บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ชายนิรนาม

3

ชายนิรนาม

“แก่”

เพื่อนสาวแทบสำลักน้ำลายตัวเอง เทียนตะวันไม่คิดว่าชมัยพรจะตอบแบบกำปั้นทุบดินขนาดนั้น มันออกจะห่างไกลความจริงไปมาก เพราะลุงยักษ์ของเธอตัวจริงไม่แก่เลยสักนิด เพียงแต่เขาไม่ค่อยจะดูแลตัวเองเท่าไหร่ สภาพก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

“แหงล่ะ อายุมากแล้วนี่นา เท่าไหร่นะเทียน” สโรชาถาม

“48 เอง” หลานลุงยักษ์ทำเสียงอ่อย

“ตั้ง 48 ต่างหาก” มาลัยรัตน์บอกพลางถลึงตาใส่เทียนตะวัน เธอคิดว่าพอจะดูออก เทียนตะวันมีใจให้ผู้ปกครองที่ไม่ใช่ญาติแท้ๆ

“...แล้วไงล่ะ ก็เขาเป็นลุงฉันนะ” เทียนตะวันแก้ต่างให้ลุง

“ลุง! แก่กว่าพ่ออี๊ก!!!” มาลัยรัตน์แกล้งตกใจ เทียนตะวันเลยค้อนใส่วงใหญ่ แต่แล้วชมัยพรก็พูดประโยคถัดไปที่ทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างพากันอึ้ง

“สูงสัก 180 กว่าเห็นจะได้ มีหนวดเคราครึ้มเชียว ผิวขาวนะ แต่...ท่าทางจะกร้านแดดล่ะเพราะขาวเข้ม จมูกโด๊งโด่ง ตานี้คมกริ๊บเลย ไม่อ้วนหรอกนะ แต่เป็นคนสูงใหญ่หุ่นฝรั่งน่ะพวกเธอ”

“โอ๊ยยยย พร่ำจบหรือยัง ตกลงแก่หรือไม่แก่ ที่เธอพรรณนามาทั้งหมดนี่นายแบบชัดๆ นะยัยไม” สโรชาทำสะบัดสะบิ้ง หมั่นไส้เพื่อนที่ไม่ยอมพูดให้จบแต่แรกจะได้เห็นภาพชัดๆ ไปเลย

“ใช่ แล้วไอ้ขาวเข้มนี่มันยังไงฮึยัยไม” มาลัยรัตน์สงสัย

“แก่แบบภูมิฐานไง ไม่ได้แก่หง่อม แต่งตัวเหมือนคาวบอยใส่เสื้อยีนกางเกงยีนรองเท้าบูธ”

“ใส่หมวกคาวบอยด้วยหรือเปล่า” มาลัยรัตน์เสียดายที่ไม่ได้เห็นด้วยตา รอฟังชมัยพรเล่าก็ไม่จบเสียที ภาพที่วาดไว้ก็เลยติดๆ ขัดๆ

“เปล่า”

เทียนตะวันเป่าปากหวือ ป่านนี้ลุงยักษ์ของเธอคงจะจามฟุดฟิดไปตลอดทาง

“คือรวมๆ ก็น่ามองไม่เบาอะพวกเธอ เขาดูเด่นมากๆ เลยนะ เด่นกว่าอีกคนมากมายก่ายกอง” พาดพิงไปถึงพี่ทศของเทียนตะวันอีกคนแล้ว

“อ้าว!! มากันกี่คนนี่ แล้วเธอแน่ใจได้ยังไงว่าตาคาวบอยหนวดเฟิ้มจะเป็นผู้ปกครองยัยเทียน ไม่ใช่อีกคนหรือ” สโรชากับมาลัยรัตน์ชักงง

“แน่ใจว่าไม่ผิดตัวแน่ๆ เพราะฉันเห็นยัยเทียนหยอกล้อเขาอยู่ สนิทกันขนาดดึงแว่นกันแดดออกจากหน้าอีกฝ่ายได้นี่ไม่ใช่คนอื่นชัวร์”

“หืมม์! ขนาดนั้นเลยเหรอ”

เมื่อเห็นเพื่อนๆ ต่างพากันฉงน เทียนตะวันก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเสียงระรัว

“มันไม่แปลก!” พอรู้ว่าสุ้มเสียงผิดปกติก็พยายามปรับน้ำเสียงให้คงที่ “ใครๆ ก็ทำแบบนี้กับผู้ปกครอง มันแปลกตรงไหนไม่ทราบ”

และเพราะการรีบร้อนปฏิเสธจนผิดสังเกต เพื่อนๆ จึงหันมาจ้องหน้าเธอเป็นตาเดียว มาลัยรัตน์อมยิ้มจนแก้มกระตุก สโรชาและชมัยพรขมวดคิ้วสงสัย

“ยังไม่มีใครว่าอะไรเลยนะเทียน”

เทียนตะวันอึ้ง รีบกลบเกลื่อนความผิดปกติที่เผลอแสดงออกไปด้วยการเดินเข้าห้องน้ำ

“เทียนเป็นอะไร ใครพอจะรู้บ้าง” สโรชาหันไปมองมาลัยรัตน์ เพราะแอบเห็นเพื่อนอมยิ้มจนริมฝีปากจับจีบ มาลัยรัตน์อาจจะรู้อะไรที่เพื่อนๆ ยังไม่รู้

