CHAPTER8
หลังจากที่คุยกันเรื่องเปิดร้านขนมหวานวันนั้นธิปติพัศก็จัดการให้ปรียาดาเองทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการไปดูทำเลร้านด้วยตัวเอง ออกแบบร้านในแบบที่เธอชอบ หาช่างมาทำ หาอุปกรณ์ดี ๆ มาเตรียมไว้ให้ เขาเก็บทุกรายละเอียดที่พอจำได้เกี่ยวกับเธอและเร่งทำทุกอย่างให้เสร็จเธอจะได้ไม่ต้องเซ้าซี้อยากมาทำงานกับเขาอีก
คนอย่างปรียาดามาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก งานเอกสารพวกนี้ปวดหัวจะตายชัก
ด้านปรียาดาหลังจากที่ธิปติพัศบอกว่าจะเปิดร้านขนมให้เธอ เธอก็ฝึกทำขนมบวกเครื่องดื่ม เช่น พวกชา กาแฟ อยู่บ้านทุกวัน เหล่าแม่บ้านและลูกน้องของธิปติพัศต่างพากันชอบใจใหญ่ที่มีของอร่อยมาให้ลิ้มรสทุกวัน ขนมของปรียาดาอร่อยมาก ยิ่งเครื่องดื่มยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าได้เปิดร้านขึ้นมาจริง ๆ เธอคงได้ทำมือระวิงเป็นแน่
อย่างเช่นตอนนี้ที่ภายในห้องครัวกำลังวุ่นวายอย่างหนักเนื่องจากวันนี้ปรียาดาทำขนมหลายอย่าง แถมวันนี้ยังมีเมนูใหม่อย่างเค้กชาไทยมาให้เหล่าแม่บ้านและพี่ ๆ เหล่าบอดี้การ์ดของธิปติพัศได้ลองทาน
"หอมมากเลยค่ะคุณปัน" ส้มหวานตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อรอชิมเมนูใหม่ของเจ้านายสาว เธอกลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่าเช่นเดียวกันกับแม่บ้านคนอื่น ๆ
"อดใจรอกันอีกนิดนะคะเดียวก็ได้ชิมกันแล้ว" ปรียาดาฉีกยิ้มกว้างให้กับทุกคน เธอมีความสุขเหลือเกินตั้งแต่ได้ทำในสิ่งที่ชอบและเห็นว่ามีคนรอชิมฝีมือของเธอมากขนาดนี้
ผ่านไปสามสิบนาทีเมนูที่ทุกคนต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอก็เสร็จสมดั่งใจหมาย เค้กชาไทยหลายปอนด์ถูกนำมาวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ปรียาดาระบายยิ้มพึงพอใจในฝีมือของตัวเองก่อนจะบรรจงตัดเค้กแจกจายให้กับทุกคนได้ลองชิมโดยไม่ลืมแบ่งไว้ให้ธิปติพัศเพราะเค้กชาไทยคือสิ่งที่ชายหนุ่มโปรดปราณเป็นที่สุด
"อร่อยไหมคะ" ปรียาดาถามด้วยความตื่นเต้นหน้าตาเธอลุ้นคำตอบของทุกคนมากว่ารสชาติเค้กที่เธอทำหลังจากที่ทุกคนได้ชิมมันเป็นเช่นไร
อร่อยถูกใจไหม ต้องปรับแก้ตรงไหนรึเปล่า
"อร่อยมากเลยค่ะคุณปัน"
"เยี่ยม ๆ " และมันก็เหมือนดั่งทุกวันรสชาติขนมที่ปรียาดาทำอร่อยที่สุด ถูกใจทุกคนมาก ๆ
"เอ๊ะ" ปรียาดาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดในบ้านก่อนที่เธอจะเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงรถของใคร
ปรียาดาไม่รอช้าเธอรีบถอดผ้ากันเปื้อนออกสาวเท้าเดินออกจากห้องครัวตรงมาหาชายหนุ่มโดยไม่ลืมหยิบเค้กที่เตรียมไว้ให้เขาติดมือมาด้วย
เพราะเป็นครั้งแรกที่ธิปติพัศจะได้ลองชิมฝีมือการทำขนมของเธอปรียาดาเลยอดตื่นเต้นไม่ได้
เธอถือเค้กเดินออกจากมาห้องครัวมาเป็นจังหวะเดียวกันที่ธิปติพัศเดินผ่านหน้าเธอไป
"พี่ภีมคะ" ขนาดเธอเรียกชื่อเขาแต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ ปรียาดาเลยยื่นแขนไปคว้ามือของธิปติพัศไว้
ปึก
"อ๊ะ" ปรียาดาสะดุ้งตัวตกใจในจังหวะที่เธอคว้ามือเขาไว้ ธิปติพัศสะบัดออกอย่างแรงทำให้เค้กที่เธอตั้งใจนำมาให้เขาล่วงหล่นไปกับพื้น แต่สิ่งที่ทำให้ปรียาดาตกใจไปกว่านั้นคือเสียงที่ตวาดเธออย่างไม่พอใจ
"อะไรอีกน้องปัน พี่ยิ่งรีบ ๆ อยู่"
ใจปรียาดาตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขอบตาเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
"ปะ ปัน" เธอแทบจะหาเสียงของตัวเองไม่เจอเลยด้วยซ้ำ
"พี่ขอตัวทำงานก่อน" เขาเดินจากไปแล้ว โดยไม่คิดจะหันกลับมาสนใจเธอสักนิด ไม่สนใจเค้กที่เธอตั้งใจทำมันเพื่อให้เขาได้ชิมเลยด้วยซ้ำ
และเป็นอีกครั้งที่ปรียาดารู้สึกแย่
"ฮึก" เธอค่อย ๆ ย่อตัวลงเก็บเศษซากเค้กที่เละเทะ น้ำในตาก็ไหลออกมาไม่หยุด
"คุณปันคะ คุณปันลุกขึ้นมาค่ะเดี๋ยวแยมเก็บเอง" ปรียาดาพยักพเยิดหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหลีกทางให้กับแม่บ้านได้ทำความสะอาดต่อพลันเธอก็เบนสายตามองไปยังทางที่ธิปติพัศเพิ่งเดินไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
"ไม่เป็นไรนะคะคุณปัน" คำปลอบใจของเหล่าแม่บ้านไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาสักนิด
ปรียาดาปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวในสวนหย่อมข้างบ้านพร้อมกับเสื่อหนึ่งผืนที่เธอหยิบติดมือมา ปรียาดาปูเสื่อใต้ร่มไม้ใหญ่ก่อนพาตัวเองไปนั่งลงกอดเข่าร้องไห้
เธอเสียใจ น้อยใจหลากหลายความรู้สึกตีวุ่นกันไปหมด สีหน้ารำคาญที่ธิปติพัศแสดงออกมามันยังติดตาเธออยู่ ทุกการแสดงออกของเขามันบาดลึกลงไปในหัวใจ
หลายเดือนที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ปรียาดารู้สึกเหมือนว่าตัวเธอเป็นคนอื่นไกลสำหรับธิปติพัศอยู่ตลอดเวลา เหมือนเธอไม่เคยอยู่ในสายตา และเหมือนว่าตอนนี้มีแค่เธอที่รักเขาอยู่ฝ่ายเดียว
ยิ่งคิดปรียาดาก็ยิ่งสะอื้นไห้ออกมาไม่หยุด ทุกความรู้สึกเสียใจถาโถมใส่เธอแบบไม่ยั้ง เธอร้องไห้ออกมาแบบเป็นบ้าเป็นหลั่งจนกระทั่งที่สายตาของเธอปะทะเข้ากับปลายรองเท้าเงาวับของใครบางคนที่ค่อย ๆ นั่งยองลงตรงหน้าของเธอ
ธิปติพัศยื่นมือมาเกลี่ยน้ำตาออกจากดวงหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
"แอบมาร้องไห้อยู่ตรงนี้นี่เองพี่ตามหาตั้งนาน"
"........." ปรียาดาไม่ตอบเธอเบนหน้าหนีธิปติพัศไปอีกทางแต่ก็ไม่ได้ปัดป่ายสัมผัสของเขา
"พี่ขอโทษนะครับ" จนเมื่อเขาเอ่ยขอโทษปรียาดาถึงได้ยอมหันกลับมาสบตา
"ทำไมใจร้ายกับปันจังเลยคะ" เธอถามเขาเสียงเศร้าน้ำตาก็ยังคงไหลลงมาไม่จางหาย
"พี่ไม่ได้ตั้งใจ"
"ใจร้ายกันขนาดนี้ ไม่รักกันแล้วใช่ไหม" ทั้งที่คิดว่าตอนนี้มีเพียงตัวเธอเองที่รักเขาฝ่ายเดียว แต่ไม่รู้ทำไมไม่รู้ว่าเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้าถามเขาออกไปแบบนั้น
"รักสิครับ พี่รักปัน" ถ้าหากว่ารักของเขาคือคำลวงมันก็คงเป็นคำลวงที่ช่างวิเศษณ์เพราะมันสามารถหยุดน้ำตาของปรียาดาได้ ดวงตาที่เคยเศร้ากลับมาเป็นประกาย
"จริงเหรอคะ" เอ่ยถามเขาย้ำเพื่อความแน่ใจ
"จริงสิครับ และเมื่อกี้พี่มีงานด่วนเข้ามาจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจปัดเค้กของปัดทิ้ง"
"ไม่เป็นไรค่ะ" เธอตอบออกไปแม้ใจยังรู้สึกแย่เมื่อเขาพูดถึงเรื่องเค้กขึ้นมา
"มันยังมีอยู่อีกไหมครับ พี่อยากลองชิม"
ปรียาดาพยักหน้า
เพราะแน่นอนว่าเธอทำเค้กชาไทยของโปรดไว้ให้เขาเยอะเลย
