CHAPTER9
เป็นอีกครั้งที่ปรียาดากลับมายิ้มได้เพราะธิปติพัศ เธอจับมือเขา ออกแรงดึงให้ธิปติพัศเดินตามเข้ามาในบ้านดันตัวเขาให้นั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหารส่วนตัวเธอก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวและกลับออกมาพร้อมกับเค้กหนึ่งปอนด์ในมือ
ปรียาดาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะวางเค้กลงตรงหน้าธิปติพัศ ธิปติพัศที่ได้เห็นเค้กที่หญิงสาวทำก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า 'หน้าตาไม่เลว'
"ปันทำหมดนี่คนเดียวเหรอ" เอ่ยถามคนตัวเล็กออกไปว่าเค้กที่วางอยู่ตรงหน้าและเค้กที่เธอได้แจกจายให้คนอื่นไปเธอทำมันทั้งหมดคนเดียวรึเปล่า
"ใช่ค่ะ ปันทำคนเดียว ทำคนเดียวทุกวัน มีขนมเยอะมากที่ปันทำแต่น่าเสียดายที่พี่ภีมไม่ได้ชิม" ปรียาดาเอ่ยเสียงเศร้าแต่แค่ครู่เดียวเท่านั้นเธอก็กลับมายิ้มสดใส ตาเธอเป็นประกายทำหน้าลุ้นระทึกอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าธิปติพัศตักเค้กเธอเข้าปากไปแล้ว
"เป็นยังไงบ้างคะ" เธอลุ้นจะแย่ ธิปติพัศไม่ยอมให้คำตอบเธอสักที ยังคงตักเค้กเข้าปากไม่หยุดเช่นเดียวกับสายตาที่มองหน้าเธอไม่ละไปไหน "รสชาติมันเป็นยังไงบ้างคะ" ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรที่ปรียาดาถามย้ำแต่ธิปติพัศก็ยังคงไม่ให้คำตอบเธอสักที "พี่ภีม" จนเมื่อเธอโอดครวญ
"ไม่เลว" เพียงแค่นี้เธอก็เผยรอยยิ้มกว้าง "อร่อยเลยแหละ แบบนี้ลูกค้าเต็มร้านแน่"
"พี่ภีมก็พูดไป"
"รวยแล้วอย่าลืมพี่ก็แล้วกัน" ธิปติพัศเย้าแหย่หญิงสาวอย่างไม่จริงจังมากนัก
"พี่ชื่ออะไรนะคะ ปันจำไม่ได้แล้วอะค่ะ" ปรียาดาเย้าแหย่เขากลับก่อนจะโดนธิปติพัศยื่นมือมาบีบจมูกด้วยความมันเขี้ยว
"เด็กแสบ" ปรียาดาหัวเราะร่วนอย่างถูกใจในคำปรามาสของธิปติพัศ เหมือนเราทั้งสองได้ย้อนกลับไปในวัยเด็กอีกครั้งในเวลาที่พวกเราหยอกเย้ากัน ธิปติพัศมักจะบีบจมูกเธอแบบนี้และบอกว่าเธอคือเด็กแสบ
ธิปติพัศเหมือนกำลังโดนมนต์สะกดเขาจ้องหญิงสาวที่กำลังยิ้ม หัวเราะ อยู่ตรงหน้าไม่ละสายตา ปรียาดาเป็นผู้หญิงที่สวยมากธิปติพัศไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเขาเองก็เคยตกหลุมรักเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับความสวยงามและความสดใสของเธอ
ธิปติพัศไม่อยากให้ความสดใสของปรียาดาหายไปเลย แม้แต่วันที่เธอต้องเจ็บปวดเขาก็อยากให้เธอสดใสอยู่แบบนี้
ปรียาดาเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตาเป็นไหน ๆ
"พี่ภีมคะ" ธิปติพัศหลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงเรียกของปรียาดาดังทบกับโสตประสาท เขาหันมองหน้าเธอ "พี่ภีมเป็นอะไรรึเปล่าคะ ปันเรียกตั้งนานแล้วพี่ภีมไม่ได้ยินหรือไง"
"พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่ขอโทษนะครับ"
"ขอโทษทำไมคะ" ปรียาดาถามอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่ได้โกรธเขาสักหน่อยเธอก็แค่เป็นห่วงที่จู่ ๆ เขาก็นิ่งไปเลยขนาดเธอเรียกเขาตั้งหลายหนเขาก็ยังไม่ได้ยิน
"ช่างมันเถอะครับ" ธิปติพัศบอกปัดไป ก่อนจะคว้าตัวปรียาดาให้นั่งลงตักแกร่งของตัวเอง จับตัวเธอหันหน้าเข้าหาเขา ยกมือเกลี่ยปอยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าเธอเบา ๆ
"คะ" ปรียาดามึนงงในการกระทำของธิปติพัศและยิ่งไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกเขินที่ต้องมานั่งบนตักของเขาในที่โล่งแจ้งแบบนี้
"สัญญากับพี่ได้ไหม"
"สัญญาอะไรคะ" ปรียาดางงหนัก
"อย่าร้องไห้อีก" ธิปติพัศเกลียดน้ำตาของปรียาดาที่สุด เขาไม่อยากเห็นเธอร้องไห้