“มะละกอ เธอรู้อะไรรีบบอกเลย ไม่งั้นคืนนี้ไม่ต้องนอนมันล่ะ”

ฝ่ายชมัยพรครุ่นคิดถึงภาพที่เห็น เธอเองก็สังเกตเหมือนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับหลานมันสนิทกันเกินไปหรือเปล่า อายุห่างกันตั้งมากน่าจะเป็นช่องว่างระหว่างวัยที่กว้างตามอายุสิ นี่อะไร เทียนตะวันกล้าทำแบบนั้นโดยที่อีกฝ่ายก็ดูจะชอบใจ

“ฉันไม่รู้” มาลัยรัตน์ปฏิเสธไปก่อน

“ไม่รู้ได้ไง ฉันแน่ใจว่าต้องมีอะไรที่พวกเราไม่รู้ แต่เธอรู้” สโรชาคาดคั้น

“ฉันแค่สงสัย แต่ยังไม่รู้ความจริงเป็นยังไง”

“บอกมาเลยนะมะละกอ ถ้าเธอคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน”

ชมัยพรและสโรชาตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบจากมาลัยรัตน์ อีกฝ่ายยังสองจิตสองใจจะบอกเพื่อนอย่างไร ในเมื่อเธอก็ยังไม่แน่ใจเต็มร้อย

“เทียนกับคุณลุงต้องมีซัมติ้งรองกันใช่ไหม” ชมัยพรทนไม่ไหวพูดออกไป พลางลอบมองประตูห้องน้ำไปด้วย

“เฮ้ย! ไม่ถึงขั้นนั้น” มาลัยรัตน์กลัวเทียนตะวันเสียหาย

“ฉันหมายถึง...สองคนนั้นใจตรงกัน ใช่มั้ยมะละกอ”

พอได้ยินชมัยพรพูดต่อ มาลัยรัตน์ก็ถอนใจโล่งอก เรื่องนี้เธอแน่ใจว่าเทียนตะวันกับลุงยักษ์ไม่เลยเถิดถึงขั้นนั้นแน่ๆ

“ยัยเทียนน่ะใช่ แต่คุณลุงฉันไม่รู้”

“เพียะ!” สโรชาปรบมือเสียงดัง “ฉันว่าแล้วเชียว เห็นยัยเทียนขาดหมีไม่ได้เลย แถมเวลากอดหมีก็ยังหน้าชื่นตาบานทุกครั้ง”

“แต่พวกเธออย่าบอกเทียนนะ เทียนยังไม่สารภาพกับฉันเลย บางทีมันอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ ถ้าขืนพูดดังไปประเดี๋ยวเพื่อนเราจะเสียหาย”

สโรชาและชมัยพรพยักหน้าเห็นด้วย เป็นโชคดีของเทียนตะวันที่มีเพื่อนดีๆ ไว้ใจได้ เรื่องลับๆ ของเธอจึงถูกเก็บเป็นความลับตามต้องการ ยกเว้น...เรื่องกล่องของขวัญจากชายนิรนาม

“นี่ๆ เมื่อวานตอนเย็น ฉันเห็นนายยอดเอาของขวัญไปให้ยัยเทียนด้วยนะ”

บทสนทนานั้นเป็นดังบ่วงเชือกที่เกี่ยวหูสโรชาและชมัยพรให้กางผึ่ง รูมเมทต่างก็อยากรู้จะแย่ ใครกันที่มอบของขวัญวันเกิดให้เทียนตะวัน น่าเสียดายที่ต้องมาได้ยินเอากับหู แทนที่จะเห็นด้วยตาตัวเอง ทว่าสองสาวก็เงี่ยหูฟังจนกระดิก

“จริงดิ ยอดชอบเทียนเหรอ”

“น่าจะนะ ไม่งั้นจะแอบเอาของขวัญไปให้กันตอนเลิกเรียนเหรอ”

“นั่นสิ ตอนเรียนก็ไม่เห็นยอดถือกล่องของขวัญ สงสัยจะเอาแอบไว้กลัวคนอื่นรู้ล่ะมั้ง”

“อืมม์ คงเป็นอย่างนั้นแหละ ฉันว่าสองคนนี่ก็เหมาะสมกันดีนะ เทียนก็สวย นิสัยก็ดี ยอดก็หล่อ เรียนก็เก่ง แต่ยอดมีสาวๆ ชอบเยอะ”

“ก็ถ้ายอดชอบเทียนจริงๆ คนอื่นๆ ไม่ใช่ปัญหา จริงมั้ย”

ชมัยพรจูงมือสโรชาเดินไปทางอื่น เพื่อแอบกระซิบกระซาบเรื่องนพดลกับเทียนตะวัน

“ถ้ายอดชอบเทียนจริงๆ จะเป็นไงวะโร”

“ก็รักสามเส้าน่ะสิมัย เธอว่าระหว่างคนที่ยัยเทียนผูกพันมานานกับเพื่อนชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ใครจะชนะ”

“แต่ยอดเขาหล่อนะ เรียนเก่ง นิสัยก็ดี”

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอมัย ลุงของเทียนดูดีมากแค่ไหน”

“เรื่องแบบนี้มันเปลี่ยนกันได้ อายุเท่ากันกับอายุห่างกันมาก ช่องว่างย่อมแตกต่าง”

“งั้นเรารอดูกันต่อไป ว่าแต่เธอจะเชียร์ใคร ฉันเชียร์ลุงยักษ์”

“อ้าว!!!” สโรชาหน้าเหวอ “ฉันก็นึกว่าเธอจะเชียร์ยอดซะอีก”

“เชื่อเถอะว่างานนี้ลุงยักษ์มาวิน” ชมัยพรเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองและภาพที่เห็น แม้ว่าอยากจะเชียร์นพดลไม่น้อย แต่ถ้าเป็นเธอก็คงชอบผู้ใหญ่กว่า เขาพร้อมจะปกป้องและทำเพื่อเธอ ไม่เหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ยังไม่พร้อมจะดูแลใครจริงๆ จังๆ

และเธอก็รู้ว่า...

มาลัยรัตน์แอบมองนพดลด้วยสายตาแปลกๆ มานานแล้ว

“อ้าว...ยอด!! มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”

มาลัยรัตน์เห็นนพดลยืนอยู่ตรงร้านอาหารหน้าหอพักหญิง ท่าทางคล้ายจะรอใครบางคนทำให้เธอทักทายเสียงใส

“เอ่อ...มะละกอไปไหนมาเหรอ”

“ยัยนิดชวนไปซื้อของที่ตลาดมาน่ะ” พร้อมกับชูถุงกระดาษให้ดู

“แล้วได้อะไรมาล่ะ” นพดลถามต่อ

“ของใช้ผู้หญิงน่ะ ยอดล่ะ มายืนทำอะไรตรงนี้ หรือว่า...กำลังรอใครเอ่ย”

นพดลอมยิ้มเหลือบตามองไปในหอพักหญิง สายตาของเขาไม่ได้กวาดหาใครบางคน แต่มาลัยรัตน์เชื่อว่านพดลคงไม่ได้มายืนเฉยๆ ตรงนี้แน่

“เปล่าหรอก พอดีเรามากินข้าวที่ร้านนี้น่ะ ได้ยินว่าร้านนี้ทำอร่อยมาก กลับบ้านไปจะได้ไม่ต้องทำอะไรกินเองไง แบบมันไม่อร่อยเอาเสียเลย ฮ่าๆ” นพดลแก้ตัวไม่ยอมบอกความจริง ที่จริงแล้วเขามายืนรอเทียนตะวันต่างหาก เรียนห้องเดียวกันแต่แทบจะไม่ได้คุยกันเลยก็มี เขาอายเพื่อนๆ และกลัวความรู้สึกของตนจะทำให้เทียนตะวันห่างออกไป

ทว่าความรู้สึกอ่อนหวานที่เกิดกับเทียนตะวันมันลึกซึ้งเกินกว่าจะตัดใจ กลัวจะเสียเพื่อนแต่ทำใจยอมรับไม่ได้ ผู้หญิงอย่างเทียนตะวันน่าจะมีคนรู้ใจอยู่แล้ว นพดลคิดอย่างนั้น ผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงอย่างเธอ น่ารัก น่าทะนุถนอม สดใส อยู่ด้วยไม่เครียด เขาเองก็อยากเปิดเผยความรู้สึกของตนออกไป

แต่...

“เทียน!” มาลัยรัตน์ตะโกนเรียกเพื่อนที่กำลังเดินยกโทรศัพท์มือถือแนบหูมาแต่ไกล

เทียนตะวันกำลังคุยโทรศัพท์กับคนสำคัญ พอได้ยินเพื่อนเรียกก็โบกมือตอบรับ เธอส่งผ่านมือนั้นมาถึงนพดลอีกด้วย

“แค่นี้ก่อนนะคะลุงยักษ์”

ชื่อของคนปลายสายทำให้มาลัยรัตน์สะดุดใจ ก่อนเหลือบตามองนพดลที่ยังยิ้มบางๆ ให้เทียนตะวัน

“เทียนขอคุยธุระกับเพื่อนก่อนนะคะ”

ไม่รู้ปลายสายตอบว่าอะไร สีหน้าของเทียนตะวันจึงเต็มไปด้วยคำขอโทษขอโพยเพื่อนๆ

“งั้นลุงรอเทียนก่อนได้มั้ยคะ”

มาลัยรัตน์เงี่ยหูฟัง ส่วนนพดลนั้นยังคงไม่รู้เรื่อง

“โอเคค่ะ รอแป๊บนะคะ”

เทียนตะวันลดมือถือลงยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อน

“มายืนทำอะไรกันตรงนี้จ๊ะ เอ...หรือแอบมานัดเดทกันเอ่ย”

มาลัยรัตน์รีบส่ายหน้า

“จะบ้าเหรอ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกย่ะ เผอิญฉันเจอยอดมายืนอึนๆ เหมือนรอใครไม่รู้อยู่ตรงนี้ก็เลยทักทายกันน่ะ”

“อ้าว! ยอดรอใครเหรอ”

“เอ่อ...ยอดมาซื้อข้าวน่ะ”

“แล้วได้ข้าวไปกินหรือยัง ร้านนั้นไงที่เทียนบอกอร่อย” เทียนตะวันชี้ไปร้านที่นพดลเพิ่งพูดถึงกับมาลัยรัตน์

“ได้แล้วจ้ะ เทียนล่ะไปไหนมา ยอดนึกว่าเทียนขึ้นตึกไปแล้วซะอีก”

“อ๋อ...เทียนลงมาโทรศัพท์หาลุงจ้ะ”

“คุยกับลุงทำไมต้องไปคุยกันไกลๆ ด้วยล่ะเทียน คุยในห้องไม่ได้เหรอ” มาลัยรัตน์กระเซ้า เทียนตะวันแก้มแดงขึ้นนิดๆ

“ในห้องคุยไม่ค่อยสะดวก จะอ้อนลุงสักหน่อย ต้องอ้อนแบบเงียบๆ ไม่งั้นอด” เทียนตะวันตอบส่งเดช ความจริงเธอโทร.หาผู้ปกครองเพราะอยากคุยด้วย ไม่ได้กะจะอ้อนเอาอะไรเพราะลุงยักษ์ของเธอพร้อมประเคนให้เต็มที่ แค่เธอมีผลการเรียนที่ดี ไม่ทิ้งการเรียน และคว้าเกียรตินิยมไปให้เขาเชยชมจนได้

“ลุง...” นพดลไม่รู้จักลุงของเทียนตะวัน น่าแปลกที่เขากลับไม่เคยรู้เรื่องนี้ทั้งที่ก็ตามติดชีวิตเธอมาตลอด

“ผู้ปกครองของเทียนไงยอด” มาลัยรัตน์บอกเพื่อนชาย

“อ๋อ...ยอดไม่รู้ว่าผู้ปกครองเทียนคือคุณลุง นึกว่าเป็นคุณพ่อคุณแม่”

‘บอกมันว่าฉันไม่ใช่พ่อแม่เธอ แล้วก็เลิกคุยกับเพื่อนได้แล้ว ถ้าโทร.หาฉันเธอก็ต้องคุยกับฉันสิเทียนตะวัน’

เสียงห้าวๆ ห้วนๆ เล็ดลอดออกมาจากลำโพงมือถือ เทียนตะวันยกขึ้นมาแนบหู

“ลุงว่าอะไรนะคะ”

‘ฉันบอกให้เธอเลือกเอาสักทาง จะคุยกับเพื่อนหรือจะพูดกับฉัน ถ้าโทร.หาฉันแล้วยังแรดไปคุยกับเพื่อน ทีหลังก็ไม่ต้องโทร.มา’

“ลุงอะ ปากเสีย” เธอว่าให้ ใบหน้างามงอง้ำ

‘ถ้าไม่พูด ฉันจะวาง’ ปลายสายยังคงหัวเสีย

“ค่ะ” เทียนตะวันตอบรับนั้นหมายความว่ากำลังจะบอกลาเพื่อน แต่ปลายสายตีความไปว่าให้เขาวางสาย เธอได้ยินเสียงสัญญาณขาดหายจึงถอนหายใจ

“เป็นไรหรือเปล่าเทียน” นภดลเห็นสีหน้าเทียนตะวันก็เป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ก็แค่ตาลุงขี้งอนเท่านั้น เทียนขอไปโทรศัพท์หาลุงก่อนนะจ๊ะ ไม่อยากให้เขางอนนานๆ”

“จ้ะ ตามสบายเลยจ้ะเทียน ยอดก็จะไปแล้วเหมือนกัน” นพดลเลยต้องบอกลา ทั้งที่อยากอยู่ใกล้เทียนตะวันนานๆ แต่ดูเหมือนเวลานี้เทียนตะวันจะให้ความสำคัญกับคุณลุงของเธอมากกว่าใคร

มาลัยรัตน์มองเพื่อนที่แยกกันเดินห่างไปคนละฝั่ง เธอสงสารนพดล ด้วยรู้ว่าหัวใจของเทียนตะวันถูกจองไว้เต็มพื้นที่เสียแล้วแต่ก็ช่วยอะไรเพื่อนชายไม่ได้ เรื่องของหัวใจบังคับกันไม่ได้จริงๆ แม้แต่อายุก็เป็นแค่ตัวเลข

ฝ่ายเทียนตะวันแยกตัวออกมาแล้วโทร.หาจักรพรรดิ ครั้งแรกเขาไม่รับสายเธอ หญิงสาวไม่ยอมแพ้โทร.ซ้ำเป็นครั้งที่สอง สาม และสี่ กระทั่งอีกฝ่ายคงทนไม่ไหวต้องรับสายของเธอ

“มีธุระอะไรกับฉันอีกไม่ทราบ”

“ลุงยักษ์ขา พูดดีๆ กับเทียนสักครั้งจะตายไหมคะ”

“ไม่ แต่ฉันไม่อยากพูด เธอจะทำไม”

“ถ้าเทียนไม่โทร.หา ลุงยักษ์ก็ไม่คิดจะโทร.หาเทียนเลย” เธอตัดพ้อ เพราะหากจะมีสายเข้าก็คงเป็นสายจากทศพล ไม่ใช่เสียงจักรพรรดิ แม้ว่าทศพลจะบอกได้รับคำสั่งให้โทร.หา เธอก็ยังไม่ยินดีเท่าได้ยินเสียงคุณลุงผู้เป็นที่รักเองกับหู

“แล้วทำไมฉันต้องโทร. ฉันส่งเธอไปเรียน ไม่ใช่ให้ไปนั่งเหม่อคิดถึงกัน เธอบอกจะเอาเกียรตินิยมมาให้ ฉันก็หวังว่าจะทำได้อย่างที่พูดแล้วกัน”

“แต่เสียงลุงคือกำลังใจของเทียน ถ้าไม่ได้ยินเสียงลุง เทียนก็จะ...”

“จะให้ไปหาเลยไหมล่ะ เจอหน้ากันเลยเธอจะได้มีกำลังใจเรียนหนังสือ” อีกฝ่ายประชด

“มาสิคะ เทียนก็อยากเห็นหน้าลุงจะแย่” บอกไปแล้วก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางมาแน่ๆ เพราะนี่ก็เย็นแล้วอีกเดี๋ยวก็มืด ขับรถไกลๆ ตอนมืดๆ จักรพรรดิไม่ทำแน่นอน หรืออีกทีเธอก็ไม่มีค่าขนาดที่เขาต้องทำแบบนั้น

“หึ ฝันไปเถอะ กลับขึ้นห้องซะเทียนตะวัน อย่าทำตัวเหลวไหล อย่าทำให้ฉันผิดหวัง”

นั่นไง เขาไม่ทำตามคำขอของเธอแน่นอน

“ลุงยักษ์ใจร้าย เทียนอยากเกลียด!” แล้วเธอก็เป็นฝ่ายวางสายไปเสียเองด้วยอารมณ์น้อยอกน้อยใจสุดขีด

เธอรู้...ความรักที่เขามอบให้ คือความรักในแบบผู้ปกครอง ไม่ใช่ความรักอย่างที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้ แต่เทียนตะวันก็ร่ำร้องอยากได้ความรักแบบนั้นจากคนไร้หัวใจเช่นเขา

เจ็บใจไหมล่ะ

คาดหวังอะไรไม่ทราบยัยเทียน ได้แค่นี้ก็น่าจะบุญหัวเธอพอแล้วสิ!!

“ใครวะ?”

เสียงห้าวของนายจ้างเรียกให้ปลายเท้าของทศพลต้องชะงักกึกวางจอบที่กำลังฟันดินลงแล้วหันไปมองเจ้าของเสียง พอเห็นหน้าตาอันหงุดหงิดงุ่นง่านก็เลือกที่จะเงียบไม่เอาตัวเองไปเสี่ยง

ทว่า...

“บ้าเอ๊ย! อย่าให้เห็นหน้าเชียวจะซัดให้หน้าแหก”

คนได้ยินต้องทิ้งจอบลงอีกครั้งหลังจากเพิ่งจะจับมันขึ้นมาใหม่ไม่กี่อึดใจ คราวนี้ทศพลถึงกับต้องถอดถุงมือแล้วมองหน้าเหี้ยมๆ ของนายจ้างอย่างตั้งใจ

“มองหาพระแสงอะไร ทำงานไปสิ!!” นายจ้างยิ่งกว่าหงุดหงิด ทศพลรู้โดยสัญชาตญาณและไม่คิดหลบหลีก

“ใครทำอะไรพ่อเลี้ยงอีกล่ะครับ”

“เด็กที่ไหนไม่รู้ กูไม่รู้จัก”

“อ้าว! งั้นเล่นมันเลยมั้ยครับ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้าทำให้พ่อเลี้ยงใหญ่หงุดหงิดแบบนี้น่าจะตะบันหน้าให้แหกหมอไม่รับเย็บ ไปครับ เดี๋ยวผมช่วย”

“ไอ้ทศ! ถ้ามึงจะกวนตีนกูแบบนี้ กูไปก็ได้” ว่าแล้วเจ้าของไร่ภูจักรพรรดิก็กลับหลังหัน

“ไปไหนครับ”

“กูจะไปกระทืบไอ้เด็กเมื่อวานซืน เอาให้หายแค้น”

ทศพลแกล้งเดินตามหากแต่ยังต้องสาวเท้าเร็วรี่เพื่อให้ทันท่วงที จักรพรรดิเดินเร็ว ไม่ได้วิ่ง แต่ก้าวยาวและก้าวเร็ว ถ้าทศพลตัวเล็กก็คงต้องวิ่งตามถึงจะทัน

“ที่ไหนครับพ่อเลี้ยง”

“มหา’ลัย”

“มหา’ลัย? ที่คุณหนูเรียนน่ะเหรอครับ”

“ถ้าไม่ใช่ที่นั่นแล้วกูจะไปที่ไหนวะ มึงนี่ถามแปลกนะไอ้ทศ”

“ผมถามไม่แปลกหรอกครับ พ่อเลี้ยงต่างหากที่แปลก”

จักรพรรดิหยุดกึก หันมาขมวดคิ้วใส่ทศพลมุ่น ใบหน้าใต้เงาของปีกหมวกนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจ อารมณ์โมโห อารมณ์โกรธ และอารมณ์รัก

“กูแปลกตรงไหน หรือมึงเห็นกูมีสี่มือสี่ตีน”

“แค่หนวดเคราเฟิ้มยังไม่มากพออีกหรือครับ”

“มึงยุ่งอะไรกับหนวดเครากูด้วยวะไอ้ทศ นี่มึงจะกวนตีนกูไปอีกนานแค่ไหน”

“ผมไม่อยากยุ่งกับหนวดเคราของพ่อเลี้ยงหรอกครับ”

“เอ๊ะไอ้นี่!” พอร่างสูงตระหง่านขยับเข้าหา ทศพลผู้เพรียวบางกว่าก็ถอยห่าง

“พ่อเลี้ยงจะไปเอาเรื่องเพื่อนคุณหนูหรือครับ เพื่อนคุณหนูไปทำอะไรให้พ่อเลี้ยงโกรธล่ะครับ”

“กูไม่ชอบ”

“ไม่ชอบ? ไปเจอเขากวนประสาทเมื่อไหร่ครับ พ่อเลี้ยงก็ไม่ค่อยได้ไปมหา’ลัย แล้วไปแอบมีเรื่องกับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตอนไหนครับ”

“กูไม่ชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ มึงเข้าใจมั้ยวะ”

ทศพลยิ้มแฉ่ง

“เข้าใจสิครับ ผมเข้าใจพ่อเลี้ยงดีกว่าใคร แล้วนี่จะไปยังไงครับ ให้ผมขับรถให้เอามั้ย” ถ้าเจ้านายจะหาเรื่องไปหาสาวน้อยน่ารักก็แค่บอกตรงๆ ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม แต่ต่อให้อ้อมภูเขาสักร้อยลูก ทศพลก็รู้ทัน

“ไม่ต้อง”

“แต่ปกติพ่อเลี้ยงไม่ชอบขับรถช่วงโพล้เพล้นี่ครับ นี่ก็กว่าจะไปถึงคงดึกดื่น”

“ว่าจะแวะไปหานีน่าก่อน”

“อ้าว!!!”

จักรพรรดิไม่เปิดโอกาสให้ทศพลถามต่อเดินหนีห่างไปอย่างรวดเร็ว ทศพลได้แต่ยืนงงเจ้านายจะไปหาคุณหนูแต่ทำไมต้องแวะไปหานิลนีก่อน ทว่าเขายังมีงานที่ต้องจัดการต่อจึงตัดใจจากเรื่องของเจ้านายแล้วจับจอบฟันดินช่วยคนงานต่อ

เวลาสองทุ่มเศษ เทียนตะวันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างตัดใจ ตัดความคิดถึงที่มีต่อผู้ปกครองแล้วหลับตาลงไม่สนใจเสียงเพื่อนๆ ที่คอยแต่จะตั้งคำถามมากมายให้เธอตอบ และเมื่อเธอทำท่าไม่อยากเสวนากับใคร เพื่อนๆ ก็เกรงจะทำให้เธอหงุดหงิดเพิ่ม จึงแยกย้ายกันขึ้นเตียง

คืนนี้ทุกคนหลับเร็วกว่าปกติ ยกเว้นเทียนตะวันที่ยังคงข่มตาไม่หลับ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความมืดมิดทำให้เปลือกตาบางๆ หรี่ปรือในที่สุด แต่แล้วโทรศัพท์มือถือที่ซุกไว้ใต้หมอนก็สั่นรัวสว่างวาบ เทียนตะวันรีบกดดูข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์

"ลงมาหาฉันสิ ฉันมาหาเธอแล้วนี่ไงยัยเด็กบ้า” ข้อความนั้นเหมือนไม้จิ้มฟันถ่างเปลือกตาเธอให้กว้างขึ้น

"ตีหนึ่ง!! ลุงยักษ์มาหาเทียนตอนตีหนึ่ง ฝันไปแน่ๆ" เธอพิมพ์ตอบกลับไป คิดว่าเขาคงเมาหัวราน้ำที่ไหนสักแห่งแล้วนึกครึ้มส่งไลน์มาก่อกวน

"ฝันกะผีอะไร นี่ฉันมายืนตากยุงครึ่งค่อนชั่วโมงแล้วนะ ถ้าลีลานักฉันจะกลับล่ะ” แต่ดูเหมือนคุณลุงของเธอคงไม่ใช่แค่เล่นๆ

"เดี๋ยวค่ะ ..เทียนจะลงไปหาลุงเดี๋ยวนี้ รอแป๊บนะคะ"

เมื่ออยากรู้ว่านี่เรื่องจริงหรือแค่ความฝัน เทียนตะวันจึงรีบรุดวิ่งลงจากชั้น 6 ถึงชั้นแรก หลายครั้งที่เธอเกือบตกบันไดคอหักตาย แต่เทียนตะวันจะไม่ยอมตายตอนนี้โดยเด็ดขาด ถ้าเขามาจริงๆ แล้วเธอตาย ก็ไม่ได้เห็นความงี่เง่าของเขาอีกน่ะสิ

เทียนตะวันลงมาถึงชั้นล่างโดยสวัสดิภาพ ก็เห็นจักรพรรดินั่งยองๆ ปากคีบบุหรี่ข้างๆ รถ

"ลุงยักษ์!" ด้วยความคิดถึง เธอจึงพุ่งตัวเข้าไปหา”

"อย่าวิ่ง!!!" จักรพรรดิโยนบุหรี่ลุกขึ้นอ้าแขนรับร่างนุ่มที่โถมเข้าใส่

"คิดถึงฉันขนาดนี้เชียวเหรอ"

"เทียนไม่เคยคิดถึงใครนอกจากลุง แล้วลุงล่ะคะ คิดถึงเทียนบ้างไหม"

...คิดถึงสิ คิดถึงจนแทบบ้า...

เมื่อกอดเขาจนพอใจ เทียนตะวันก็ขืนตัวออกห่างแล้วมองหาทศพลเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“มองหาใครอีก หรือเธอนัดหนุ่มคนไหนเอาไว้”

หญิงสาวถอนใจ

“ถ้าเทียนนัดหนุ่มๆ เอาไว้ เทียนคงไม่ลงมายืนกอดลุงอยู่แบบนี้หรอกค่ะ”

“จะว่าได้เหรอ เด็กๆ อย่างเธอใจเร็วด่วนง่ายจะตายไป”

“ลุงยักษ์พูดแบบนี้ รู้หรือคะใจเทียนเป็นยังไง ลุงยักษ์รู้ใช่มั้ยคะว่าเทียนระ...”

“ใจเธอก็อยู่ในอกข้างซ้าย แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ที่เรียกฉันมากลางดึกแบบนี้มีเรื่องอะไร”

“ก็คิดถึงไงล่ะคะ”

เทียนตะวันรู้สึกขัดใจที่จักรพรรดิทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เธอแน่ใจผู้ชายวัยเท่านี้จะดูผู้หญิงอย่างเธอไม่ออกเชียวหรือ เพียงแต่จักรพรรดิไม่สนใจจะรับรู้มากกว่า คิดแล้วเทียนตะวันก็อดเศร้าใจมิได้

จักรพรรดิดันร่างนุ่มออกจนสุดช่วงแขน หลุบตามองดวงหน้าหวานงดงามและหยุดลงที่ริมฝีปากอิ่มซึ่งกำลังเม้มแน่นอย่างครุ่นคิด

“มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะ ถ้าใครมาเห็น คนที่เสียหายคือเธอ”

“ลุงยักษ์เป็นห่วงเทียน?” ใจเธอชื้นขึ้นมาหน่อย

“แหงล่ะ เธอเป็นหลานฉันนี่นาเทียนตะวัน ถ้าไม่ห่วงหลานแล้วจะห่วงใคร ลูกก็ไม่มีให้ห่วง”

“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจของเธอทำมุมปากจักรพรรดิกระตุกวูบ

“ลุงมาคนเดียวหรือคะ แล้วทำไมเพิ่งมาถึงล่ะ ไร่ของเราห่างจากที่นี่ขับรถไม่เกิน 4 ชั่วโมง ถ้าเหยียบหน่อยก็แค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น”

“ฉันไปหาคุณนีน่ามา”

“คุณนีน่า! อ้อ...ที่แท้ก็แวะไปหาแฟนก่อนนี่เอง ถึงว่ามาซะดึก ถ้าลุงกำลังยุ่งทีหลังไม่ต้องมานะคะ”

จักรพรรดิขมวดคิ้วมองคนแสนงอนอย่างขำๆ แล้วกระโดดขึ้นรถ เทียนตะวันอ้าปากหวอ นี่เธอแค่งอนไม่ได้โกรธขนาดไล่กลับ งอนน่ะ เข้าใจมั้ย!

“ลุงจะกลับแล้วเหรอคะ” ถามเขาเสียงหลง

จักรพรรดิไม่ตอบทำอะไรกุกๆ กักๆ อยู่ในรถ เทียนตะวันเด็กขี้สงสัยก็เปิดประตูรถกว้างจนสุด แล้วเธอก็เห็นถุงกระดาษมากมายอยู่ในนั้น

“ถือไว้” เขาส่งมาให้เธอถือหลายใบ ซึ่งแต่ละใบนั้นไม่หนักเลยสักนิด

“นี่มัน...อะไรกันคะ”

“ของฝากไง” คุณลุงผู้หล่อเหลาลงมาพร้อมถุงพะรุงพะรังในมือ “ฉันซื้อมาให้เธอเอาไปแบ่งเพื่อนๆ”

“แบ่งเพื่อน!”

“ทำไมต้องตกใจ มันแปลกตรงไหนไม่ทราบ”

“ลุงยักษ์ว่างมากหรือไงคะถึงทำแบบนี้”

“ฉันไปหาคุณนีน่าเพราะเธอเปิดร้านเบเกอรี่ คิดว่าสาวๆ คงชอบเพิ่มคลอเลสเตอรอลก็เลยเหมามาฝาก ส่วนถุงนี้...” จักรพรรดิส่งถุงกระดาษอีกใบที่แยกไว้ต่างหากให้เธอ

เมื่อเขาชะงักคำพูด เธอจึงถือวิสาสะเปิดถุงกระดาษใบนั้น แล้วพบว่ามันมีขนมเค้กช็อคโกแลตแพคไว้อย่างดี มันก็ไม่น่าจะต่างจากถุงอื่น แต่สีหน้าและแววตาเขามันบอกว่าต่าง

“ฉันฝากให้เพื่อนชายนิรนามของเธอ ได้ยินแว่วๆ ว่ามันชื่อยอด เธอรู้จักมัน แต่ฉันไม่ เพราะฉะนั้นมันคือชายนิรนามสำหรับฉัน”

“เอ่อ...”

“อย่าทำหน้าแบบนั้นเทียน” มุมปากของเขากระตุกเป็นรอยยิ้มที่เธอเห็นในความมืด “ฉันก็แค่ใจดีอยากแบ่งปันให้มันเท่าๆ กับคนอื่น เธอก็อย่าลืมเอาไปให้มันด้วยล่ะ บอกด้วยนะว่าจากใคร อธิบายให้มันเข้าใจอย่างละเอียดว่าฉันคือใคร”

“ค่ะ” เทียนตะวันพยักหน้าหงึกหงักระคนแปลกใจ แต่แล้วก็เพิ่งจะนึกได้ว่าของฝากของตนล่ะคือถุงไหน

“นี่ของเธอ” ยังมีถุงกระดาษใบเล็กๆ อีกใบสำหรับเธอ ข้างถุงไม่มีโลโก้ร้านเบเกอรี่เหมือนถุงอื่นๆ เทียนตะวันจะรับมัน “ฉันจะใส่ให้”

เธอทำหน้าเก้อๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมส่งให้ หนำซ้ำยังแกะถุงกระดาษที่ควรจะผ่านมือถือซึ่งเป็นเจ้าของ เขาแกะและเปิดกล่องกำมะหยี่ใบเล็กๆ สีครีม สิ่งที่อยู่ข้างในทำเธอตาโต

สร้อยคอมีจี้รูปหยดน้ำน่ารัก มันทำจากทองคำขาวราคาแพงด้วยมีเพชรเม็ดเล็กๆ ประดับตรงใจกลาง

ร่างสูงมายืนทาบด้านหลังแล้วบรรจงใส่สร้อยเส้นใหม่ให้พร้อมกับถอดเส้นเก่าออก

“ถึงเวลาเปลี่ยนเสียที ใส่อยู่ได้ เธอไม่เบื่อมันบ้างหรือไง” เขาบ่น มือจัดสร้อยสวยให้เข้าที่ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้า

“แต่เทียนรัก” เธอมองสร้อยเก่าที่ติดปลายนิ้วเขาไปอย่างแสนเสียดาย เขาเป็นคนใส่สร้อยเส้นนั้นให้เธอเมื่อหลายปีก่อน และเป็นคนถอดมันกับมือในวันนี้

“ใส่เส้นใหม่ ก็ควรจะรักเส้นใหม่ ลืมเส้นเก่าซะ”

“เทียนขอเถอะ”

“ฉันอยากให้เธอใส่เส้นใหม่” จักรพรรดิยังยืนยันคำเดิม

“เทียนไม่ใส่แล้วก็ได้ แต่เทียนอยากเก็บไว้”

แทนคำตอบ ผู้ปกครองของเธอก็ทำในสิ่งที่เทียนตะวันแทบลืมหายใจ หน้าผากเธอเห่อร้อนลามลงมาถึงเรียวปากที่ต้องเผยออ้าเพราะไอร้อนจากริมฝีปากของเขา ปากของเธอไม่ได้ถูกจูบ หน้าผากเธอต่างหากเล่าที่โดนจูบ

“เอาเป็นว่าฉันขอก็แล้วกัน อย่าขัดใจฉันเทียน เธอก็รู้ฉันไม่ชอบถูกขัดใจ” แล้วเขาก็จับเธอหันหลังพร้อมกับฟาดฝ่ามือลงบนก้นงอนๆ “ขึ้นห้องนอนได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะแย่เอา”

เทียนตะวันก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วหยุดชะงักก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้เขาหวานหยด

“ถ้าใครมาเห็นเข้า...เทียนจะบอกว่าลุงแค่ส่งเทียนเข้านอนค่ะ กู๊ดไนท์นะคะลุงยักษ์ของเทียน ขับรถกลับดีๆ นะคะ ถึงบ้านแล้วโทร.รายงานเทียนด้วยล่ะ เทียนจะได้ไม่เป็นห่วง”

จักรพรรดิพยักหน้า รอจนเทียนตะวันเดินหายเข้าไปในรั้วหอพักเรียบร้อยจึงขึ้นรถ ไออุ่นจากหน้าผากเธอก็ยังติดริมฝีปากเขาไม่จางหาย รอยยิ้มสมใจกระตุกขึ้น มือที่กำสร้อยคอเส้นเก่าแบออก ตาคมกริบมองแสงสะท้อนแล้วยกขึ้นจรดเรียวปาก ราวกับกำลังประทับจูบไปบนลำคอระหงของเธอ

...ฉันจะรอวันนั้น วันที่เธอพร้อมจะเป็นเจ้าสาว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel