๕ ความจริงใจของเธอ 1
๕
ความจริงใจของเธอ
ตื่นแต่เช้าแล้วรีบลงมาข้างล่างเพื่อดูว่าเขาเป็นอย่างไร กลับพบเพียงความว่างเปล่าสร้างความตกใจแก่หอมนวลเป็นอย่างมาก เธอรีบขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับค่อยหมุนกลอนประตูห้องนอนของสามี เปิดเข้าไปเสียงเบาแล้วพบชายหนุ่มที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง
พรูลมหายใจด้วยความโล่งอกตอนแรกนึกว่าเขาจะหนีออกไปข้างนอกซะอีก เห็นดังนั้นจึงไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของชายหนุ่ม ค่อยปิดประตูเสียงเบาแล้วลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับสองหนุ่มต่างวัย
ยังไม่รู้ว่าแสงอรุณชอบทานอาหารอะไรแต่เธอก็ทำเมนูไว้หลากหลายสำหรับเขาโดยเฉพาะ ส่วนหลานชายเลือกจะทำทอดหมูให้เหมือนเดิม
เพียงแค่ได้กลิ่นหอมของอาหารเด็กชายตัวน้อยก็เดินลงบันไดเข้ามาหาคุณน้าทันที เธอจัดเตรียมอาหารสำหรับน้ำพุเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งเมนูของสามีก็เช่นเดียวกัน กำลังจะขึ้นไปตามเขาบนบ้านแต่ชายหนุ่มก็เดินลงมาเสียก่อน
ไม่รอช้ารีบเข้าไปพยุงแสงอรุณทันที กลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะตกบันได ทั้งยังใช้โอกาสนี้สอบถามเขา
“เมื่อคืนพี่ขึ้นไปนอนบนบ้านเหรอ ขึ้นข้างบนได้เหรอคะ” อุตส่าห์จัดที่นอนชั้นล่างให้เพื่อความสะดวก ไม่ต้องเดินขึ้นลงให้ลำบากไม่รู้เหตุใดเขาจึงได้ขึ้นไปนอนบนบ้าน ขายังมีเฝือกน่าจะลำบากในการขึ้นลงพอสมควร
“มันก็ดีกว่านอนข้างล่างที่โคตรจะโล่งนั่นแหละ บันไดไม่กี่ขั้นฉันขึ้นได้อยู่แล้ว” ไม่ได้ผลักไสหล่อนเหมือนอย่างเคย ทั้งยังเอนกายเข้าไปใกล้หอมนวลอีกต่างหาก
เขาลองนอนข้างล่างดูแล้วแต่ไม่อาจหลับตาลง นอกจากพื้นที่โล่งแล้วยังมีเสียงจิ้งหรีดร้องดังระงม ทำให้นึกหวาดกลัวจนต้องขึ้นไปชั้นบน ค่อยก้าวอย่างระมัดระวังโดยไม่ได้ใช้ไม้ค้ำยัน
ส่วนตอนนี้ดีหน่อยที่มีภรรยาช่วยพยุงระหว่างเดินมายังโต๊ะอาหาร เมนูหลากหลายชวนน้ำลายสอ เริ่มลงมือรับประทานอาหารเพราะความหิวอีกทั้งยังต้องกินยาตามหมอสั่ง เรื่องของเขาดังไปทั่วอำเภอความจริงพรุ่งนี้ก็สามารถหยุดงานได้ เพียงแค่ชายหนุ่มคิดว่าตนไม่ได้เจ็บปวดมากนักจึงตัดสินใจไปทำงานเหมือนเดิม
ปากอวบอิ่มยกยิ้มมีความสุขเมื่อเห็นว่าแสงอรุณรับประทานอาหารที่เธอทำจนหมดจาน นอกจากนั้นยังขอเพิ่มอีกต่างหาก เธอยิ้มแก้มปริแล้วกินข้าวในส่วนของตนเอง
การรับประทานอาหารมื้อนี้ทำให้หัวใจของเธอพองโต มีชายผู้เป็นที่รักถึงสองคนคือหลานชาย และสามีนั่นเอง
“เติมข้าวให้หน่อย” ตนลุกไม่ถนัดจึงไหว้วานหอมนวล
“น้าแสงกินหมูด้วยไหม อร่อยนะ” เด็กชายที่อร่อยกับอาหารของตัวเองยังคงแบ่งปันให้คนข้างกาย ยื่นหมูทอดชิ้นโปรดไปตรงหน้าน้าชายที่เพิ่งคืนดีกันได้ไม่นาน
“กินแล้ว ก็อร่อยดี” ไม่อยากแย่งเด็กน้อยจึงต่อไปอย่างนั้น พร้อมทั้งยิ้มด้วยความเอ็นดูน้ำพุ ความโกรธจางหายไปเมื่ออีกฝ่ายรู้ถึงความผิดของตัวเอง
เมื่อคืนขึ้นไปบนห้องจึงพบว่าหุ่นยนต์ที่กองระเนระนาดอยู่บนพื้นถูกจัดกลับมาวางไว้อย่างเป็นระเบียบ บางตัวก็อยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม บางตัวก็พังไม่สามารถซ่อมกลับให้เหมือนเก่าได้
คงเป็นหอมนวลที่เข้ามาจัดการเก็บกวาดในห้องของเขา จนกลับมาสะอาดเหมือนไม่เคยมีเรื่องเกิดขึ้น
“พี่แสง คือวันนี้หอมต้องไปทำงานที่ร้านซักรีดเลยจะฝากพุไว้กับพี่ได้ไหม เดี๋ยวตอนบ่ายหอมจะรีบกลับ” ล้างจานชามเรียบร้อยก็หันมาถามคนตัวสูงและอธิบายถึงความจำเป็นของตัวเองให้ชายหนุ่มฟัง ทั้งยังมองนาฬิกากลัวว่าตัวเองจะไปสาย
“ไปทำงานทำไม” วันนี้เป็นวันหยุดแล้วทางอำเภอก็ไม่มีงานด่วน ตอนแรกคิดว่าเป็นข้ออ้างของหล่อนด้วยซ้ำจึงต้องไล่ต้อนถาม มองตามคนตัวเล็กกว่าซึ่งวิ่งไปหยิบกระเป๋ามาสะพาย ใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้วเธอยังไม่ออกจากบ้าน
เมื่อคืนนอนดึกจึงตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย ตอนนี้ก็รู้สึกง่วงนิดหน่อยแต่ไม่อยากลางาน เห็นว่าเขาพอช่วยเหลือตัวเองได้จึงเบาใจไปเปราะหนึ่ง ทั้งยังต้องฝากหลานชายให้แสงอรุณดูแลก่อนที่พี่สาวจะมารับลูกตอนเย็น
“หาเงินพิเศษค่ะ” ไม่ได้อธิบายหรือขยายความ เป็นเขาเองที่ต้องการทราบเรื่องของเธอทั้งที่ปกติก็ไม่คิดจะพูดดีกับหญิงสาวเลยสักครั้ง
คราวนี้เห็นถึงน้ำใจของหล่อนจึงได้ถาม จ้องดวงหน้าหวานไม่ละสายตาจนเธอต้องยืนนิ่งเพื่อพูดให้เขาได้ฟัง
“เงินไม่พอใช้เหรอ” เงินเดือนของเธอใช่ว่าจะมากแต่ก็น่าจะพอใช้หากประหยัดสักหน่อยไม่ใช่เหรอ
หรือหญิงสาวเป็นคนใช้เงินมือเติบ แต่เท่าที่อยู่ด้วยกันเกือบสามสัปดาห์ไม่เห็นว่าหล่อนจะใช้เงินเก่ง อาหารก็ซื้อวัตถุดิบมาทำเอง เสื้อผ้าก็ใส่ซ้ำอยู่ไม่กี่ตัว กระเป๋ามีสองใบและรองเท้าแค่สามคู่เท่านั้น เป็นคนใช้เงินน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ
คงเพราะมีกรอบการเงินคอยบังคับไว้ เธอจึงไม่สามารถใช้เงินได้ตามใจตัวเอง ต่างจากเขาผู้มีเงินเหลือกินเหลือใช้จนไปตัดสินคนอื่น...
“ก็ทำจนสนิทกับเจ้าของร้านไปแล้วน่ะค่ะ ถ้าออกก็เกรงใจแก...”
ตอนที่เธอไม่มีเงินก็หยิบยืมคุณป้าเจ้าของร้าน สำนึกในบุญคุณจึงไม่อยากทิ้งท่าน แต่ยังพูดไม่ทันจบก็เป็นฝ่ายอึ้งกับประโยคของสามีที่ไม่คิดว่าจะได้ยินออกจากปากเขา
เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ
รถล้มจนสมองของแสงอรุณกระทบกระเทือนหรือเปล่า ปกติจะด่าเธอไม่ใช่หรือไง มาแนวอบอุ่นไม่ค่อยชินเท่าไหร่เลย
“เงินไม่พอใช้ก็บอกสิ ฉันมีเงินให้ตลอดนั่นแหละ”
ถึงเขาจะพูดเช่นนั้นหล่อนก็รู้ดีว่าเงินเดือนของอีกฝ่ายไม่ได้เยอะ ไหนจะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านแล้วยังค่างวดรถยนต์อีกต่างหาก ค่าน้ำค่าไฟค่าอาหารก็เป็นชายหนุ่มที่จัดการทุกอย่าง แล้วเธอจะกล้ารบกวนเขาได้อย่างไร
“หอมเกรงใจ” ไม่ต่างจากที่คาดเอาไว้เท่าไหร่
ไม่รู้ทำไมผ่านไปแค่ข้ามคืนกลับมองเธอดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ภาพที่หญิงสาวนั่งอุ้มหลานรอเขาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินทำให้คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตายเกิดความอ่อนไหว ถ้าไม่มีหล่อนก็คงโทรบอกครอบครัวแล้ว เขาไม่ได้เข้มแข็งพอจะอยู่คนเดียวในตอนที่ตัวเองเจ็บปวด
แต่เพราะมีเธอจึงผ่านความเหงาและเปล่าเปลี่ยวมาได้...
“พุอยากได้เงิน”
หลานชายที่นั่งอยู่ข้างกันเอ่ยขึ้นทันที เขาได้ยินก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาพลางยื่นแบงค์สีแดงให้เด็กน้อย เล่นเอาเธอถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อยากห้ามหลานเอาไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“เอาไปซื้อขนม” น้ำพุรีบยกมือไหว้แล้วเก็บเข้ากระเป๋ารวดเร็ว พร้อมเอ่ยชมน้าเขยเสียงสดใสอีกต่างหากทำเอาเขายิ้มแก้มปริ
“ขอบคุณคับ! น้าแสงหล่อที่สุด”
เธอเริ่มมองมิตรภาพของหนุ่มต่างวัยด้วยความสับสน เมื่อวานเด็กน้อยยังมองแสงอรุณด้วยแววตาหวาดระแวงอยู่เลย บัดนี้กลับเปลี่ยนไปราวคนละคน ไม่รู้ไปสร้างสัมพันธ์ฉันน้าหลานกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“พูดดี...ไปทำงานเถอะเดี๋ยวฉันเลี้ยงพุให้เอง” เขารับปากโดยดี
เธอเห็นว่าจะสายแล้วจึงพยักหน้า หยิบรองเท้าผ้าใบมาสวมเอาไว้พร้อมบอกลาสองหนุ่มต่างวัยที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี คิดว่าเขาคงออกไปไหนไม่ได้เพราะขาใส่เฝือกเอาไว้แค่เดินยังลำบาก อย่างน้อยมีน้ำพุอยู่ด้วยจะได้อำนวยความสะดวก
“งั้นหอมไปก่อนนะคะ น้าจะรีบกลับนะ”
“บ๊ายบายคับ” โบกมือลาหอมนวลแล้วหันมาสนใจคนที่นั่งข้างกัน
ขณะที่เขายังคงมองตามเธอแล้วนึกสงสัย ไม่ค่อยรู้เรื่องของหญิงสาวมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เจอกันก็ไม่ค่อยพูดดีกับอีกฝ่าย เพิ่งมาสังเกตตอนนี้เองว่าเธอไม่เคยคุยเรื่องเงินกับเขาอย่างจริงจังสักครั้ง ไม่เคยขอเงินด้วยซ้ำแล้วยังช่วยดูแลอาหารการกิน ไหนจะดูแลบ้านให้ดูเป็นมากกว่าตอนที่เขาอยู่คนเดียว
ที่นอนหอมสะอาด เสื้อผ้าก็ซักรีดพับไว้ในตู้อย่างดี เพิ่งตระหนักตอนนี้เองว่าการเข้ามาของหล่อนทำให้เขาสะดวกสบายมากเพียงใด
