บท
ตั้งค่า

คุณพ่อเลี้ยงคะ ตอนที่ 6

"งั้นก็เริ่มงานวันจันทร์ตามที่น้องๆ สะดวกเลยนะคะ"

"ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ" ริสายกมือไหว้ผู้จัดการสาววัยสามสิบปลายๆ ที่ยังดูสวยเหมือนพึ่งจะสามสิบใหม่ๆ ก่อนจะหันไปยิ้มกับเฌอรดา

สองสาวได้ขอเริ่มงานในวันจันทร์หน้า เพราะเสาร์อาทิตย์นี้ต้องกลับบ้าน และผู้จัดการสาวก็ได้อนุญาตเพราะเห็นว่าเป็นเด็กใหม่ ซึ่งเสาร์อาทิตย์นี้ลูกค้าจะเยอะเป็นพิเศษ ยังไม่เหมาะที่จะให้เด็กสาวสองคนเริ่มงาน เมื่อความต้องการของทั้งสองฝ่ายตรงกัน ทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี

21:00 น.

"พรุ่งนี้กลับไปก็ลองเช็คดูอาการพ่อเลี้ยงเลยนะ ปล่อยเวลาเสียเปล่ามานานเกินไปแล้ว" ริสาบอกพลางกัดลูกชิ้นรูดออกจากไม้เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

"ลองยังไงอ่ะแก?" เฌอรดาถามกลับด้วยความใสซื่อพลางตักไอศครีมในถ้วยกิน ตอนนี้เธอกับริสากำลังเดินกลับหอพัก ก่อนหน้านี้ได้ไปเดินตลาดหน้าห้างสรรพสินค้ามา เลยได้ของกินติดไม้ติดมือมานิดหน่อย"

"ก็ชุดนอนไม่ได้นอนที่ฉันเลือกให้ไง พรุ่งนี้ต้องใส่ไปเดินเฉียดๆ หน้าห้องพ่อเลี้ยงนะ แล้วดูว่าเขามีท่าทียังไงกับแก มองแกหรือว่าเมินแก เราจะได้เริ่มถูกว่าควรเข้าหาเขายังไง"

"แล้วถ้า...พ่อเลี้ยงเกิดสนใจ...ฉะ..ฉันล่ะ?" พอพูดมาถึงตรงนี้พวงแก้มนวลก็แดงซ่านขึ้นมา นึกไปถึงหนังผู้ใหญ่ที่เคยเปิดดู

"แกก็อ่อยให้เขามาเป็นของแกให้ได้ในคืนนั้นเลยสิ!"

"แค้กๆ!! วะ..ว่าไงนะ? แค้กๆๆ!!" เฌอรดาถึงกับสำลักไอศครีมที่พึ่งตักเข้าปากไป ยัยเพื่อนตัวดีแนะนำอะไรเนี่ย มันไม่เร็วไปเหรอ?

"แกจะตกใจอะไรยะ ปิ่น แกโตแล้ว จะสิบเก้าแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ เรื่องแบบนี้มันปกติมาก แกไม่ได้มั่วนอนกับผู้ชายไปเรื่อยสักหน่อย แกรักพ่อเลี้ยงไม่ใช่หรือไง หรืออยากจะให้ยัยป้าปัทมาคาบไปกินก่อนฮึ?" ริสาถึงกับต้องพักการกินลูกชิ้นแสนอร่อยแล้วหันไปเท้าเอวบอกกับเพื่อนสาวคนสนิทอย่างจริงจัง เรือลำนี้เธอเองก็พายมานาน จะปล่อยให้ยัยป้าจอมยั่วมาล่มได้ไง

"แกก็...." เฌอรดาหันมองซ้ายมองขวาแล้วดึงแขนเพื่อนให้เดินต่อ "...ฉะ..ฉันจะลองคิดดูก็แล้วกัน ประเด็นคือพ่อเลี้ยงจะสนใจฉันหรือเปล่านี่สิ"

"ไม่ลองก็ไม่รู้จริงป้ะล่ะ?"

"อือ" ใบหน้าสวยพยักรับ ก่อนจะเดินไปคิดไปกินไป ถ้าพ่อเลี้ยงไม่พอใจกับสิ่งที่เธอคิดจะทำล่ะก็... ได้พูดจาทำร้ายจิตใจกันอีกแน่ๆ เลย

วันต่อมา

หลังอาหารค่ำ

ร่างบางยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก ยืนหมุนซ้ายหมุนขวา พิจารณาชุดนอนสายเดี่ยวที่เบาบางสีแดงกุหลาบ แถมยังสั้นเหนือเข่าขึ้นมาตั้งหนึ่งคืบครึ่ง โชคดีที่ชุดของมันมีเสื้อคลุมสีเดียวกันแถมมาด้วย แต่เหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไร เพราะถึงจะแขนยาวแต่บางยิ่งกว่าชุดตัวในเสียอีก

วันนี้เฌอรดากลับมาที่บ้านอมรคีรินทร์แต่เช้า มาถึงก็เข้าไปหาพี่ป้าน้าอาในสวน ตอนบ่ายก็ออกไปช่วยขายผลไม้หน้าเตนท์ ตกหัวค่ำมาก็ทานอาหารเย็นเหมือนเมื่อก่อน โดนพ่อเลี้ยงถามนู่นนี่นั่นเยอะไปหมด ส่วนใหญ่ก็ถามเกี่ยวกับการเรียน ที่อยู่ สังคม แล้วก็สิ่งแวดล้อมรอบตัว ทุกอย่างดูปกติดี และเหมือนจะมีแต่เธอที่ตื่นเต้นที่ได้เจอหน้าพ่อเลี้ยงอยู่คนเดียว อีกฝ่ายไม่เห็นจะเหมือนคนที่ไม่เจอกันนานเลย

นั่นทำให้เธอ...ไม่มั่นใจที่จะใส่ชุดนี้ไปหาเขาเลย

ก๊อกๆๆ

แต่ในที่สุด เธอก็มายืนเคาะประตูหน้าห้องพ่อเลี้ยงจนได้

เฌอรดาเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน พ่อเลี้ยงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน

ร่างบางหย่อนก้นนั่งลงตรงปลายเตียงที่ที่เคยนั่งประจำ ก่อนจะได้ยินเสียงเข้มทักขึ้นมาโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าเธอ

"มีอะไรหรือเปล่าหนูปิ่น?"

"เอ่อ..คือ...." ใบหน้าสวยขยับไปทางซ้ายเล็กน้อย แล้วขยับกลับไปทางด้านขวา เธอมัวแต่กังวลว่าแผนใส่ชุดนอนไม่ได้นอนของริสาจะได้เรื่องไหม เลยลืมคิดหาเรื่องที่จะพูดกับพ่อเลี้ยงไปเสียสนิท ...แย่แล้วล่ะ เธอจะคุยเรื่องอะไรดี

ครั้นได้ยินเสียงหวานอึกๆ อักๆ ภาสกรจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะวางปากกาแล้วหมุนเก้าอี้หันไปหาเด็กสาว แล้วก็ต้องตกใจกับชุดที่ยัยเด็กดื้อสวมใส่ จนเขาต้องรีบเบือนสายตาหนี

"ไปเรียนได้ไม่กี่อาทิตย์! ไปเรียนรู้การแต่งตัวแบบนี้มาจากไหนหนูปิ่น?"

เฌอรดารีบเงยหน้ามองเจ้าของเสียงดุ ก็เห็นว่าพ่อเลี้ยงกำลังเมินเธออยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้เฌอรดาไม่มีโอกาสได้เห็นตอนที่ภาสกรหันมาตกใจแล้วเผลอกลืนน้ำลายลงคอเลย จึงเป็นเหตุให้เด็กสาวเข้าใจผิด คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้สนใจเธอจริงๆ

ร่างบางรีบยืนขึ้น กลืนความน้อยเนื้อต่ำใจลงคอไปแล้วเชิดหน้าสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง ...เขาไม่สนก็ทำให้เขาสนสิ! คนอย่างยัยปิ่นยอมซะที่ไหน

"ปิ่นไม่ได้ไปเรียนจากใครหรอกค่ะ ปิ่นก็รู้ของปิ่นเอง ที่ปิ่นเข้ามาเพราะปิ่นมีเรื่องจะคุยกับพ่อเลี้ยงค่ะ"

ใบหน้าหล่อคมคายหันกลับไปสบดวงตากลมโตสีดำสนิท พยายามสั่งตัวเองให้โฟกัสแต่ใบหน้าสวยหวานและเรื่องที่เด็กสาวจะคุยด้วยเท่านั้น อย่าได้มองต่ำลงไปกว่านั้นเด็ดขาด

...ยัยเด็กดื้อคนนี้ มันน่าจับตีก้นเสียให้เข็ด! ไม่รู้หรือไงว่าเขาก็ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ปกครองสายเลือดเดียวกันเสียหน่อย

"ว่ามาสิ.."

"ปิ่นขออนุญาตทำงานพิเศษนะคะ ปิ่นอยากลองหาเงินเอง อาจจะรบกวนพ่อเลี้ยงแค่ค่าเทอมเท่านั้น" สุดท้ายเธอก็ต้องยอมเอาเรื่องนี้มาคุย เพราะมันไม่มีเรื่องอื่นแล้วจริงๆ

"งานอะไร ที่ไหน ทำกี่โมง?"

"เป็นร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากหอพักที่ปิ่นอยู่ค่ะ ทำหลังเลิกเรียน เลิกงานห้าทุ่มครึ่งค่ะ" หญิงสาวจำต้องบอกแค่ว่าเป็นร้านอาหารเท่านั้น หากบอกว่าร้านออกแนวบาร์เหล้าด้วยมีหวังโดนสั่งห้ามแน่ๆ

"ดึกเกินไป ฉันไม่อนุญาต"

"แต่ปิ่นไปสมัครมาแล้วนะคะพ่อเลี้ยง แล้วเขาก็รับปิ่นแล้วด้วย ตกลงกับทางนั้นไปแล้วว่าจะเริ่มงานวันจันทร์นี้"

"รับแล้วก็โทรไปยกเลิกได้"

"ไม่ค่ะ!"

"หนูปิ่น! เดี๋ยวนี้ไม่เชื่อฟังฉันแล้วเหรอ?" ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วดุ สองมือกอดอกจ้องหน้าเด็กสาวที่ยืนปฏิเสธเขาเสียงแข็ง

"ปิ่นก็แค่อยากหาเงินเอง ปิ่นไม่อยากเป็นเด็กที่พ่อเลี้ยงอุปการะแล้ว"

พูดมาถึงตรงนี้ภาสกรถึงได้เข้าใจความหมายทั้งหมดของการดื้อรั้นที่เฌอรดากำลังทำอยู่

...เฌอรดายังไม่ยอมแพ้เรื่องของเขา

"ยังไงก็ตาม ปิ่นจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ว่าปิ่นดีพอและเหมาะสมที่จะรักพ่อเลี้ยงในแบบที่ชายหญิงทั่วไปเขารักกัน!" ว่าจบ ร่างบางก็เตรียมจะเดินหนีออกไปจากสถานการณ์ตึงเครียดตรงนี้ ทว่าก้าวแรกของเธอนั้นดันไปขัดกับขาอีกข้าง ทำให้ตัวเธอถลาเข้าไปหาคนตัวใหญ่กว่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

พรึบ!

ร่างบางล้มนั่งบนตักแกร่งพอดิบพอดี และเป็นเพราะภาสกรเองก็ตั้งใจรับตัวเด็กสาวไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จนกลายเป็นว่าเขาต้องรวบกอดเอวคอดเอาไว้ ส่วนเฌอรดานั้นก็ตวัดแขนกอดรอบลำคอหนาไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน

ทั้งคู่นั่งสบตากันอย่างงุนงง จะบอกว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก จนทั้งคู่ต่างก็ตั้งรับไม่ทัน

"พะ..พ่อเลี้ยง...." เฌอรดารีบเม้มปากเข้าหากันแน่นเมื่อรู้สึกถึงของแข็งบางอย่างที่กำลังดันอยู่ใต้บั้นท้ายของตัวเอง ถึงเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่า แต่เธอก็ไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ละ..แล้วเธอจะร้อนหูร้อนตาทำไม

"ทำไม เมื่อกี้ยังปากดีเถียงฉันเสียงแข็งอยู่เลย ตอนนี้ทำไมกลัวซะแล้วล่ะ?" ภาสกรยกยิ้มมุมปาก นึกอยากแกล้งให้คนบนตักหัดกลัวเพศตรงข้ามเสียบ้าง ไม่ใช่ว่านึกอยากจะใส่ชุดสั้นๆ บางๆ มายั่วกันก็ทำได้ง่ายๆ

เธอคงไม่รู้ ว่าเสือมันขย้ำแรงแค่ไหน

"ปะ..ปิ่นไม่ได้กลัวพ่อเลี้ยงสักหน่อย" คนที่พึ่งเถียงตาใสๆ ตอนนี้ได้แต่นั่งหนีบขาไว้แน่น ต้องเข้าใจว่าชุดเธอมันทั้งสั้นทั้งบาง ก้นของเธอจึงรับสัมผัสจากสิ่งนั้นได้อย่างชัดเจน

หรือว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดี!

"หนูปิ่น..." เสียงเข้มเรียกคนบนตักอย่างจริงจัง "...ฉันก็ผู้ชายที่มีกิเลสตัณหามากคนนึง ถ้าเป็นเรื่องอื่นแน่นอนว่าเธออยู่ใกล้ฉันเธอปลอดภัยแน่ แต่ยกเว้นเรื่องนี้"

"ปิ่นก็ไม่เห็นว่ามันจะอันตรายนี่คะ ในเมื่อปิ่นเลือกแล้วว่าต้องเป็นพ่อเลี้ยงคนเดียวเท่านั้น!" ว่าจบใบหน้าสวยก็เอียงเข้าไปประกบจูบกับริมฝีปากหนา เห็นเธอทำใจกล้าแบบนี้ ใครจะรู้ว่าตอนนี้ใจเธอทั้งเต้นรัวและแรงแค่ไหน หนำซ้ำร่างกายยังชื้นเหงื่อไปหมด

นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel