๔ ช่องว่างของเรา 2
“กูต้องรู้จักทุกคนไหม” ถามกลับอย่างอารมณ์เสีย พอได้ยินว่ามีผู้ชายมาติดพันกับเมียของตัวเองก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาซะอย่างนั้น
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องในอดีตเขาก็ไม่ชอบใจ
“นั่นแหละ เสี่ยอาธรเขาจองพี่หอมไว้เลยไม่มีใครกล้ายุ่ง” คนที่รู้เรื่องดีเพราะว่าแม่เป็นตัวกระจายข่าวประจำหมู่บ้านเล่าให้ฟัง จึงได้บอกต่อกับเจ้านายของตัวเอง
“ถ้าชอบทำไมไม่สู่ขอเลย ต้องมาจองไว้ทำไม” ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสัยจนอยากรู้เรื่องทั้งหมด ดูจากฐานะของเสี่ยอาธรแล้วเลี้ยงเธอได้สบายไปทั้งชาติ เหตุใดหญิงสาวจึงไม่ยอมตกล่องปล่องชิ้นกับคนรวยแล้วกลายเป็นมาจับเขาแทน
แสงอรุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตนเองตั้งใจฟังเรื่องของภรรยามากแค่ไหน ในมือถือแก้วเหล้าเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ดื่มอีกเลย เอาแต่มองหน้าหน่อยเพื่อเป็นการบังคับให้เราทุกอย่าง
“พี่หอมไม่ยอม แล้วเสี่ยก็มีเมียที่ดุมาก ยังไม่รวมบ้านเล็กบ้านน้อยอีกหลายสิบคนนะ ใครเข้าไปอยู่ในฮาเร็มของแกเหมือนตกนรกชัดๆ” พอได้เล่าก็เหมือนว่าจะพูดเพลิน หน่อยเป็นคนในท้องถิ่นจึงรู้เรื่องของเสียเป็นอย่างดี
เสี่ยอาธรเป็นคนรวยที่คนในอำเภอต่างนับหน้าถือตา ถึงแม้จะมีเมียหลายคนสร้างบ้านหลายหลังไว้ให้บรรดาหญิงสาวได้อาศัย แต่กลับไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องผิดแปลก ครอบครัวบางคนถึงขนาดพาลูกสาวไปให้เสี่ยถึงบ้าน
นอกจากเสี่ยจะดูแลผู้หญิงในปกครองอย่างดีแล้วยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของเธอด้วย แล้วอย่างนี้ใครบ้างจะไม่อยากให้ลูกมาเป็นหนึ่งในภรรยาของเสี่ยอาธร
มีเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมสิโรราบไม่ว่าเสียจะพยายามหวาดล้อมอย่างไรก็ตาม
คือภรรยาของเขา… หอมนวลนั่นเอง
“เมียดุแต่ยอมให้ผัวมีน้อย...ดุยังไง” ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ จึงได้ถามต่อกลายเป็นอยากรู้เรื่องมากกว่าเดิม
“เมียดุแต่เสี่ยแกก็เปย์เมียหนักไง เมียก็เลยไม่ค่อยมายุ่งเท่าไหร่ แต่ใครเข้าไปใหม่ก็เจอเมียแกรับน้องตลอด บางคนคิดอยากแทนที่ก็โดนเมียแกสอยซะร่วงเลย” พยักหน้าเป็นการรับทราบไม่ได้ถามอะไรอีก
เรื่องของเสี่ยอาธรเป็นความลับและคนก็รู้ไปทั้งอำเภอ เพียงแต่เขาเพิ่งมาอยู่ใหม่และไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องของใครแค่ใช้ชีวิตตัวเองในแต่ละวันก็วุ่นวายมากพอแล้ว
“มึงรู้เรื่องคนอื่นเยอะดีนะ” ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด แล้วพูดคล้ายแดกดันคนตรงหน้า
“ธรรมดาแหละพี่ ข่าวสารบ้านเมืองต้องรู้ไว้บ้าง” เจ้าตัวก็ภูมิใจในความช่างรู้ของตัวเองจึงยอมรับคำในทันที สองหนุ่มนั่งพูดคุยกันอยากออกรถและเริ่มติดลมยกแก้วขึ้นดื่มไม่หยุด
“แล้วบ้านพี่รวยไหม พอสู้เสี่ยอาธรได้หรือเปล่า” มือหนาถึงกับชะงักแล้วแสยะยิ้มมุมปาก ฐานะที่แท้จริงของเขาไม่มีใครทราบเพราะชายหนุ่มพยายามปิดบังเอาไว้ เกรงว่ายิ่งคนรู้เยอะเขาก็ยิ่งใช้ชีวิตลำบาก จึงเลือกเป็นเพียงแสงอรุณคนธรรมดา
“ก็...พอมีพอกินนั่นแหละ ไม่รวยมากหรอก” ตอบปัดไม่อยากพูดความจริง กลัวว่าหากหน่อยรู้อีกไม่นานคนทั้งอำเภอก็คงจะรู้เหมือนกัน
“อ้อ ไม่เป็นไรพี่ ถึงจนก็ได้เมียสวย” ตบว่าเป็นเป็นการปลอบใจ ทำให้เขาต้องเงยหน้ามองคนอายุน้อยกว่าแล้วปัดมือของอีกฝ่ายทิ้ง พร้อมกับรินเหล้าลงแก้วเจ้าของบ้าน
“แดกเข้าไปเถอะ จะได้ไม่ต้องพูดมาก” พวกเขานั่งดื่มกันไปสักพักก็มีคนมาร่วมวงด้วย
เป็นปลัดที่ทำงานด้วยกันซึ่งโทรมาพอดีจึงได้ชวนมาดื่ม ยิ่งดึกก็เหมือนพวกเขายิ่งคึก หน่อยเดินเข้าไปในบ้านแล้วหยิบกีตาร์มาร้องรำทำเพลง สร้างบรรยากาศแสนสนุกจนไม่รู้ว่าตอนนี้เข้าสู่วันใหม่แล้ว
ถึงเวลาโบกมือลา ชายหนุ่มก็เดินโซเซไปยังรถมอเตอร์ไซต์ของตัวเอง รุ่นพี่เดินตามมานึกเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะไม่สามารถขับรถเองได้ จึงคิดจะไปส่งแต่กลับถูกปฏิเสธรวดเร็ว
“ขับไหวแน่เหรอมึง ให้กูไปส่งดีกว่า”
“เฉยเหอะน่า...ขับ ขับเอง นี่ใคร นี่แสงอรุณนะเว้ยพี่ อึก” โบกมือไม่ยอมรับความช่วยเหลือแล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ ฉีกยิ้มหวานให้คนที่เป็นห่วงได้คลายความกังวล แต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้ห่วงน้อยลงเลยสักนิด จึงกำชับหน่อยให้ขับรถตามไป เพราะไม่อาจบังคับแสงอรุณคนดื้อดึงได้
“ขับตามมันไป อย่าให้ขลาดสายตาล่ะ เกิดลงข้างทางจะได้ช่วยเหลือทัน”
“ครับ” เจ้าของบ้านก็เมาเหมือนกันแต่ยังคงมีสติ
บ้านของชายหนุ่มอยู่ไม่ห่างมากเท่าไหร่ขับไปไม่ถึงสองกิโลก็ถึงแล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่มีรถตามท้องถนนขับไปก็ไม่ลำบาก พวกตนจึงได้ขับตามหลังแสงอรุณอย่างระมัดระวัง
กระทั่งใกล้ถึงบ้านของอีกฝ่ายกลับมีสุนัขวิ่งออกมาจากข้างทางด้วยความเร็ว จนชนเข้ากับล้อรถของบุตรชายคนโตแห่งบ้านเวทย์วินธา
“หมา หมาไป ไป เฮ้ยๆๆ” จากที่เมาก็สร่างในทันที พยายามบังคับแฮนด์รถให้ขับตรงแต่ทว่ากลับลงข้างทาง
“พี่แสง!!” คนที่ตามมาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไปตามกัน
จากนั้นจึงพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลในทันที…
คนที่รออยู่บ้านก็ชะเง้อคอมองไปที่รั้วหลายรอบ ทำอาหารให้หลานชายกินเรียบร้อยก็เก็บจานชามไปล้าง เธอขึ้นทำความสะอาดห้องของเขาและเก็บหุ่นยนต์นำมาต่อใหม่เพื่อให้คงอยู่ในสภาพเดิม ตัวไหนแตกหักก็แยกไว้ให้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว พยายามรับผิดชอบในส่วนของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
แต่สามีก็ยังไม่กลับมาสักที
ไม่รู้ว่าไปดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อนอีกหรือเปล่า แต่คิดว่าอีกไม่นานชายหนุ่มก็คงกลับถึงบ้าน
นั่งเย็บผ้าอยู่บนโซฟาโดยที่หลานชายก็ดูการ์ตูนไปด้วย เธอมองไปที่ประตูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาสักที
“น้า...น้าหอมรอน้าแสงเหรอ” เด็กน้อยเห็นอาการของน้าจึงได้ถาม ดูคล้ายตอนที่แม่รอพ่อกลับบ้าน
“เปล่า น้าก็แค่มองอะไรไปเรื่อยน่ะ พุอยากกินขนมอีกหรือเปล่า น้าจะไปเอามาให้...” รีบส่ายหน้าทันทีแล้วคิดจะลุกไปหยิบขนมให้หลานชายเพราะเห็นว่าขนมในจานหมดแล้ว
“ไม่แล้ว พุอยากนอน” รีบรั้งแขนของคุณน้าเอาไว้เพราะตอนนี้ไม่สามารถยัดอะไรลงท้องได้แล้ว เธอมองนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มซึ่งค่อนข้างดึกสำหรับเด็ก
“งั้นก็ขึ้นนอนเถอะ” เก็บข้าวของทุกอย่างพร้อมปิดโทรทัศน์
“แล้วน้าแสงล่ะ” นึกกังวลเพราะยังจำเสียงโวยวายของอีกฝ่ายได้ แต่ก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดที่เข้าไปยุ่งกับของของคนอื่น จึงคิดจะขอโทษหาคุณน้ากลับถึงบ้าน
“ถ้าเขามาถึงน้าค่อยลงมาเปิดประตูก็ได้” ไม่อยากให้หลานชายกังวลจึงได้บอกเช่นนั้น เพราะรู้ว่าน้ำพุคิดจะรอเพื่อขอโทษแสงอรุณ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถ่างตารอพร้อมกับหล่อนหรอก
“คับ!” บอกเสียงดังด้วยความดีใจ รีบลุกแล้ววิ่งขึ้นชั้นสองเพื่อเข้าห้องนอนของนวล
