บทที่3งานแต่งฉุกละหุก
บทที่ 3
-งานแต่งฉุกละหุก-.
หนึ่งเดือนต่อมา....
งานวิวาห์ถูกจัดขึ้นมาแบบรวดเร็ว เร็วจนคนโดนเชิญให้มาร่วมงานยังงง ว่าลูกสาวของแม่ภวิตากับพ่อปรเมศแอบไปมีแฟนตอนไหน วันๆเห็นแต่เรียนกับเรียน ปุบปับอยู่ๆก็ร่อนการ์ดงานแต่งเสียแล้ว บรรดาคุณหญิงคุณนายที่หมายปองอยากได้หนูปายเป็นลูกสะใภ้ต้องกินแห้วกันเป็นแถบๆ อดได้ลูกสะใภ้จากตระกูลผู้ดีเก่า เศรษฐีผู้ร่ำรวยเลยเสียได้
"คุณลุงโอเคมั้ยคะ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย"
ปายเอ่ยถามเจ้าบ่าวที่ยืนข้างๆด้วยความเป็นห่วง เห็นสีหน้าดูอ่อนเพลีย เหงื่อเต็มกรอบหน้าหล่อดูน่าสงสาร
"จะตายเพราะเธอเรียกลุงนี่แหละ"
เขมราชเอ่ยว่าเจ้าสาว พลางยกมือไหว้แขกเหรื่อที่เดินเข้างานไปด้วย ที่เขาสีหน้าไม่ดีก็แค่อดนอนนิดหน่อย ก็เมื่อคืนป๊าของยัยเด็กข้างๆ ชวนดื่มเหล้าสละโสดตั้งแต่หัวค่ำยันตีสาม กว่าจะหนีออกมาได้ โดนบังคับให้ดื่มจนแทบอ้วก
"งั้นให้หนูเรียกอะไรดีคะ คุณปู่มั้ยคะ หรือคุณตาดี"
"เออ เอาเถอะ อยากเรียกอะไรก็เรียกเลย"
เขมราชถึงกับกุมขมับ แต่งงานวันแรกก็โดนเด็กมันกวนตีนใส่ซะแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปไม่โดนถอนหงอกเลยเรอะ!
"แฮะ~ หยอกๆน้า หนูไม่อยากให้อาเขมเครียดนี่"
"ก็ไม่ยอมเรียกพี่อยู่ดีนะ ยัยเด็กนี่"
ร่างสูงหันไปว่าไม่จริงจัง แล้วหันกลับไปยกมือไหว้บรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่อ
"เขมลูก"
"แม่ มาถึงเมื่อไหร่ทำไมไม่บอก ผมจะได้ให้คนไปรับ"
เขมราชโผกอดมารดาบังเกิดเกล้าด้วยความคิดถึง คุณแม่ของเขานั้นย้ายไปอยู่กับสามีคนปัจจุบันที่สวีเดนตั้งแต่ตอนเขาอายุสิบแปด นานทีท่านจะกลับมาไทยสักครั้ง ด้วยร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง เลยไม่อยากเดินทางบ่อย เป็นเขมที่จะหาเวลาไปเยี่ยมท่านที่สวีเดนบ่อยๆมากกว่า
"ไม่เป็นไร แม่เรียกแกร็ปมาก็ได้หรอก ลืมบอก คุณโจมาด้วยไม่ได้นะ แกติดงานน่ะ"
"ไม่เป็นไร ก็มันกระชั้นชิดนี่ ฝากบอกลุงเขาด้วย ว่าเดี๋ยวผมไปเยี่ยมหา"
ลุงโจที่พูดถึงก็คือสามีคนปัจจุบันของแม่ ลุงแกเป็นคนดีและรักแม่ของเขมมากๆ เขาเลยไม่ต้องเป็นห่วงแม่มากมายอะไร
"ลืมแนะนำให้รู้จักเลย นี่ปาย เด็กที่ผมเล่าให้ฟัง"
"สวัสดีค่ะคุณน้า"
ปายรีบยกมือไหว้คุณแม่ด้วยความนอบน้อม
หญิงวัยกลางคนยิ้มรับ รีบโผเข้าไปรับไหว้จากเด็กสาวทันที เธอกอบกุมมือเล็กน่าทะนุถนอมนั่นเอาไว้แล้วแสดงสีหน้ารู้สึกผิด
"หนูปาย แม่ได้ฟังเรื่องจากเขมแล้ว แม่ขอโทษแทนเจ้าลูกนิยสัยแย่คนนี้ด้วยนะจ้ะ"
"คุณแม่อย่าขอโทษหนูเลยค่ะ ถ้าจะหาคนผิดถูก เป็นหนูซะมากกว่า เอ่อ...ที่ขึ้นห้องอาเขมไปแบบนั้น"
ใบหน้าของปายขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เมื่อต้องพูดเรื่องที่ตัวเธอได้ทำลงไปต่อหน้าแม่ของเจ้าบ่าว
"โถๆๆ ยัยหนู ก็หนูเมานี่ หนูไม่ผิดหรอกค่ะ มาให้แม่กอดนะคะ"
"งื้อ คุณแม่ ปายขอโทษจริงๆนะคะที่พรากความโสดของอาเขมไป"
"ฮ่าๆ จ้าๆ น่าเอ็นดูจังเรา"
......
เขมราชมองแม่ตัวเองกับเจ้าสาวกอดกันกลมดิ๊ก ราวกับว่าเป็นแม่ลูกกันแท้ๆ
แต่ขอโทษทีเถอะ! ลูกแท้ๆมันเขาไม่ใช่หรือไง
แล้วทำไมตอนนี้เขาเหมือนหมาหัวเน่าเลยล่ะ!
"เขม พาน้องเข้างานได้แล้วลูก อ้าว พี่วดีหรือเปล่าคะ"
ภวิตาเดินมาตามคู่บ่าวสาวให้เข้าไปในงาน เธอเห็นหญิงที่กำลังยืนกอดกับลูกสาวเธอก็เอ่ยทักขึ้นมา จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นรุ่นพี่เธอหนึ่งปีสมัยที่เรียนโรงเรียนหญิงล้วน
"ต๊าย น้องตาหรือเปล่าคะ"
"ว๊าย น้องตาเองค่ะ ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ก็ว่าคุ้นๆนามสกุลตาเขม ไม่คิดว่าจะเป็นพี่"
"คิดถึงจังเลยค่ะ ไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย"
สองแม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พากันจูงมือเดินเข้างานไปจนลืมคู่บ่าวสาวที่ยืนเคว้ง
"อาเขม หนูกลายเป็นหมาหัวเน่าเร็วมาก"
เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย ตามองตามแม่ตัวเองที่หายเข้าไปในงาน
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ชิน"
มือหนาตบลงที่ลาดไหล่เล็กอย่างให้กำลังใจ เพราะเขาเองก็พึ่งเป็นหมาหัวเน่าเหมือนกัน
เขมราชกุมมือของเจ้าสาวให้เดินเข้างานด้วยกัน
ภายในงานแขกมากันไม่เยอะ เพราะเป็นการจัดงานแต่งที่ฉุกละหุกมาก ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเดือนเดียว คนที่ถุูกเชิญไปจึงจัดตารางงานไม่ทัน ทำให้บางท่านมาไม่ได้
ทันทีที่เข้ามาในงาน ทุกคนต่างจับจ้องมองมาที่คู่บ่าวสาว ต่างก็มีคำถามในใจ ว่าทำไมบ่าวสาวถึงได้มาคบและแต่งงานกันแบบสายฟาแลบแบบนี้ได้
และดูเหมือนพิธีกรจะรู้สึกถึงความอยากรู้ของบรรดาแขกเหรื่อ จึงเอ่ยถามบ่าวสาวออกมาโต้งๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
"สวัสดีครับคุณเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่น่ารัก ผมล่ะอยากรู้จริงๆครับ ว่าทั้งสองไปเจอกันได้ยังไง"
พอพิธีกรพูดจบ แขกทั้งงานต่างเงียบเสียงลงแล้วพากันเงี่ยหูฟังกันอย่างพร้อมใจ
"เดี๋ยวตอบเอง"
เขมราชรีบเบรคยัยเด็กที่เตรียมจะอ้าปากพูด ดูก็รู้ว่าจะตอบไปตามความจริง ขืนตอบไปแบบนั้น มีหวังพวกลุงๆป้าๆเอาเรื่องของปายไปพูดต่อเสียๆหายๆแน่
แบบนั้นมันดีที่ไหนกัน
"ขอบคุณครับที่ถามคำถามนี้ ทุกคนคงจะส่งสัยแย่ ว่าผมกับปายทำไมแต่งงานกันเร็วจัง ทั้งๆที่เราไม่มีสตอรี่ตอนคบกันเลย"
.....
เขมราชกวาดสายตามองคนรอบงาน ทุกคนดูตั้งใจฟังเรื่องของพวกเขายิ่งกว่าเรื่องลูกๆของตัวเองเสียอีก
"เอาจริงๆจะพูดว่าว่าผมอ้างก็ได้ แต่ที่ผมจะพูดต่อไปนี้คือเรื่องจริง"
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองใบหน้างามของเจ้าสาวอย่างลึกซึ้ง
ปายที่ถูกมองมาแบบนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก แก้มของเธอมันขึ้นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตหลบสายตาของคนตัวโตด้วยความรู้สึกประหม่า
ถึงจะรู้ว่าเป็นประโยคโกหก แต่ก็อดใจเต้นไม่ได้อยู่ดี
"ผมเจอปายครั้งแรกก็ตกหลุมรักเลย ผมไม่อยากเสียเธอให้ใคร จึงทำการสู่ขอเธอมาเป็นเจ้าสาวของผมทันที เรื่องก็มีแค่นี้แหละครับ"
"อาเขม เลิกมองกันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้วค่ะ"
ปายป้องปากกระซิบเสียงเบา สายตาที่คุณเจ้าบ่าวมองปาย มันทำเธอตัวเหลวเป็นน้ำไปหมด คนอะไรสายตาร้อนแรงเป็นบ้า!
"มองแบบไหน"
เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างใบหู เขมราชแกล้งผ่อนลมหายใจร้อนรดต้นคอยัยเด็ก ยิ่งเห็นคนตัวเล็กทำท่าขนลุกก็ยิ่งชอบใจที่ได้แกล้ง
"อาเขม!"
"ฮ่ะ ฮ่ะ"
เขมราชหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยงานแต่งครั้งนี้มันก็ไม่ได้แย่เลย เพราะว่าเหมือนเขาจะเจออะไรสนุกๆเข้าแล้วน่ะสิ
งานแต่งถูกดำเนินมาถึงช่วงส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าเรือนหอ ทั้งปรเมศ ภวิตาและวดีต่างมาร่วมอวยพรให้คู่รักป้ายแดง พร้อมใจกันดันตัวทั้งคู่ให้เข้าห้องหอกันด้วยสีหน้ามีความสุขสุดๆ ดูไม่เหมือนพ่อแม่ที่หวงลูกสาวเลยสักนิด
"จะอาบน้ำก่อน หรือจะให้ฉันอาบก่อน"
"อาเขมอาบก่อนเลยค่ะ หนูอาบน้ำนาน ต้องแกะกิ๊บที่ผมด้วย"
พอเข้ามาในห้องหอ ปายก็ลงมือแกะกิ๊บบนหัวตัวเองทันที ไม่รู้ว่ามีกี่ตัว แต่ที่รู้ๆตอนเห็นที่พี่ช่างทำผมเขาเหน็บให้มันเยอะมาก ตอนนี้เธอจึงเจ็บหนังหัวสุดๆ
"ช่วยแกะมั้ย"
เขมราชเห็นปายน้ำตาซึมก็สงสาร เจ้าตัวคงเจ็บหัวมากๆ แต่ก็อดทนจนงานจบ เก่งมากจริงๆ
"ได้มั้ยคะ หนูรบกวนหน่อยค่ะ"
"ทำไมจะไม่ได้ เขยิบมา"
ร่างเล็กเขยิบเข้าหาคนตัวโต เธอสะดุ้งเมื่อถูกมือหนารั้งตัวไปให้เอนหลังพิงอกแกร่ง
"อยู่เฉยๆสิ"
"ค่ะ..."
เขมราชแกะกิ๊บดำออกจากหัวของปายอย่างเบามือที่สุด แกะไปเรื่อยๆจนกระทั่งคลำหาไม่เจอแล้ว
"...."
พอก้มลงไปมองกะจะบอกว่าแกะกิ๊บให้เสร็จหมดแล้ว ก็ต้องเงียบเสียงไม่รบกวนคนหลับ
ปายหลับตาพริ้ม นั่งหลับคาอกเขาไปดื้อๆ เจ้าตัวคงจะเพลีย เลยหลับไปทั้งที่ยังใส่ชุดเจ้าสาวกระโปรงฟูฟ่องแบบนี้
เขมราชอยากให้ปายนอนสบายตัว เขาจึงถอดชุดเจ้าสาวออกให้ คนตัวเล็กไม่ได้โป๊ ปายยังสวมชุดชั้นในกับใส่บราอยู่
พอถอดชุดเจ้าสาวออกเสร็จเรียบร้อย เขมราชก็จัดท่านอนให้ปายได้นอนบนที่นอนดีๆ ดึงผ้ามาคลุมตัวให้
มือหนาลูบหัวคนนอนหลับอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มของยัยเด็กเพลินตา มองนานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ราวกับต้องมนต์สกด
"ขอโทษนะ"
เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยคำขอโทษออกมา แม้คนที่หลับอยู่จะไม่ได้ยิน แต่เขาก็ยังอยากจะขอโทษอยู่ดี
'ถ้าคืนนั้นฉันคุมตัวเองได้ เธอก็ไม่ต้องมาแต่งงานแบบนี้'
