บท
ตั้งค่า

คุณพ่อเลี้ยงคะ ตอนที่ 4

"ปะ..เปล่าค่ะ! ปิ่นอิ่มแล้ว..ขอตัวขึ้นห้องนะคะ!" ร่างบางรีบลุกหยิบจานข้าวตัวเองไปไว้ในครัว ก่อนจะก้มหน้าเดินเร็วออกมา แล้วเลี้ยวขึ้นบันไดไป ท่ามกลางสายตาคมที่มองอยู่อย่างงงๆ แม้กระทั่งป้าน้อยที่พึ่งเดินตามออกมาจากครัวก็ยังต้องยืนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน

"น้องปิ่นเป็นอะไรเหรอป้า? ท่าทางมีพิรุธ" คนที่พึ่งเดินลงบันไดสวนกับเด็กสาวลงมารีบตรงเข้าไปถามผู้เป็นป้า ทำเอาป้าน้อยต้องง้างมือขู่แล้วเอ็ดหลานเสียงเบา

"แกนี่ก็!...เข้าไปเก็บในครัวเลย"

หยกรีบเอี้ยวตัวหนีฝ่ามือป้าผู้เป็นที่รัก ก่อนจะรีบเผ่นแนบเข้าไปในครัว จากนั้นป้าน้อยก็รีบเดินตามเข้าไปเพราะบ้านนี้คนรับใช้ไม่จำเป็นต้องยืนเฝ้าเจ้านายกินข้าว อีกอย่างหล่อนก็กลัวภาสกรจะถามเรื่องเฌอรดาด้วย แม้หล่อนจะเห็นถุงเสื้อผ้ามากมายของเด็กสาวที่ถือกลับมาตอนเที่ยงและรู้ว่าเฌอรดาคงไปเที่ยวกับริสาตามประสาวัยรุ่นกำลังโตก็เถอะ แต่หล่อนก็ไม่ใช่คนขี้ฟ้องหรือคนที่ชอบประจบประแจงนาย

ภาสกรนั่งกินข้าวต่อเหมือนไม่ใส่ใจ แต่จริงๆ เขาเตรียมตัวจะขึ้นไปเค้นถามเฌอรดาให้แน่ใจว่าเด็กสาวไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีมาจริงๆ เขาเลี้ยงเธอมาตั้ง 9 ปี จะไม่รู้นิสัยของเธอได้ยังไง ท่าทางแบบนี้มีเรื่องปกปิดไว้แน่นอน

"พ่อเลี้ยงจะยังสงสัยอยู่ไหมนะ?" ใบหน้าสวยเอียงหัวครุ่นคิดหน้ากระจกในห้องน้ำ พลางถูครีมอาบน้ำลงบนผิวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำสะอาด

เฌอรดายืนบ่นตัวเองมาสักพักตั้งแต่เข้ามาอาบน้ำว่าไม่น่าลุกหนีพ่อเลี้ยงขึ้นมาเลย การกระทำของเธอมันดูมีพิรุธที่สุดในสามโลกเลยก็ว่าได้ เพราะปกติเธอเคยลุกก่อนพ่อเลี้ยงที่ไหน หนำซ้ำยังเคยคุยจ้อทุกครั้งบนโต๊ะอาหารด้วย เพราะยัยริสาคนเดียว ให้เธอไปดูหนังผู้ใหญ่นั่น ...โอ๊ย! ใจเต้นแรงจะบ้า!!

แกร็ก!

"ทำยังไงภาพพวกนี้ถึงจะหายไปจากหัวเนี่ย?" ร่างบางเปิดประตูห้องน้ำออกมาก้มหน้าก้มตาบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว โดยตอนนี้ร่างกายมีแค่ผ้าขนหนูสีขาวรัดรอบลำตัวเอาไว้เพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้าจนต้องอุทานออกมาเสียงดัง "ว๊ายย!! พะ..พ่อเลี้ยง?"

"ภาพที่หนูปิ่นพูดถึงคือภาพพวกนี้รึเปล่า?" ภาสกรชูไอแพดให้เด็กสาวเจ้าของห้องดูโดยหันหน้าจอที่มีภาพนิ่งเป็นรูปชายหญิงที่กำลังร่วมรักกันไปทางเด็กสาว ก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปมองบนที่นอนซึ่งมีเสื้อผ้ารัดรูปชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปทั่วบริเวณ มองปราดเดียวก็รู้ว่ามันคือเสื้อผ้าใหม่ที่เด็กสาวในปกครองน่าจะไปช้อปปิ้งมาเมื่อเช้า

"มะ..ไม่ใช่แบบนั้นนะคะพ่อเลี้ยง!!" ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปแย่งไอแพดคืนมาก่อนจะก้มเก็บเสื้อผ้าบนเตียงนอนแล้วเอาไปโยนใส่ตู้เสื้อผ้าอย่างลวกๆ ลนๆ

"ใครสอนให้ดูของแบบนี้?" ชายหนุ่มกอดอกถาม เป็นเรื่องแปลกใหม่มากที่เห็นเฌอรดาทำอะไรแบบนี้ จะบอกว่าเธอเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่น่าใช่ มันต้องมีบางอย่างจุดประกายให้เธอไปหาซื้อเสื้อผ้าโป๊ๆ แบบนี้มาใส่และเปิดหนังอย่างว่าดู

หรือมีแฟน?

"ไม่มีค่ะ ปะ..ปิ่นดูเอง" เธอจะพูดถึงริสาไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวเพื่อนสนิทจะถูกมองไม่ดี

"แล้วชุดพวกนั้นอีก.." ดวงตาคมมองเลยไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างหลังเด็กสาว "...เธอโตเป็นสาวแล้วนะ ใส่ชุดแบบนั้นมันปลอดภัยซะที่ไหน ฉันไม่อนุญาตให้เธอใส่ชุดแบบนั้น ถ้าอยากได้เสื้อผ้าใหม่จริงๆ ไว้พรุ่งนี้จะพาไปซื้อ"

เฌอรดายืนนิ่ง คิดตามคำพูดของอีกฝ่ายอย่างน้อยใจ ...พ่อเลี้ยงเห็นเธอโตเป็นสาวแล้วจริงๆ น่ะเหรอ? ดูเธอตอนนี้สิ ยืนนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวต่อหน้าเขา ถ้าพ่อเลี้ยงเห็นเธอโตเป็นสาวอย่างที่ปากว่าจริงๆ ทำไมถึงดูไม่สนใจร่างกายเธอสักนิดเลย

"ทำไมถึงไม่อนุญาตคะ? ก็ปิ่นโตแล้ว" เสียงหวานติดเศร้าเล็กน้อยเอ่ยขึ้นด้วยแววตาตัดพ้อน้อยใจ บางทีการที่เธออยู่กับพ่อเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กอาจทำให้เขาคงยังเห็นเธอเป็นแค่เด็กน้อยเก้าขวบคนนั้นอยู่ หรือเธอจะต้องออกไปอยู่หอให้ห่างหูห่างตาเขาดี พอกลับมาเจออีกทีพ่อเลี้ยงจะได้เห็นว่าเธอดูโตดูแปลกไปจากเมื่อก่อน

"หนูปิ่น! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพักนี้เธอเป็นอะไร ฉันพยายามดูแลเธอให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้พ่อของเธอผิดหวัง เพราะฉะนั้นเธอก็ช่วยให้ความร่วมมือด้วย มันจะเป็นผลดีต่อเธอในอนาคตเข้าใจไหม?"

