๕ ความจริงใจของเธอ 4
“มองอะไรพี่ ผมเห็นมองประตูมาหลายรอบแล้วนะ”
มาทำงานทั้งที่ยังใส่เฝือกที่ขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกพื้นที่เหมือนคนอื่น เขาถึงต้องอยู่เฝ้าห้องเพียงลำพังโดยมีคนเดินผ่านตลอดเวลาเพื่อไปยังห้องของสรรพกรที่อยู่ติดกัน
ความเบื่อหน่ายบังเกิดไม่รู้จะทำอะไร ยิ่งใกล้เที่ยงสายตาก็วนเวียนอยู่ที่ประตูทางเข้าบ่อยครั้ง จนหน่อยที่อยู่ด้วยกันนึกสงสัย ลุกจากเก้าอี้ของตนแล้วมายืนอยู่ข้างโต๊ะของพี่ชายที่เคารพรักเป็นอย่างยิ่ง
“เปล่า...มองไปเรื่อย” รีบหันกลับมาสนใจงานตรงหน้า แต่ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หันกลับไปมองประตูทางเข้าอีกรอบ ยิ่งเวลาเดินผ่านไปเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งหวังให้ใครบางคนผ่านประตูเข้ามา
กว่าจะถึงพักเที่ยงทำไมมันถึงนานขนาดนี้ก็ไม่รู้...
“ออกพื้นที่ไมได้แล้วเหงาเหรอครับ” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแสงอรุณ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุการณ์ก็ดูจะแปลกไป ดูจะติดบ้านและหวงบ้านไม่ยอมให้เข้าไปเยี่ยมด้วยซ้ำ อาการแบบนี้ทำให้คนอายุน้อยกว่ายิ่งสงสัย
แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ มีภรรยาคนสวยคอยดูแลข้างกายใครจะอยากให้ไปขัดจังหวะกันล่ะ
“อือ นิดหน่อย” ถอนหายใจไม่ค่อยอยากตอบ
กระทั่งเห็นหญิงสาวเดินถือปิ่นโตเข้ามาในห้องทำงานของตน ริมฝีปากยกยิ้มก่อนรีบหุบให้เป็นเส้นตรง กลัวหน่อยจะมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ทั้งที่ใจลิงโลดยามได้พบหน้าภรรยา เขาบอกตัวเองว่าดีใจที่จะได้กินข้าวเที่ยงเท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับหอมนวลสักนิด
“ข้าวเที่ยงมาแล้วค่ะ” เดินมายังโต๊ะทำงานของเขา วางปิ่นโตห้าชั้นไว้ตรงหน้าแสงอรุณ ก่อนหันมามองหน่อยที่เอ่ยล้อเลียนรุ่นพี่
“อาหารมาเสิร์ฟถึงที่ น่าอิจฉาคนเจ็บจังเลยเว้ย” เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายชะเง้อคอยใคร
ที่แท้ก็กำลังรออาหารเที่ยงจากภรรยานี่เอง แล้วตอนแรกปากแข็งบอกไม่ได้ชอบ ตอนนี้ใครกันมองใบหน้าหวานไม่คลาดสายตา เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้คนปากเก่งเหลือเกิน
“กินด้วยกันไหม พี่ทำมาเผื่อด้วยนะ”
ทำมาเยอะกว่าปกติเพราะคิดว่าอาจมีคนอยากกินด้วย แล้วหน่อยก็เตรียมพร้อมรับคำแล้วก็ต้องกลับลำเมื่อมีคนคอยขวางเอาไว้
“กิน...”
“มึงจะไปกินร้านพี่ปูไม่ใช่เหรอ รีบไปสิ” เอ่ยขัดรวดเร็ว ทำเอาคนอายุน้อยกว่าถึงกับเผยอปากค้าง แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มรู้ทันรุ่นพี่
“กินตามสบายเลยครับ ผมขอไปกินร้านพี่ปูเจ้าประจำดีกว่า เชิญสามีภรรยาสวีทกันได้เต็มที่เลยนะ”
ผายมือพร้อมเดินออกไปกินข้าวที่ร้านตามสั่งใกล้ที่ว่าการอำเภอ ทั้งห้องจึงเหลือเพียงพวกเขาแค่สองคน
เธอเริ่มนำอาหารออกมาวางไว้ ยกข้าวไปตรงหน้าเขาแล้วหยิบถุงของหวานออกมาเช่นเดียวกัน ไม่รู้ชายหนุ่มชอบกินอะไรจึงทำมาเยอะหน่อย เขาเห็นก็ตาลุกวาวท้องร้องทันทีทั้งที่เมื่อกี้ยังรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหาร
“ทำมาสามอย่างเลยเหรอ”
“ค่ะ พี่ลองกินดูว่าจะถูกปากหรือเปล่า มีของหวานเป็นกล้วยบวชชี เห็นว่ากล้วยหลังบ้านสุกแล้วหอมเลยไปเอามาทำเป็นของหวานวะเลย กะจะทำกล้วยตากด้วย เผื่อเอามาแจกพี่ที่ทำงาน เรากินสองคนคงไม่หมดหรอก” พูดเจื้อยแจ้วแล้วเขาก็นั่งฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม แทบจะไม่สนใจอาหารด้วยซ้ำ
“เธอ...ขยันดีนะ” คนฟังชะงักไปครู่หนึ่ง
“แค่ทำจนชินไปแล้วน่ะค่ะ”
เขาพยักหน้าเมื่อฟังคำตอบของเธอ ค่อยพึมพำเสียงเบากับตัวเองระหว่างตักข้าวเข้าปาก
“ดูเหมือนว่าฉันอาจจะมองเธอผิดไป คงต้องมองใหม่แล้วล่ะ...”
ไม่อาจตัดสินหอมนวลทั้งที่มองเพียงแค่ด้านเดียว...
