ตอนที่สี่ น้ำใจงาม2
ตอนที่สี่ น้ำใจงาม
หลังการไต่สวนซึ่งวุ่นวายพอสมควร หลิวไฉ่หงซึ่งอาศัยการถามดักทางกลับไปกลับมา จนสุดท้ายผัวเมียคู่นั้นก็จนมุมยอมสารภาพว่าทุบตีเด็กหญิงอยู่เสมอ
แม้จะยอมรับแต่พวกเขากลับไม่สลดและอ้างว่าการที่พ่อแม่สั่งสอนลูกย่อมไม่ใช่ความผิด
หลิวไฉ่หงซึ่งรับฟังจนหัวร้อนจึงต้องอธิบายเป็นงานเป็นการว่าหากตีเพื่อให้เชื่อฟังเพียงเล็กน้อยย่อมไม่ผิด แต่การทำร้ายจนปางตายเช่นนี้ย่อมเป็นความผิด เพราะหากเด็กหญิงเสียชีวิตพวกเขาย่อมกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนแม้จะเป็นบุตรก็ไม่อาจละเว้น
“แค่ตีสั่งสอนเล็กน้อย ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” บิดาเลี้ยงที่เริ่มหายจากอาการมึนเมายังคงโต้เถียงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“พวกเจ้าทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนบุตรสาวอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่เพียงนี้ยังกล้าเรียกตนเองว่าพ่อแม่อีกหรือ มันน่าลงโทษด้วยการเฆี่ยนเสียให้เข็ดจะได้รับรู้และเผชิญความเจ็บปวดบ้าง ดีหรือไม่”
“ดี ดี ดี” ชาวบ้านที่ได้ข้างได้ทีส่งเสียงสนันสนุน
“พวกเราไม่ได้ผิดข้อหาใด จะมาลงโทษส่งเดชได้อย่างไร”ชายผู้นั้นยังคงมีท่าทางขึงขังไม่ยินยอม
“เจ้าบอกว่าตีสั่งสอนย่อมทำได้ เช่นนั้น นายอำเภอก็เพียงสั่งสอนพวกเจ้าให้ลงมือกับเด็กเบามือลงหน่อย เช่นนี้ก็ควรจะได้มิใช่หรือ
อ้อ...อีกเดี๋ยวท่านหมอจะตรวจร่างกายให้กับบุตรสาวของเจ้า หากพบว่านางบาดเจ็บส่วนใดจนเกินเลย ข้าจะเป็นคนฟ้องร้องพวกเจ้าเอง ข้อหา...ทำร้ายคนจนเกินเหตุ”
โดนข่มขู่ด้วยข้อหาหนักทั้งยังบอกว่าจะลงโทษ สองผัวเมียจึงปิดปากเงียบไม่กล้าโต้เถียงอีกด้วยอีกฝ่ายเป็นถึงบุตรสาวนายอำเภอ
นายอำเภอหลิวแม้จะรู้สึกตำหนิที่บุตรสาวแกว่งเท้าหาเสี้ยนไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่แววตาที่มองนางกลับเปลี่ยนไปเมื่อสุดท้ายแล้วนางเอ่ยขออนุญาตนำตัวเด็กหญิงไปเลี้ยงดูไว้เอง
ด้วยคิดว่าหากปล่อยให้เด็กน้อยกลับไปอยู่กับพวกเขาก็คงไม่พ้นการโดนทุบตี หลิวไฉ่หงจึงใช้เงินแก้ปัญหา
“ในเมื่อพวกเจ้าเพียงอยากได้เงิน เช่นนั้นข้าขอซื้อตัวบุตรสาวคนนี้ ต่อจากนี้พวกเจ้าห้ามยุ่งเกี่ยวกับนางอีกเด็ดขาด นางจะเป็นคนของจวนหลิว เข้าใจหรือไม่”
เรื่องครั้งนี้จึงจบลงด้วยดีและกลายเป็นที่โจษจันถึงความมีน้ำใจงามและความกล้าหาญมีเหตุมีผลของบุตรสาวนายอำเภอหลิว
เมื่อกลับมาถึงจวน เดิมทีหลิวกังย่อมอยากดุว่าบุตรสาวสักเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่านางสามารถโต้แย้งสองผัวเมียคู่นั้นได้อย่างชาญฉลาดทั้งยังมีความรู้แตกฉานไม่อับจนถ้อยคำ
รวมทั้งน้ำใจอันงดงามที่คิดช่วยเหลือเด็กน้อยผู้ถูกกระทำ บิดาจึงรู้สึกเอ็นดูบุตรสาวไม่อาจเอ่ยคำต่อว่าออกมาแม้สักครึ่งคำ
ไม่คิดว่าเมื่อเติบโตขึ้น นางจะเป็นหญิงสาวที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ ฮูหยิน หงเอ๋อร์ของพวกเรารู้ความแล้ว
ผู้เป็นบิดาได้แต่เงยหน้าขึ้นมองฟ้าราวต้องการบอกต่อภรรยาผู้ล่วงลับ
ฝ่ายหลิวไฉ่หงย่อมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคนและได้ใช้ความสอดรู้สอดเห็นให้เป็นประโยชน์
ชิ...ชอบมาหาว่านางเข้าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่ของตนเองหรืออยากรู้เรื่องของคนอื่นเกินควร
หากมิใช่ว่านางช่างสังเกตและจุ้นจ้าน จะสามารถช่วยเด็กหญิงคนนี้ได้หรือ
หลังจากส่งเด็กหญิงซึ่งยังมีท่าทางไม่ไว้ใจผู้ใดแม้แต่หญิงสาวที่ยื่นมือมาช่วยเหลือให้กับพ่อบ้านเพื่อพาตัวไปดูแลตามความเหมาะสมแล้ว
หลิวไฉ่หงจึงเตรียมตัวอาบน้ำชำระล้างคราบเหงื่อไคลที่ผจญมาทั้งวัน
เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ
ชายหน้านิ่งคนที่เข้ามาช่วยจับบิดาเลี้ยงของเด็กหญิงคนนั้นเล่า
เมื่อไปถึงที่ว่าการกลับไม่เห็นเขาแล้ว ทั้งในหมู่ลูกน้องของท่านพ่อก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
เขาเป็นใครกัน?
เมื่อความสงสัยไร้คำตอบ หลิวไฉ่หงซึ่งจำได้เพียงว่าชายคนนั้นมักทำสีหน้านิ่งเฉย มีรูปร่างสูงโปร่ง บ่ากว้าง ดวงตาคม สวมเสื้อผ้าฝ้ายธรรมดาสีเข้มจึงได้แต่ปล่อยผ่านไปก่อน
ไม่กี่วันต่อมา หลิวไฉ่หงซึ่งติดใจการออกเที่ยวเล่นจึงขอบิดาออกมาที่ตลาดอีกครั้งโดยอ้างว่าต้องการผ้าตัดชุดใหม่เพื่อใส่ในงานเทศกาลโคมไฟ
ขณะที่หญิงสาวกำลังเลือกผ้าลวดลายดอกเหมยสีสดใสพลันก็มีเสียงฝีเท้าหนักแน่นพุ่งตรงจากซอยด้านหลัง
หลิวไฉ่หงเหลือบเห็นมือหนึ่งชูมีดขึ้นสูง ปลายคมส่องประกายวับภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังคล้อย
ทุกสิ่งเหมือนหยุดนิ่งชั่วขณะ
