บท
ตั้งค่า

คุณพ่อเลี้ยงคะ ตอนที่ 5

"แกว่าพ่อเลี้ยงหมายความว่ายังไงเหรอริสา?"

หลังจากที่พ่อเลี้ยงออกไปจากห้อง เฌอรดาก็นั่งทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายอยู่นาน ...ตราบใดที่เธอยังคงเป็นเด็กที่ฉันอุปการะอยู่ ประโยคนี้นี่แหละที่ทำให้เธอต้องนั่งตีความหมายมานานกว่าครึ่งชั่วโมง

สรุปเธอมีหวังหรือไม่มีหวังกันแน่นะ?

สุดท้ายแล้วก็ต้องโทรไปปรึกษาเพื่อนรักแล้วเล่าทุกอย่างให้ริสาฟัง

(โอ๊ยย...ง่ายมากแก ก็ตอนนี้แกยังเป็นเด็กที่พ่อเลี้ยงดูแลอยู่ไง ถ้าแกกับพ่อเลี้ยงรักกันเชิงชู้สาว คนเขาก็จะนินทาว่าพ่อเลี้ยงเลี้ยงต้อย เลี้ยงต้อยก็คือการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งตั้งแต่เด็กๆ พอโตก็จับทำผัวทำเมียไง ส่วนแกก็อาจจะถูกคนอีกกลุ่มมองว่าเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง พ่อเลี้ยงส่งเสียเลี้ยงดูแกทุกอย่าง แต่แกกลับคิดไม่ซื่อกับเขา)

"โห...แกรู้ลึกมากริสา" เฌอรดาอ้าปากหวอ อึ้งให้กับความรู้ของเพื่อนสาวคนสนิทที่อธิบายได้เห็นภาพมากๆ

(แหะๆ ฉันดูละครแนวนี้มาเยอะอ่ะแหละเลยพอรู้บ้าง แต่ประเด็นอ่ะนะ ถ้าฟังจากที่แกเล่า พ่อเลี้ยงเขาไม่ได้สนว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเขา แต่เขาสนว่าคนอื่นจะคิดหรือมองแกไม่ดีต่างหาก)

"แล้วฉันควรทำไงล่ะ?"

(เอ้า! แกก็ต้องออกจากบ้านอมรคีรินทร์ไง)

"แกจะบ้าเหรอริสา! แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน?" หญิงสาวเอ็ดเพื่อนตาโต ออกจากบ้านนี้อย่างนั้นเหรอ เธอจะออกไปได้ยังไง เงินก็ไม่มี แถมญาติก็ไม่เหลือใครแล้วด้วย

(ฟังก่อนสิยะ! ก็นี่ไง...แกจะเข้ามหาวิทยาแล้ว แกก็อาศัยจังหวะนี้ย้ายออกมาอยู่หอ หางานพิเศษทำ เลิกรับเงินจากพ่อเลี้ยง แกต้องออกจากสถานะเด็กที่ถูกรับอุปการะให้ได้ แล้วใช้ชีวิตด้วยตัวเอง แบบนั้นโอกาสที่แกจะรักและแต่งงานกับพ่อเลี้ยงได้จะมีมากขึ้น)

"จริงเหรอ?"

(จริงค่ะ! แกลองเก็บไปคิดดูนะ แล้วบอกฉันก่อนวันมอบตัวสักหนึ่งอาทิตย์ ฉันจะได้เลือกหอพักถูกว่าจะอยู่แบบห้องใหญ่แค่ไหน)

"อื้ม โอเค"

2 เดือนผ่านไป

ตลอดระยะเวลาสองเดือนมานี้ เฌอรดาเฝ้าคิดทบทวนในคำแนะนำของเพื่อนสนิทมาตลอด ส่วนความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อเลี้ยงก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เธอยังคงนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวทุกมื้อ พ่อเลี้ยงชวนคุยอะไรก็คุยปกติ จะมีก็แต่เวลาที่ยัยป้าท่าเยอะนั่นมาหาพ่อเลี้ยงที่บ้าน ปกติแล้วเธอจะเข้าไปเป็นก้างตลอด แต่สองครั้งล่าสุดที่ปัทมามา เธอไม่ได้เข้าไปยุ่งเลย ไม่ใช่ไม่อยากไปขัดขวางนะ แต่เธอต้องฝืนใจห้ามตัวเองเอาไว้ พยายามไม่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

จนวันนี้เธอตัดสินใจดีแล้ว เธอจะไปอยู่หอกับริสา เป็นเหตุให้เธอต้องมายืนอยู่หน้าห้องนอนของพ่อเลี้ยงในตอนสองทุ่มครึ่งตอนนี้ เพราะอีกสองอาทิตย์ก็จะถึงวันมอบตัวเข้าเรียนแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

แอร๊ด~

มือบางค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดูเจ้าของห้องว่าอยู่หรือเปล่า

ภาสกรนั่งคิดยอดเงินเฉกเช่นทุกวันและไม่ได้หันไปดูด้านหลังด้วยว่าใครเข้ามา เวลานี้จะมีใครได้ถ้าไม่ใช่เด็กสาวที่พึ่งสารภาพรักกับเขาไปเมื่อสองเดือนก่อน

มือหนาวางปากกาลงแล้วหมุนเก้าอี้หันไปหาคนที่พึ่งหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงนอนของเขา พลางกอดอกมองหน้าเด็กสาวที่ทำทีเหมือนมีเรื่องจะคุย และเรื่องที่จะคุยนั้นคงลำบากใจน่าดูไม่งั้นริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อคงไม่เม้มเข้าหากันด้วยความประหม่าแบบนั้น

"มีอะไรหรือเปล่าหนูปิ่น?" เสียงเข้มถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

"เอ่อ...คือปิ่น..ปิ่นจะมาขออนุญาตพ่อเลี้ยงเรื่อง...เรื่อง...."

"มีอะไรก็พูดมา หัดเกรงใจฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?"

"......" เฌอรดาอยากจะบอกว่าเธอไม่ได้เกรงใจ แต่กลัวโดนดุมากกว่า "...คือปิ่นจะขอออกไปอยู่หอกับริสาน่ะค่ะ ปิ่นมาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าไปกลับทุกวันมันดูจะเสียเวลา ปิ่นคงได้พักผ่อนน้อย อาจไม่มีเวลาอ่านหนังสือหรือทำรายงาน"

"ไปกลับประมาณครึ่งชั่วโมง มันเสียเวลามากเลยเหรอ?"

"บางทีปิ่นอาจต้องทำรายงานกับเพื่อน กลัวจะต้องกลับดึก เกรงใจลุงพร้อมน่ะค่ะ" ไม่ต้องห่วง เธอหาเหตุผลไว้ตอบพ่อเลี้ยงเกือบทุกข้อโต้แย้งแล้ว

"ตอนแรกไหนว่าจะไม่ไปเช่าหออยู่ไง ทำไมเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะ?" หากดูเผินๆ อาจดูเหมือนภาสกรไม่ค่อยใส่ใจเฌอรดาเท่าไหร่นัก แต่จริงๆ แล้วเขาแค่ไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับเธอมากเกินไปเพราะกลัวคนนอกรวมถึงคนในจะมองเฌอรดาไม่ดี เพราะตอนนี้เด็กสาวตรงหน้าไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว

"ปิ่นลองไปศึกษามาคร่าวๆ แล้วน่ะค่ะว่าปีหนึ่งค่อนข้างเรียนเยอะ งานก็เยอะ กิจกรรมก็เยอะอีก เลยคิดว่าอยู่หอน่าจะสะดวกกว่า พ่อเลี้ยงให้ปิ่นไปเถอะนะคะ"

ภาสกรลอบถอนหายใจเบาๆ ใครจะรู้ว่าลึกๆ แล้วเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เฌอรดาจะออกห่างจากสายตาเขา แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ถ้ามันเป็นความต้องการของอีกฝ่าย "ไปอยู่กับริสาใช่ไหม?"

"ใช่ค่ะ" ใบหน้าสวยรีบพยักรับรัวๆ ด้วยรอยยิ้มมีความหวัง

ภาสกรรู้ดีว่าเฌอรดาไม่มีทางกล้าไปอยู่ข้างนอกคนเดียวแน่ๆ และชายหนุ่มก็รู้จักริสาและครอบครัวริสาดีด้วย "ก็ได้..."

"ขอบคุณค่ะพ่อเลี้ยง.."

"แต่!..."

