๖ กินอิ่มทุกวันคืน 3
“เจ็บ! ยังเจ็บอยู่เลย” เขามีสีหน้าเหยเกแสร้งเดินเขย่งมานั่งบนเตียง เธอจึงไม่ได้สนใจคิดจะล้มตัวลงนอน กลับถูกอีกฝ่ายจ้องนิ่งจนทำตัวไม่ถูก ต้องเป็นฝ่ายลุกนั่งแล้วถามเขาเพราะดูเหมือนแสงอรุณมีเรื่องจะพูดด้วย
“คะ? มีอะไรหรือเปล่า”
สายตาคมมองหล่อนสลับกับพื้นที่วางบนเตียง ปล่อยหญิงสาวนอนข้างล่างกว่าสัปดาห์แล้ว นึกสงสารเธอต้องทนนอนพื้นแข็งแม้จะมีผ้านวมปูทับก็ใช่ว่าจะสบาย อีกทั้งคืนนี้ฝนอาจจะตกหนักก็กลัวหอมนวลจะหนาว เขาทำเพื่อตอบแทนความดีของเธอเท่านั้น
“นอนบนเตียงเถอะ นอนพื้นมาจะเป็นอาทิตย์แล้วฉันปวดหลังแทน” ตบลงบนที่ว่างข้างตน ทั้งยังใช้สายตาบังคับให้หญิงสาวขึ้นมานอนข้างกัน แต่เธอได้ยินก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที ไม่กล้าจะขึ้นร่วมเตียงกับเขาหรอก
แค่นอนห้องเดียวกันยังใจสั่น หากได้นอนข้างกันจะยิ่งทำตัวไม่ถูกอาจนอนเบิกตาค้างทั้งคืนก็เป็นได้
“ไม่เป็นไร หอมนอนพื้นได้” ยืนกรานจะนอนพื้นเหมือนเดิม ทำให้เขาต้องมองเธอนิ่งพร้อมสั่งเสียงเฉียบขาด อย่างไรหล่อนก็ต้องตามใจคนเป็นสามีอยู่แล้ว
“บอกให้นอนเตียงก็นอนเตียงสิ อย่าเถียงได้ไหม” ใช้สิทธิ์อย่างเต็มที่
เธอเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจอย่างจำยอม “ค่ะ” ตอบรับเสียงเบาค่อยเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบก่อนขึ้นมานั่งบนเตียงกว้างที่ไม่เคยขึ้นนอนมาก่อน อย่างมากก็แค่เปลี่ยนผ้าปูให้เขาสัปดาห์ล่ะสองครั้งเท่านั้น
เจ้าของห้องทอดกายนอนเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่หล่อนค่อยล้มตัวลงนอนเช่นเดียวกัน ห่มผ้าคลุมกายมิดชิด นอนมองเพดานกับลมหายใจติดขัดแทบไม่กล้าจะหายใจด้วยซ้ำ ลำตัวแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้กระทั่งได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังจนเธอสะดุ้งพร้อมเผลอกรีดร้องเสียงหลง
เปรี้ยง!
“ตกใจเหรอ” คนนอนข้างกันรีบถามแล้วแตะที่ไหล่บาง เธอมองหน้าเขาก่อนจะผงกศีรษะ
“ค่ะ”
“ขยับเข้ามาสิ” ขยับเข้ามากระซิบใกล้หูเพราะเสียงฝนที่ตกกระหน่ำดังกระทบหลังคาจนกลบเสียงดังของหัวใจหล่อนได้ เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่เคยใกล้ชิดกับใครเช่นนี้มาก่อน ครั้งที่พาเขามานอนที่ห้องก็ถอดชุดให้ชายหนุ่มโดยมีผ้าคลุมไว้ อีกทั้งเขายังเมาหลับสนิทไม่มีสติ
ต่างจากตอนนี้ที่สติของเราทั้งสองครบถ้วน จนเธอชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
“แต่ว่า...”
“ขยับเข้ามาเถอะน่าฉันไม่กัดเธอหรอก” เขาดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้จนแขนชนกัน หล่อนเผลอกลั้นหายใจทันทีก่อนจะตัดสินใจนอนหันหลังเพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญกับความอึดอัด อย่างน้อยการไม่เห็นหน้าก็อาจจะช่วยไม่ให้ตื่นเต้นมากไปกว่านี้
แต่เธอไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังคิดผิดมหันต์...
ซ่า
“ฝนตกแล้ว...” ร่างหนาขยับเข้ามาซ้อนหลังพร้อมแตะที่แขนของเธอในทันที กลิ่นหอมจากกายสาวทำให้เขาปั่นป่วนไปหมด พร้อมกับบรรยากาศที่เป็นใจในห้องนอนและเตียงของเรา จึงไม่อาจปล่อยเวลาให้ล่วงเลยโดยเปล่าประโยชน์
ไม่เพียงแค่เสียงที่กระซิบข้างหู แต่มือของเขาก็ล้วงเข้ามาในกางเกงนอนของหล่อนเช่นเดียวกัน นิ้วทั้งห้ากำลังทำหน้าที่ด้วยการสัมผัสกลีบดอกไม้งามที่มีเส้นอ่อนขนาดสั้นปกคลุมเอาไว้ เธอบิดกายเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร คล้ายจะบอกปัดแต่กลับมีเสียงครางแผ่วออกมาจากลำคอ
“พี่ พี่แสง” เรียกชื่อเขาเสียงเบาอย่างคนที่สติกำลังหลุดลอย ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้มาก่อน บรรยากาศก็แสนเป็นใจกับเสียงฟ้าที่ร้องดังระงมกลบเสียงครางที่ดังแผ่วเบาออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม มือหนาค่อยถอนออกจากกางเกงของเธอแม้จะล่วงล้ำเข้าไปไม่ถึงนาทีแต่นิ้วกลับมีน้ำขุ่นเปียกยิ้มไหลถึงฝ่ามือ
แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็มีความต้องการเหมือนกัน จนตัดสินใจพลิกกายแบบบางที่นอนตะแคงข้างให้กลับมานอนหงาย ตอนแรกเธอพยายามขืนตัวเอาไว้สุดท้ายก็ต้านแรงเขาไม่ไหว ลมหายใจหอบถี่เหมือนผ่านการวิ่งมาราธอนทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ
“เราเป็นผัวเมียกันนะ เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา” พูดจบก็ดึงกางเกงนอนของเธอออกพร้อมชั้นตัวล่าง เผยให้เห็นความสาวที่งดงาม กลีบดอกไม้ซึ่งน่าเอ็นดูในสายตาของเขา ยิ่งฟ้าผ่าลงทำให้ห้องสว่างชั่วคราว มองเห็นภาพของเธอได้ชัดขึ้น
เลิกเสื้อนอนลายการ์ตูนของหล่อนออก ถอดผ่านทางศีรษะโดยเจ้าตัวให้ความร่วมมือยกแขนขึ้นจึงหลุดออกจากร่างกายได้ง่าย เหลือเพียงเสื้อชั้นในที่ถูกปิดเอาไว้แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้สนใจ เลือกจะนั่งคร่อมหล่อนพร้อมตรึงสองแขนไว้เหนือศีรษะ
“อื้อ” จุมพิตที่ปากอวบอิ่มในทันที ดูดกลืนความสดใหม่ตรงหน้าไม่มีออมแรงเลยสักนิด ความหวานที่แผ่ซ่านไปทั่วริมฝีปาก สัมผัสดุดันอย่างไม่คุ้นเคย การแนบชิดที่เธอไม่รู้ว่าตนเองต้องทำอย่างไรต่อไป มีเพียงเขาที่นำทางแล้วจับจูงมือหล่อนให้ตามมา
ครอบครองจนพอใจจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ย้ายริมฝีปากลากมายังลาดไหล่บางก่อนวนเวียนที่เนินอกสล้างแล้วเอื้อมมือไปปลดตะขอชั้นในด้านหลังจนดอกบัวคู่สวยเป็นอิสระ รีบถอดเสื้อชั้นในของเธอออกแล้วขว้างลงพื้นทันที
บรรยากาศในห้องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทั้งที่เปิดพัดลมเอาไว้ เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างไม่ได้ทำให้พวกเขาสนใจสักนิด ชายหนุ่มยังลุ่มหลงไปกับเรือนร่างขาวเนียนของคนเป็นภรรยา อาการคล้ายคนเมาเพียงแค่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์
แต่กำลังจะลิ้มรสรักต่างหาก...
เมื่อร่างกายของเธอเปลือยเปล่า เขาเองก็รีบถอดเสื้อผ้าที่มีติดตัวเพียงแค่สองชิ้นคือเสื้อกับกางเกงออกทันที “พี่แสง...” เรียกชื่อของเขาแล้วเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย กล้ามแน่นกับหน้าท้องเป็นลอนและเรียวขาแกร่ง เผลอมองผ่านความเป็นชายที่ผงาดขึ้นมาก็หน้าร้อนผ่าว ไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะผ่านเข้ามาในกายของตนได้
“ฝน ฝนตกค่ะ” ไม่รู้จะเรียกเขาทำไม เพียงแค่อยากชวนคุยเพื่อไม่ให้เก้อเขินมากกว่านี้ ร่างสูงเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู เลียตามทรวงอกเนียนแล้วกัดที่ปทุมถันสีเข้มด้วยความหมั่นเขี้ยวสลับกับตวัดปลายลิ้นหยอกล้อ โดยมือก็โอบรอบฐานเต้าเอาไว้ ทำแบบนี้สลับกันทั้งสองข้างจนท่อนบนของเธอเปียกชื้นด้วยน้ำลายของเขา
“พี่...” พูดไม่ทันจบก็ถูกเขาเลื่อนกายมาปิดปากของเธอเอาไว้เสียก่อน เหมือนหล่อนกำลังขัดจังหวะความสุขของตัวเอง เสียงจึงหายเข้าไปในลำคออีกครั้ง
เพิ่งเคยมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มครั้งแรกจึงไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรวางมือไว้ตรงไหน นอกจากจับแขนล้ำเอาไว้พลางจิกเล็บลงไปเพื่อให้คลายความเสียวกระสันได้บ้าง รับรู้ถึงความแข็งขืนที่ดันหน้าขาของตัวเอง แล้วแปลกที่เธอนึกอยากโดนสอดใส่ ต้องการรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร
เจ็บเหมือนที่เคยอ่านในนิยายหรือเปล่า...
“เหมือนไฟจะดับเลย คืนนี้ฝนน่าจะตกหนัก” พัดลมหยุดทำงานเป็นที่เรียบร้อย ไฟในห้องน้ำที่เปิดไว้ก็ปิดลง เขาจึงพูดคุยกับเธอเพื่อให้หญิงสาวคลายความเครียด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ได้เครียดสักนิด แววตามีเพียงความปรารถนาที่ทำให้แสงอรุณนึกยิ้มกระหย่อง
การเล้าโลมของเขาสำเร็จผล ขั้นต่อไปก็แค่ทำตามสิ่งที่ควรจะเป็น เอื้อมไปหยิบถุงยางอนามัยที่ใส่ไว้ในกระเป๋ามาฉีกออก สวมด้วยความชำนาญเพื่อเป็นการป้องกัน ใช้นิ้วสอดเข้าไปในช่องทางอุ่นเพื่อให้มีน้ำล่อลื่น ยามเจอของจริงหล่อนจะได้ไม่เจ็บมากนัก