"ปันร้องเพราะปันเสียใจ"
"ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรอย่าร้องไห้อีก สัญญากับพี่สิ" ไม่ว่าวันข้างหน้าเธอจะเจอกับอะไร เจอเหตุการณ์แสนเจ็บปวดแค่ไหนธิปติพัศกำลังบอกให้เธออย่าร้องไห้ "ปันเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตารู้ไหม"
"........" ปรียาดาไม่ได้ตอบอะไร เธอนิ่งสังเกตุปฏิกิริยาของธิปติพัศเงียบ ๆ เธองงว่าธิปติพัศเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึงได้พูดจาแปลก ๆ กับเธออยู่ร่ำไป
"สัญญากับพี่ได้ไหม"
"ค่ะ" ปรียาดาตอบรับแบบส่ง ๆ ไปเธอไม่ได้สนใจสัญญาบ้าบอของเขาด้วยซ้ำ แต่พอเธอสัญญาธิปติพัศก็ยิ้ม
"คนเก่ง" เขาชมเธอพร้อมกับก้มลงหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
ปรียาดาเก็บความสงสัยในตัวเขาไว้ในใจ ก่อนจะฉีกกว้างให้คนตรงหน้าทำราวกับว่าก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอมีเวลาอยู่กับธิปติพัศไม่นานมากนักเขาก็กลับขึ้นไปทำงาน ธิปติพัศมีงานมากมายให้ต้องรับผิดชอบด้วยความที่เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวและครอบครัวของเขาก็มีธุรกิจเยอะมาก และทุกธุรกิจของครอบครัวธิปติพัศก็ดูแลเองเพียงคนเดียว เขาปกครองคนเป็นหมื่นได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ครอบของธิติพัศกับปรียาดาก็เพิ่งลงทุนธุรกิจใหม่ด้วยกัน ธุรกิจที่จะสร้างกำไรมหาศาลให้แก่เราทั้งสองครอบครัว
โดยที่ปรียาดาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ก็อก ก็อก
ประตูห้องทำงานของธิปติพัศถูกเคาะในเวลาเที่ยงคืน ธิปติพัศผละหน้าออกจากกองเอกสารก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้คนด้านนอกเปิดประตูเข้ามา
แกร่ก
"ปันเอากาแฟมาให้ค่ะ" ธิปติพัศไม่ได้ต่อว่าอะไรเขาพยักพเยิดหน้าให้เธอเข้ามาได้ ปรียาดาเลยเดินถือแก้วกาแฟว่าวางลงให้ธิปติพัศพลางกวาดสายตามองเอกสารบนโต๊ะที่ดูเยอะจนตาลาย "เอกสารเยอะมากเลยค่ะ"
"ไตรมาสสุดท้ายของปีมันก็เยอะแบบนี้แหละ"
"ให้ปันช่วยไหมคะ ปันช่วยได้จริง ๆ นะ" เห็นท่าทางเหนื่อยล้าของสามีเธอจึงอยากช่วยแบ่งเบาภาระของเขาบ้าง
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าปันว่างนวดไหล่ให้พี่หน่อยก็ดี"
"ได้สิคะ" ปรียาดาบรรจงนวดไหล่ให้คนเป็นสามีอย่างขะมักเขม้น อยากจะบอกว่าฝีมือการนวดของปรียาดาไม่ธรรมดาเหมือนกับว่าเธอน่ะเป็นหมอนวดมืออาชีพดี ๆ นี่เอง
"นวดเก่งนะเนี่ย"
"ปันนวดให้คุณย่าบ่อย ๆ น่ะค่ะ"
"ถึงว่า"
"มันโอเคไหมคะ"
"ฝีมือดีเลยแหละ" ระหว่างนวดให้ธิปติพัศ ปรียาดาก็ชวนเขาคุยไปเรื่อยเปื่อย ตามถึงความคืบหน้าร้านกาแฟของเธอบ้าง ถามถึงงานที่ธิปติพัศทำเธอแค่อยากหาเรื่องคุยกับเขา อยากจะแชร์เรื่องราวแต่ละวันให้กันฟัง
ครืดดด
แต่ทว่าบทสนทนาของเขาและเธอก็ต้องจบลงเมื่อจู่ ๆ โทรศัพท์ของธิปติพัศก็แผดเสียงร้องดังขึ้นมา ปรียาดาหันมองตามเสียงของโทรศัพท์เป็นจังหวะเดียวกันที่ธิปติพัศรีบหยิบโทรศัพท์หลบไม่ให้ปรียาดาเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาด้วยความเร็วไว
"พี่ขอตัวคุยโทรศัพท์แป๊บนะครับ" ชายหนุ่มลุกเดินออกไป โดยมีสายตาของปรียาดามองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย
มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในความคิดของเธอ คนที่โทรหาเขาในยามดึกคือใคร
และไม่รู้ว่ามันเป็นความตาไวหรืออย่างไรกันเธอถึงได้มองเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาชัดเจน 'รดา' ปรียาดาต้องรู้ให้ได้ว่าบุคคลนี้คือใครถึงได้กล้าโทรหาสามีคนอื่นดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้
