๕ ความจริงใจของเธอ 3
การใช้ชีวิตโดยที่มีเฝือกหนาติดขาทำให้เขาเคลื่อนตัวค่อนข้างลำบากพอสมควร ยิ่งใช้ไม้ค้ำยันยิ่งเดินไม่ถนัดมากกว่าเดิมจึงพยายามใช้ขาเพียงข้างเดียวเขย่งไปข้างหน้า
แสงอรุณไปทำงานช่วงเช้าก่อนจะโดนไล่กลับให้มาพักผ่อนในช่วงบ่าย กินยาที่หมอให้ก็รู้สึกง่วงนอนจึงหลับอยู่บนเตียงนุ่มกระทั่งถึงเวลาเย็น เดินลงบันไดเพื่อมารับประทานอาหารแล้วค่อยกลับขึ้นมาบนห้องเหมือนเดิม
การอาบน้ำไม่ได้ลำบากมากนัก ชายหนุ่มนำเก้าอี้สองตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วย ใช้นั่งหนึ่งตัวและวางขายอีกหนึ่งตัวเพื่อไม่ให้เฝือกสัมผัสโดนน้ำ สัปดาห์หน้าหมอนัดไปตรวจและสามารถเอาเฝือกแข็งออกจากขาได้ทำให้เขาเฝ้ารอวันนั้น
“โอ๊ย” เสียงร้องดังขึ้นทำให้คนที่พึ่งขึ้นมาชั้นสองต้องรีบเปิดประตูเข้ามาในห้องของสามีอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานแตกตื่นแล้วรีบเข้ามาช่วยประคองคนที่ล้มลงบนพื้น
ยังดีที่ไม่ได้ล้มแรงมากนักอีกทั้งขาก็ไม่ได้เจ็บหรือปวดตรงไหน แขนหนาถูกพยุงขึ้นให้มานั่งบนเตียง สำรวจไปทั่วร่างกายกำยำแล้วถามเพื่อความแน่ใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่แสง” แววตาของหล่อนเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนเขาเผลอมองนิ่ง
“แค่ลื่นน้ำ ไม่เป็นอะไรหรอก”
ไม่ได้เช็ดเท้าให้ดีก่อนออกจากห้องน้ำจึงได้ลื่น นึกหงุดหงิดกับเฝือกที่ทำให้เขาเคลื่อนไหวตัวลำบาก แต่เมื่อเห็นเธอเข้ามาประคองอย่างความใกล้ชิดกลับไม่ได้รู้สึกว่าเฝือกแข็งเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
“เจ็บไหม”
เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงบนเตียงเธอก็ยืนนิ่งเพื่อสำรวจไปทั่วร่างกายของเขา
“ไม่” ใส่หน้าเชื่องช้าค่อยตอบตามความจริง
หล่อนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของอีกฝ่าย หยิบผ้าห่มกับหมอนออกมาโดยไม่มีคำถามใดหลุดออกจากปาก เป็นเจ้าของห้องที่ไม่อาจทนความสงสัยไหวจึงได้รีบถาม กลัวหล่อนให้เขานอนบนพื้นแทนการนอนเตียง
“เธอจะทำอะไรน่ะ”
“หอมจะปูผ้านอนบนพื้น เผื่อกลางดึกพี่อยากลุกเข้าห้องน้ำหอมจะได้ช่วยประคองไงคะ...พี่จะเอาอะไรไหม” ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าที่เฉยเมยก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง ไม่คิดว่าหล่อนจะอาสานอนเป็นเพื่อน
ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนี้เหมือนระยะห่างของเราย่นลง จนเกิดเป็นความใกล้ชิดที่เขารู้ดีว่าตัวเองมีความสุขมากแค่ไหน
หล่อนจัดการปิดไฟและสำรวจไปทั่วบ้านชั้นล่างแล้ว จึงได้เดินขึ้นมาข้างบนเตรียมตัวจะเข้านอน ถามเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ไม่ นอนเถอะ” ร่างหนาส่ายหน้าแล้วบอกให้เธอพักผ่อน นอกจากทำงานหลักยังต้องหางานพิเศษทำอีก กลับมาก็ต้องดูแลสามีซึ่งไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้เต็มที่
นึกแล้วก็สงสารจนไม่อยากรบกวน
“ค่ะ” ได้ยินอย่างนั้นก็ลุกไปล็อคประตูและปิดไฟเป็นที่เรียบร้อย
เดินกลับมานอนยังที่นอนข้างเตียง ห่มผ้าแล้วล้มตัวหนุนหมอนนุ่มก่อนหลับในเวลาต่อมา ต่างจากเขาที่นอนมองเพดานอยู่ซักพัก คิดจะชวนเธอคุยแต่พอหันมองกลับพบว่าหญิงสาวเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
“หลับเร็วชะมัด...” เพิ่มความเสียงเบาแล้วนอนตะแคงข้างหันมามองคนตัวเล็ก อาจจะเห็นเธอไม่ค่อยชัดเพราะความมืดในห้องนอน แต่ก็เพลงมองจนสามารถเห็นหญิงสาวได้ถนัดตา
เธอไม่ใช่คนสวยตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง แต่กลับมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ ยามได้อยู่ใกล้ จนตอนนี้เหมือนว่าหัวใจของตนจะไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
การตกหลุมรักมันก็ง่ายเช่นนี้แหละ…
ปากหยักยกยิ้มแล้วค่อยหลับตาลง ความอบอุ่นโอบล้อมไปทั่วหัวใจแข็งกระด้าง
“อือ...” เสียงเปิดประตูทำให้คนที่หลับสนิทค่อยรู้สึกตัวตื่น มองเพดานคุ้นเคยแล้วหันหน้ามาตามเสียง พบภรรยาที่สวมเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปทำงาน กลิ่นกายหอมกรุ่นทำให้รู้ว่าเธออาบน้ำเรียบร้อย
สายแล้วหรอ…
หันไปดูนาฬิกาที่วางไว้ข้างหัวเตียงก็พบว่าเพิ่งเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า แล้วทำไมหญิงสาวจึงได้ทำทุกอย่างเสร็จรวดเร็วเช่นนี้
“อาหารเช้าเสร็จแล้วนะ พี่จะเข้าห้องน้ำเลยหรือเปล่า” รีบเดินมาช่วยพยุงเขาให้ลุกนั่ง ค่อยถามด้วยความใส่ใจ
“ตื่นตอนไหน” ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหญิงสาวตื่นแล้ว หรือเขานอนหลับสนิทมากเกินไปจึงไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง
“ตีห้าค่ะ หอมรีดชุดไว้ให้พี่แล้ว จะเอาอะไรอีกไหม” เขายังคงไปทำงานเหมือนเดิมในวันนี้ ไม่อยากหยุดงานนานอีกทั้งขาข้างที่ใส่เฝือกก็สามารถลงน้ำหนักได้บ้างแล้ว
“ไม่” กำลังจะลงจากเตียงแต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะลงไม่ถนัด
“เดี๋ยวหอมช่วย” เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบเข้ามาประคองทันที แสงอรุณเหลือบมองภรรยาแล้วยอมวาดแขนโอบรอบไหล่บาง ทิ้งน้ำหนักที่เธอโดยเฉพาะ
“อ่ะ” เดือนยังไม่ทันถึงห้องน้ำเขาก็เอนกายเข้ามาหาหล่อน พร้อมทั้งจุมพิตที่แก้มนุ่มเล่นเอาหญิงสาวเบิกตาค้างด้วยความตกตะลึง สัมผัสเมื่อครู่มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
ฟอด
“ขอโทษ ขามันอ่อน” คนเจ้าเล่ห์พูดอย่างขอไปที ขณะที่เธอเองก็หน้าแดงเถือกไม่กล้าพูดอะไรมากนัก นอกจากเอ่ยอย่างไม่ถือสาด้วยน้ำเสียงสั่น
“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ” พูดจบก็รีบพาเขาเข้าไปในห้องน้ำ จังหวะที่กำลังจะเดินออกมากลับถูกเขาจับมือแล้วรั้งไว้ หญิงสาวถึงกับรีบขืนตัวไม่อยากเข้าใกล้ชายหนุ่มมากกว่านี้ ดวงตากลมคล้ายหวาดกลัวไม่พยายามเว้นระยะห่างของเราเอาไว้
เขาแปลกไปจากทุกครั้ง ดวงตาคมดูพราวระยับเหมือนมีหมู่ดาวลอยเคว้งอยู่ในนั้น ซึ่งสำหรับเธอมันดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“เมื่อวานฉันคุยกับพุ แล้วพุก็บอกว่าเธอไม่เคยมีแฟนไม่เคยชอบใคร...แต่ชอบฉัน” ย้ำหนักในท้ายประโยคจนเธอทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าหลานชายไปพูดอะไรให้ชายหนุ่มฟังเขาถึงได้มาคาดคั้นเอากับหล่อน แต่เรื่องนี้น้ำพุจะรู้ได้ยังไง
ในเมื่อตนไม่เคยบอกใครเลยสักคน เก็บความรักเอาไว้ในใจมาโดยตลอด
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่คิดจะบอกความจริงกับอีกฝ่าย ทั้งยังเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร พยายามแกะมือหนาออกจากแขนของตนก็ไม่เป็นผลเพราะเขาจับแน่นเหลือเกิน
“จริงเหรอ” เธอไม่ยอมตอบจึงโน้มหน้าเข้ามาใกล้เพื่อสบดวงตากลม อยากรู้ว่าหญิงสาวจะตอบอย่างไร แล้วเธอก็เลือกหลบตาพร้อมเอ่ยสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจของตัวเอง
“ไม่...”
“ฉันจับโกหกเก่งนะ”
ยิ่งเขาเข้ามาใกล้เท่าไหร่ หัวใจเธอก็ทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น มันเต้นแรงจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน จึงตัดสินใจจิกที่แขนหนาจนเขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บ จนยอมปล่อยเธอเป็นอิสระในที่สุด
“หอมยังทำอาหารไม่เสร็จ ขอลงไปทำอาหารก่อนนะคะ”
แทบจะวิ่งออกจากห้องของแสงอรุณด้วยซ้ำ เขามองตามหลังเธอแล้วหัวเราะออกมา นึกสนุกกับการได้แกล้งภรรยาและพอจะรู้ว่าคำพูดของเด็กก็น่าเชื่อถือเหมือนกัน
“พิรุธสุดๆ”
เธอคงแอบชอบเขาจริงๆ สินะ
ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องตอบแทนความรักครั้งนี้สักหน่อย แม้ว่ามันอาจจะเป็นรักข้างเดียว
เพราะคนอย่างแสงอรุณไม่ได้ชอบใครง่ายๆ อยู่แล้ว...