"อ๋อ ที่แท้พ่อเลี้ยงก็ทำเพื่อพ่อของปิ่นนี่เอง..." ไม่ได้เอ็นดูเธอจากใจแล้วก็ความรู้สึกจริงๆ สินะ

"เพราะนั่นมันคือสาเหตุหลักที่ฉันรับเธอมาอุปการะ" ถ้าเมื่อเก้าปีที่แล้วไม่เกิดอุบัติเหตุ เฌอรดาคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ อยู่ที่บ้านหลังนี้ และคงไม่สนิทกับเขาเหมือนอย่างทุกวันนี้

"ปิ่นรักพ่อเลี้ยงค่ะ!" เฌอรดาตัดสินใจบอกความรู้สึกตัวเองไปตรงๆ ถ้าพ่อเลี้ยงจะพูดตรงๆ กับเธอแล้วทำไมเธอจะพูดตรงๆ กับพ่อเลี้ยงไม่ได้ "...ไม่ได้รักแบบพี่ชายหรือว่าผู้ใหญ่ที่นับถือ แต่ปิ่นรักพ่อเลี้ยงแบบ..แบบชายหญิงทั่วไป" พูดจบใบหน้าสวยก็ก้มลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตาเศร้าหมองเอาไว้

"....." ภาสกรแทบจะพูดอะไรไม่ออก เขาพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่เฌอรดามีให้ทุกทาง แกล้งทำเป็นไม่รู้ความรู้สึกของเธอ และพยายามทำตัวเป็นผู้ปกครองที่ดี ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าพูดความรู้สึกตัวเองให้เขาฟังตรงๆ "...ฉันไม่ได้เลี้ยงเธอมาเพื่อให้มาเป็นเมียฉัน ฉันแค่ต้องการส่งเสริมอนาคตของเธอแทนคุณดนัย"

เฌอรดาน้ำตาคลอเมื่อได้ยินประโยคที่เหมือนจะผลักไสเธอทางอ้อม หญิงสาวก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเพราะรู้สึกเสียใจและอายมากที่ถูกภาสกรปฏิเสธ

ส่วนภาสกรนั้นชั่ววูบหนึ่งก็รู้สึกเห็นใจเด็กสาวตรงหน้ามาก และยอมรับว่าที่ผ่านมาปิดกั้นความรู้สึกตัวเองไม่ให้คล้อยตามเฌอรดาอยู่ตลอด จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่ลูกหลาน มันไม่แปลกที่เขาจะเผลอคิดเกินเลยในบางที แต่ก่อนเขาก็แค่เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวนั่นแหละ แต่เพราะช่วงหลังๆ มานี้เฌอรดาโตเป็นสาวขึ้นมาก เรียกได้ว่าเป็นสาวเต็มตัวแล้ว เขาถึงไม่ค่อยพาเธอไปไหนมาไหนด้วยเหมือนเมื่อก่อน

เฌอรดาก้มหน้าทำใจอยู่พักหนึ่งท่ามกลางความเงียบงัน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เงยหน้าขึ้นมาฝืนยิ้มบางๆ ให้ผู้มีพระคุณ

"ค่ะ ปิ่นทราบแล้ว ต่อไปนี้ปิ่นจะทำตัวให้เหมาะสม ไม่เข้าไปวุ่นวายเรื่องของพ่อเลี้ยงกับคุณปัทมาอีก"

"แล้วคุณปัทมาเกี่ยวอะไร?" ภาสกรอยากจะถอนหายใจแรงๆ ออกมา สิ่งที่เขาพูดไปมีตรงไหนที่พาดพิงไปถึงปัทมา หนำซ้ำที่ผ่านมามีครั้งไหนบ้างที่เขาแสดงอาการว่าสนใจผู้หญิงคนนั้นมากไปกว่าลูกค้าคนหนึ่ง

"......" ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นแล้วก้มหน้าหลบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง คุณปัทมาจะเกี่ยวหรือเปล่าเธอไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เมื่อกี้ที่พูดไปยอมรับว่าประชดประชันอีกฝ่ายเพราะน้อยใจ

...สุดท้ายเธอก็ยังมีนิสัยเด็กไม่รู้จักโต แบบนี้สินะพ่อเลี้ยงถึงไม่ชอบ

"เอาเป็นว่าฉันจะไม่อธิบายอะไรไปมากกว่านี้ อีกหน่อยเธอจะคิดได้เองว่าทำไมเราสองคนถึงเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ได้แคร์หรอกนะว่าใครจะมองฉันยังไง แต่เธอที่เป็นผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเสียหาย ตราบใดที่เธอยังคงเป็นเด็กที่ฉันอุปการะอยู่"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel