บท
ตั้งค่า

11 อยากได้ยิน..ว่ารักกัน

“ผมดีใจนะครับ ที่คุณเจนชอบที่นี่”

“ค่ะ ที่นี่น่าอยู่มาก”

“วันนี้ผมจะพาคุณเที่ยวรอบ ๆ ที่นี่ให้ทั่วเลย แล้ววันพรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพนะ”

“อืม..ก็ดี”

“แต่ว่าตอนนี้ผมหิวแล้ว เราไปหาอะไรกันดีกว่านะครับ ผมให้แม่ครัวฝั่งโรงแรมเตรียมอาหารมาให้เราแล้ว”

ภาคินัยพาหญิงสาวขึ้นรถกอล์ฟ ขับมาที่ห้องอาหาร แม่ครัวสมใจคนเก่าคนแก่ของที่นี่รีบออกมาต้อนรับภาคินัย

“สวัสดีค่ะคุณหนู จะมาพักทั้งทีทำไมไม่โทรบอกป้าก่อนล่ะคะ”

“ไม่เป็นไรครับป้า ว่าแต่วันนี้ มีอะไรให้ผมทานบ้างครับ”

“มื้อเช้า มีไข่กระทะ กับข้าวต้มค่ะ ถ้าป้ารู้ว่าคุณหนูจะมาป้าจะเตรียมของโปรดไว้เลยล่ะคะ”

“งั้นผมขอไข่กระทะสองที่นะ”

“คุณผู้หญิงจะรับน้ำส้มด้วยมั้ยคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูขอกาแฟดีกว่า”

มื้อเช้าเสร็จสิ้นลง ภาคินัยก็พาเจนจิราไปเที่ยวน้ำตกที่อยู่หลังบ้านพัก น้ำตก 3 ชั้นขนาดใหญ่ ที่มีน้ำไหลเย็นชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติที่สงบร่มรื่น โดยแต่ละชั้นจะมีชั้นหินธรรมชาติ รองรับน้ำเป็นแอ่งอยู่ บางแอ่งมีขนาดกว้างและน้ำไม่ลึก เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำได้สบาย และยังมีไฮไลท์อย่างแอ่งน้ำที่มีฝูงปลาอาศัยอยู่มากมาย

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งพักอยู่กลางธรรมชาติอันแสนร่มรื่นนั้น

“คุณเจน ลองแช่เท้าในน้ำดูสิครับ มีปลาตัวเล็ก ๆ มาตอดเพลินดีนะ” หญิงสาวลองทำตามที่ชายหนุ่มแนะนำ

“อุ๊ย!.. จักจี๊จังเลยค่ะ”

“เป็นไงครับ น้ำตกที่นี่สวยมั้ยครับ”

“สวยค่ะ”

“เจนครับ คุณแต่งงานกับผมนะ” จู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันเป็นการขอแต่งงานไม่มีพิธีรีตองอะไร ไม่มีแม้แต่แหวนหมั้น แต่หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขามี

เจนจิราจ้องชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง ไม่ได้ตอบอะไรออกมา บรรยากาศรอบตัวเหมือนหยุดสงบอย่างเป็นใจ พระอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำเป็นฉากสวยอยู่เบื้องหลังเหมือนแสงไฟที่ทำให้ดวงหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบส่องสว่างในสายตาของอีกฝ่าย

“คุณภาคย์มั่นใจแล้วเหรอคะ ว่าเจนจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณได้”

“มั่นใจสิครับ”

ระหว่างที่ภาคินัยรอคำตอบจากพยาบาลสาว ฝนก็ได้เทกระหน่ำลงมาอย่างแรง

“ฝนตกแล้วค่ะ คุณภาคย์เราจะไปหลบฝนที่ไหนกันดี”

“ข้าง ๆ มีชะโงกหินน่าจะพอหลบฝนได้อยู่ครับ ทางนี้ครับ” ชายหนุ่มรีบจูงมือหญิงสาวไปสถานที่หลบฝนทันทีที่เขาบอก

“เดี๋ยวเราหลบกันตรงนี้ก่อนดีกว่าครับ”

“ตั้งแต่ที่เราคบกับคุณเจนยังไม่เคยบอกรักผมเลย แต่ผมเนี่ยสิดันไปเอ่ยปากขอคุณแต่งงาน” ภาคินัยพูดขึ้นแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมา

“แล้วคุณเคยถามหรือเปล่าล่ะคะ” หญิงสาวก็ไม่ยอมแพ้ตะโกนผ่านเสียงฝนเช่นกัน เหมือนทั้งคู่จงใจให้ฝนนี้เป็นพยานรัก

“ยังไม่เคย งั้นคุณรักผมบ้างหรือเปล่า”

“ถ้าฉันไม่รักคุณ จะกล้ามานอนค้างอ้างแรมกับคุณเหรอค่ะ” หล่อนถามเสียงท้าทาย ทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเขาฉวยมือบางขึ้นไปจูบหนักๆ หนึ่งที

“คุณรักผมมั้ย เจนจิรา”

“รักค่ะ ฉันรักคุณ คุณภาคย์” ทั้งคู่เข้าสวมกอดกันกลางสายฝนที่เทลงมาอีกระลอก ชะโงกหินที่ยื่นยาวที่พอเป็นที่หลบฝนให้พวกเขาทั้งสองได้ และความหนาวเหน็บก็เข้ามาแทนที่

“ที่ผ่านมายังไม่ชัดเจนพอหรือคะว่าเจนก็รักคุณ” หล่อนก้มหน้าบอกรู้สึกเขินขึ้นมาบ้าง เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าการบอกรักแบบตรงๆ นี่ก็เล่นเอาเขินได้เหมือนกัน

ภาคินัยกลั้นยิ้มหากก็ยังไม่เป็นที่พอใจ เขาส่ายหน้าและว่า “ก็ยังไม่ชัดเท่าไหร่”

“แหม!..ก็ฉันบอกเมื่อกี้ไปแล้วนี่คะ” หญิงสาวอายหนักเมื่อถูกถามขึ้น

“บอกว่าอะไรน้า ขออีกรอบได้มั้ยครับ แต่ถ้าคุณไม่บอกผมขอหอมแก้มแทนได้มั้ย” เจนจิราอ้าปากเหวออย่างนึกไม่ถึง

“คนเจ้าเล่ห์ คุณภาคินัยอยากให้ฉันบอกอีกรอบจริงๆ หรือคะ” หล่อนดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างนุ่มนวลพลางยิ้ม ประจบ

“เอาไว้เราออกไปจากที่นี่ก่อนนะค่ะ ” ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างคาดโทษก่อนจะตัดใจ จากร่างเล็กที่คลอเคลียอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นก็คาดโทษออกมาเป็นคําพูดอีกว่า

“ไม่ได้ที่นี่แหละ มีแค่เราสองคน เลือกมาว่าจะบอกรักผมหรือให้ผมหอมแก้ม”

“ไม่เลือกคุณขี้โกง”

‘รอคืนนี้ก่อนเถอะ จะเอาให้บอกรักทั้งคืนเลย’

“คิดอะไรอยู่เหรอคะ”

“อ๋อ ผมคิดว่าฝนจะหยุดเมื่อไหร่นะสิ”

“ที่นี่อุดมสมบูรณ์มากเลยนะคะ” หญิงสาวชวนเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อคิดว่ายังไงคืนนี้เธอก็ไม่รอดชายหนุ่มเลยไม่เซ้าซี้ แล้วยอม ๆ เธอไปก่อน

“อืมใช่ ธรรมชาติที่เมื่อก่อนเป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น”

ลมกรรโชกขึ้นมาวูบหนึ่งจนร่างบางสะท้าน อ้อมแขนแข็งแรงยังคงไม่คลายออกอย่างให้ความอบอุ่น กระแสเสียงที่เอื้อนเอ่ยบอกถึงความห่วงใยที่มากมายอยู่ในห้วงของหัวใจ

“หนาวไหมครับ..เจน”

“ไม่ค่ะ” หญิงสาวส่ายศีรษะไปมาเป็นคำตอบ แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบคอเขาไว้.. อิงกายไปหาอย่างแผ่วเบาไม่เขินอายซึ่งกันและกันอีกต่อไป

ฝนเริ่มซาแล้ว ทั้งคู่จึงออกมาจากที่หลบฝน พากันเดินลัดเลาะโขดหินมาจนถึงทางเดินเท้าปกติ และไม่นานก็ถึง รถATV ที่จอดอยู่

“เสื้อเจนเปียกไปหมดเลย ผมว่าเรารีบกลับกันดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย”

“ก็ได้ค่ะ” เสื้อเชิ้ตสีขาวแนบเนื้อ บราลูกไม้สีดำที่ทะลุออกมาจนเด่นชัด ทำให้ภาคินัยต้องกลืนน้ำลายไปหลายอึก

“ถึงแล้ว เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนนะครับเจน เดี๋ยวผมจะโทรให้คนเอาอาหารมาให้ที่นี่

“ค่ะ” หลังจากที่เจนจิราอาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มก็เข้าไปอาบต่อ ระหว่างนั้นหญิงสาวก็ไดร์ผมรอจนแห้ง เธอออกไปยืนรับลมอยู่หน้าระเบียงห้อง ไม่นานนักภาคินัยก็ออกมาหาเธอ

“อาบน้ำเสร็จแล้วหรือคะ” หล่อนเสมองไปทางอื่นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าความคิดมักจะหมกมุ่นและเต็มไปด้วยเรื่องของเขา ไม่ ยอมบอกว่าหลุดขำออกมาด้วยเรื่องอะไร

ภาคินัยพยักหน้าพร้อมๆ กับเดินตรงมาหาคนที่ยืนเหม่อมองทิวทัศน์ที่ระเบียงห้องด้านนอก ค่ำนี้หมอกลงจัดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นอะไร

“เราไปทานข้าวกันนะครับ” เขาจูงมือหญิงสาวให้เดินไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่ตรงระเบียงด้านล่างของตัวบ้าน มีคนจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เจนจิรายอมตามเขาอย่างว่าง่ายก็จริง แต่ใครจะรู้เล่าว่าหัวใจของหล่อนกําลังเร่งจังหวะการเต้น จากนั้นก็รัวแรงขึ้นเป็นทวีเมื่อภาคินัยเปลี่ยนจากจูงมือมาคว้าเอวหล่อนไปกอดประคองเดินไปแบบหลวมๆ ด้วยระยะที่ประชิดขนาดนั้นเธอไม่กล้าแม้แต่แหงนหน้าขึ้นไปสบตาคู่คมที่รออยู่นอกจากผลุบต่ำอยู่แค่อกเสื้อยืดเนื้อนุ่มสบายตัวของเขาเท่านั้น

เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาว หลังจากนั้นดินเนอร์มือเย็นจึงเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศแสนจะโรแมนติก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel