่ะ คุณหนูหิวหรือยังคะวันนี้ป้าเตรียมอาหารที่คุณหนูชอบไว้เยอะแยะเลย"เด็กสาวมองหญิงวัยชราด้วยความตื้นตันใจ คงจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่เห็นความสำคัญในตัวเธอ
"พิงค์ยังไม่หิวค่ะ แต่อาหารมื้อนี้ที่ป้าจัดมาพิงค์สัญญาว่าจะทานให้หมด ป้าบัวไม่ต้องห่วงนะคะ"เด็กสาวตอบหญิงวัยชราเสียงหวานก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองราวกับว่าต้องการหาใคร
"คุณท่านทุกคนรอคุณหนูอยู่ในห้องรับแขกค่ะ เชิญคุณหนูเข้าไปได้เลยนะคะ"เด็กสาวหันไปมองยังห้องรับแขกที่ว่า น้ำตาก็พานจะไหลออกมา แม้ห้องรับแขกที่ว่ามันจะอยู่ไม่ไกลแต่ทำไมเธอรู้สึกราวกับว่ามันห่างออกไปไกลเสียเหลือเกิน
"คุณหนูคะ"
"ค่ะ พิงค์จะไปเดี๋ยวนี้"
