๖ กินอิ่มทุกวันคืน 2
กลับมาถึงบ้านก็วางของไว้ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา จากนั้นจึงได้เข้าไปในครัวเพื่อเริ่มทำอาหารเย็นให้สามี อยากห้ามหล่อนแล้วชวนไปกินข้างนอกกลับโดนปฏิเสธบอกว่าราคาข้าวแพง สู้ทำกินเองไม่ได้ประหยัดกว่าเยอะ
หอมนวลพูดเช่นนี้คนเป็นสามีก็ไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร...จึงต้องยอมตามใจเธอ
“ฉันว่าเธอไม่ต้องไปทำงานที่ร้านซักผ้าหรอก ให้เขาหาคนอื่นแทนดีกว่า หรือถ้าอยากได้เงินเดี๋ยวฉันจะจ่ายเงินจ้างเธอเอง” ระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็นก็เริ่มเข้าเรื่องที่นอนคิดมาทั้งวันไม่อยากให้หล่อนต้องไปเหนื่อยทำงานข้างนอก ตัดสินใจบอกเธอด้วยเสียงเด็ดขาดแต่เหมือนว่าร่างบางจะไม่ยินยอม
“พี่ก็ไม่ค่อยมีเงินเหมือนกันเก็บเอาไว้เถอะ หอมดูแลตัวเองได้” แค่เงินห้าหมื่นที่ต้องหาคืนเขาก็ยังหาไม่ได้ ถ้าลาออกจากงานเธอไม่รู้จะหาเงินพิเศษเพิ่มจากทางไหน ที่สำคัญยามหล่อนลำบากก็มีป้าเจ้าของร้านให้ความช่วยเหลือ จึงไม่อยากทิ้งท่านเมื่อตัวเองสบาย
“ฉันบอกให้ลาออกก็ไปลาออก ไม่ต้องพูดเยอะแยะ...เมียคนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้” ตักข้าวเข้าปากด้วยความหงุดหงิดที่เธอไม่ยอมเชื่อฟังในครั้งเดียว ยังดูเหมือนจะต่อต้านอีกต่างหาก ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็ยื่นคำขาด
โดยคนฟังถึงกับนิ่งอึ้ง
เขายอมรับว่าเธอเป็นเมียแล้วเหรอ...
ปากอวบอิ่มยกยิ้มแล้วรีบเก็บสีหน้าเมื่อเขาเงยจากอาหารแล้วสบตาเธอ หัวใจเต้นรัวด้วยความสุข คนที่แอบรักมาตลอดที่คิดว่าคงไม่มีวันได้รับการยอมรับจากเขา บัดนี้กลับอยู่ในตำแหน่งภรรยาของแสงอรุณโดยฝ่ายชายเป็นคนพูดขึ้นมาเอง
รู้สึกดีเหลือเกิน...
“แต่หอมสงสารป้า...”
“เขาหาคนอื่นได้ คนตกงานมีเยอะแยะเธอจะไปแย่งงานเขาทำไม งานตัวเองก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ขัดหล่อนในทันที
ไม่รู้ว่าจะคิดเผื่อคนอื่นทำไม เห็นชัดเจนว่าหล่อนก็เหนื่อยในการทำงานไม่มีวันหยุดเหมือนกัน นอกจากงานประจำยังทำงานเสาร์อาทิตย์ ไหนจะรับจ้างเย็บผ้าช่วงเย็นหลังเลิกงานอีก แค่เห็นยังเหนื่อยแทนจึงคิดให้หยุดทุกอย่าง
มั่นใจในศักยภาพของตัวเองว่าสามารถเลี้ยงดูเธอไม่มีขาดตกบกพร่อง
“ค่ะ” สุดท้ายก็จำต้องยอมทำตามความต้องการของสามี ทำให้ใบหน้าคมแย้มยิ้มมีความสุข กินอาหารอร่อยมากกว่าเดิม เพียงแค่คิดว่าพรุ่งนี้เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็เบิกบานจนต้องหุบยิ้มเมื่อกลับมาได้สติ
ทำไมถึงมีความสุขเวลาอยู่กับหอมนวลล่ะ...
คงเป็นเพราะตนได้ทำความดีคือการยอมให้หล่อนชอบนั่นแหละ ไม่มีความรู้สึกอื่นใดมาเกี่ยวข้องเลยสักนิด
“ต่อจากนี้ฉันจะให้เงินเธอเดือนล่ะหมื่น ไม่ต้องหักค่าน้ำค่าไฟเพราะฉันจะจ่ายเอง” ตกลงเรื่องงานของเธอเสร็จก็พูดเรื่องเงินที่หล่อนกังวลนักหนา หอมนวลถึงกับชะงักแล้วส่ายหน้ารวดเร็วไม่ยินยอมเพราะจำนวนเงินค่อนข้างมาก
“ไม่ได้นะพี่แสง ถ้าพี่ให้หอมเยอะขนาดนั้นแล้วพี่จะเหลือใช้กี่บาท ไหนจะส่งให้พ่อแม่พี่อีก แล้วรถพี่ก็ผ่อนไม่หมดไม่ใช่เหรอ” ถึงกับงุนงงเพราะไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้ให้เธอฟัง อาจเป็นหญิงสาวที่คิดเองแล้วนึกว่าครอบครัวเขาต้องรอใช้เงินด้วย ทั้งที่ความจริงไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
ทั้งรถยนต์และบ้านหลังนี้เขาซื้อเป็นชื่อของตัวเองแล้ว บ้านก็เอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศก็ได้ยามเบื่อเมืองหลวง ราคาที่ขายก็ไม่แพงแทบไม่สะเทือนขนหน้าแข้ง
แต่เขาก็ไม่ได้หล่อนไปตามความจริง ก้มหน้ากินข้าวพลางตอบอย่างขอไปที ยังไม่ยอมบอกความจริงถึงสถานะของตัวเอง
“มีแล้วกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องของฉันหรอก เธอเก็บไว้ใช้เถอะ”
“มันเยอะ...” ยังคิดจะปฏิเสธเพราะจำนวนเงินที่เขาบอกไม่น้อยเลย แววตาเต็มไปด้วยความลำบากใจ เขาเห็นดังนั้นก็ย้ำหนักไม่ให้เธอคิดมาก
“บอกให้ใช้ก็ใช้ไป ต่อจากนี้เราจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว” หล่อนยังคงมีข้อกังขาแต่เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนั้นจึงจำต้องพยักหน้าไปตามน้ำ
“ค่ะ”
แต่อย่างไรก็คิดจะช่วยชายหนุ่มประหยัดเงิน หนึ่งหมื่นบาทที่เขาให้จะต้องไม่สูญเปล่า ทั้งคิดจะเก็บเป็นเงินสำรองของเราสองคน คาดหวังอนาคตข้างหน้าที่มีแสงอรุณอยู่ข้างกัน ภาพที่หวังทำให้หัวใจของหญิงสาวพองโต
แค่ได้กินข้าวกับเขาทุกมื้อไปอีกนานแสนนานก็พอแล้ว...
เมื่อสามีไม่ยอมให้ไปทำงานเธอจึงไปลาออกกับเจ้าของร้าน ขอโทษขอโพยหลายต่อหลายรอบที่ออกกลางคัน แต่นางก็ไม่ได้โกรธสักนิดเพียงแค่หวังว่าจะมาเยี่ยมเยือนกันบ้างเท่านั้น เธอรับคำในทันทีแล้วค่อยกลับมาบ้านเพื่อทำงานเย็บผ้า
ระหว่างนั้นได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานให้มายังบ้านของนายอำเภอเพื่อช่วยจัดแปลงผัก เธอจึงได้รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาคมของสามีมองตามตลอดด้วยความหงุดหงิด เหมือนหล่อนจะงานรัดตัวเหลือเกิน
“เอาผักมาจากไหน” เดินเขย่งออกมานอกบ้านเมื่อพบว่าภรรยาถึงบ้านนานแล้วแต่ยังไม่เข้ามาข้างในสักที ก่อนพบว่าเธอกำลังเตรียมพื้นที่หลังบ้านให้กลายเป็นสวนผักขนาดย่อม เปลี่ยนหน้าดินที่มีหญ้าขึ้นให้เป็นแปลงผัก ทำทุกอย่างด้วยเวลาอันรวดเร็วเพราะเคยทำจนชิน
“บ้านนายค่ะ มีกำนันเอามาให้แล้วมันเหลือนายก็เลยบอกให้หอมเอากลับมาปลูกที่บ้าน พอดีเลยว่าจะสร้างแปลงผักไว้ทำกับข้าวกิน” ได้ผักกลับมาหลายกระถางขนแทบไม่หมดแต่ด้วยความโลภก็เอามาให้เยอะที่สุด
“เอาสิ” เขาพยักหน้ารับทราบพร้อมสนับสนุนหล่อนเต็มที่ไม่เห็นว่ามีตรงไหนเสียหาย ถือเป็นการประหยัดไปในตัวด้วยซ้ำ
“พี่อนุญาตเหรอ” ถามเสียงหลงแววตาวาว ทำเอาเขาถึงกับกลั้วหัวเราะไม่คิดว่าหล่อนจะตื่นเต้น เล่นทำแปลงผักเสร็จไปกว่าครึ่ง หากเขาบอกว่าไม่อนุญาตหล่อนจะกลบดินให้คืนสภาพเดิมหรืออย่างไร
“อือ อยากทำก็ทำเลย” รอยยิ้มกว้างของเธอทำให้เขาตาพร่าไปชั่วขณะ หัวใจเต้นรัวคล้ายโลกหยุดหมุนจนต้องกระพริบตาพร้อมสะบัดศีรษะเล็กน้อยไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป กระแอมก่อนผินหน้ามองทางอื่น
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่มองว่ารอยยิ้มนั้นงดงามเหมือนดอกไม้เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ...
“งั้นหอมขอไปซื้อของก่อนนะแล้วจะรีบกลับ” ร่างสูงพยักหน้าแล้วรีบเดินเขย่งเข้าบ้านรวดเร็ว ไม่กล้ายืนอยู่ตรงนั้นให้หัวใจเต้นแรงจนเธอได้ยินอีกต่อไป
นั่งลงบนโซฟาพลางยกมือทาบอก รับรู้ได้ถึงอัตราการเต้นที่รุนแรงจนต้องหยิบน้ำมาดื่ม รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเพียงแค่ไม่อยากเชื่อเท่านั้นว่ามันจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงแสนธรรมดาที่หลอกลวงให้เขาแต่งงานด้วย ใช้แผนสกปรกกักขังตนไว้ด้วยทะเบียนสมรส
คนเช่นนี้คู่ควรให้รักแล้วเหรอ...
ไม่มีทางที่เขาจะรักหล่อนเป็นอันขาด!
หนึ่งวันผ่านไปกับการที่เธอเนรมิตลานกว้างหลังบานให้กลายเป็นแปลงผักขนาดย่อม เขาอยากเข้าไปช่วยเหลือกลับถูกไล่ให้มาพักผ่อนในบ้านเพราะขายังไม่หายดี สุดท้ายทำได้แค่นั่งให้กำลังใจและหาน้ำเย็นให้หล่อนดื่ม
รับประทานอาหารจนอิ่มก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย ลมพัดแรงฟ้าเริ่มร้องคาดว่าคืนนี้ฝนน่าจะตกหนัก เมื่อตรวจตรารอบบ้านเรียบร้อยก็ขึ้นมาบนห้องแล้วปูที่นอนข้างเตียงเขาเหมือนเดิม กำลังจะล้มตัวลงนอนก็แอบบ่นกับคนที่เดินออกจากห้องน้ำ
“เฮ้อ ทำสวนทั้งวันปวดตัวไปหมด...พี่ไม่เจ็บเท้าแล้วใช่ไหม” ถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่าสามีเดินได้เหมือนปกติ ไม่เขย่งเท้าเหมือนทุกครั้ง