"......?" ริมฝีปากบางค่อยๆ หุบยิ้มลงเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพูดเงื่อนไขขึ้นมา

"ถ้าออกนอกลู่นอกทางฉันจะให้เธอกลับมาอยู่ที่บ้านเข้าใจไหม?"

"เข้าใจค่ะ งั้น...ปิ่นขอตัวไปนอนก่อนนะคะ" หญิงสาวฉีกยิ้มบางขอตัวลา เงื่อนไขนี้ดูแล้วไม่น่ายากอะไร เธอก็ไม่ใช่คนเกเรอยู่แล้ว ไม่มีทางถูกทำโทษหรอก

หนึ่งเดือนต่อมา

"เฮ้ออ~" ร่างบางในชุดนักศึกษาพอดีตัว ติดตรงที่เสื้ออาจจะรัดหน้าอกไปหน่อยเพราะหญิงสาวเป็นคนที่มีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัว ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดสามจุดห้าฟุตอย่างเหนื่อยล้า

"ไงแก เรียนวันแรกก็เมื่อยแล้วเหรอ?" ริสาแซวขึ้นขณะพึ่งหย่อนก้นนั่งลงที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วกดเปิดเครื่อง

วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก เฌอรดาและริสานั้นเรียนคณะเดียวกัน และทั้งคู่ก็พึ่งจะเลิกเรียนซึ่งตอนนี้มันเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว จริงๆ พวกเธอทั้งคู่เลิกคลาสมาตอนสี่โมง แต่กว่าจะกลับถึงห้องบวกกับรถที่ติดนิดหน่อยเลยใช้เวลาไปราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมงเลย

"อือ เพลียอ่ะ" คนบ่นว่าเพลียตอนนี้กำลังไถหน้าจอมือถือดูหน้าโปรไฟล์ในไอจีของใครบางคนอยู่

"ส่องไอจีพ่อเลี้ยงอีกแล้วหรือไง?" ริสาหันไปแซว

"ก็ฉันไม่มีอะไรทำนี่นา คิดถึงสวนอมรคีรินทร์ด้วย พ่อเลี้ยงชอบถ่ายรูปสวนแล้วก็นักท่องเที่ยวลง ก็เลยดูให้หายคิดถึงอ่ะแก"

"เออ เรื่องงานพิเศษอ่ะ มีรุ่นพี่คนนึงแนะนำฉันตอนที่ฉันไปเข้าห้องน้ำที่โรงอาหารอ่ะ แกอยากไปสมัครไหม?"

"จริงเหรอ? เอาสิ!" เฌอรดาผุดลุกขึ้นนั่งทันทีอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เธอยังจำเป็นต้องรับเงินจากพ่อเลี้ยงอยู่ เนื่องจากยังไม่ได้งานพิเศษทำ และถึงได้งานก็คงต้องรอให้เงินเดือนออกสักสองสามครั้งถึงจะเริ่มตั้งตัวได้

"งั้นก็ไปอาบน้ำ พี่เขาว่าให้ไปสมัครตอนหกโมงอ่ะ"

"โอเค" หญิงสาวกุลีกุจอลุกขึ้นมาจากที่นอน ก่อนจะไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่คิดว่าเหมาะสำหรับใส่ไปสมัครงานมากที่สุด ...ก็คงไม่พ้นกางเกงยีนส์เสื้อยืดคอกลมอ่ะนะ

"เออปิ่น แล้วแกได้บอกพ่อเลี้ยงหรือเปล่าว่าจะหางานพิเศษทำ?" ริสาหันไปถามเพื่อนอีกรอบ ไม่รู้ว่ายัยเพื่อนรักตกลงกับพ่อเลี้ยงไว้ว่ายังไงบ้าง เธอจะได้ระวังเรื่องโพสรูปโพสข้อความลงโซเชียล

"ไม่อ่ะแก บอกไปพ่อเลี้ยงก็ไม่ให้ทำหรอก แต่แกไม่ต้องห่วงนะริสา เขาไม่ได้สนใจฉันขนาดนั้น แค่เรื่องการเรียนไม่แย่ก็ไม่ถูกดุแล้ว"

"งั้นก็ตามนั้น ร้านที่เราจะไปสมัครกันเป็นร้านอาหารกึ่งร้านเหล้านะ ร้านหรูด้วย ได้ยินพี่เขาว่าทิปหนักมาก"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel