๔ ช่องว่างของเรา 1
๔
ช่องว่างของเรา
ตัดสินใจพาน้ำพุเขาไปนอนที่ห้องของตัวเอง จากนั้นจึงได้เดินวนเวียนอยู่หน้าห้องของชายหนุ่ม ยังคงรู้สึกผิดและต้องการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่รู้ว่าราคาของเหล่านั้นแพงกว่าเงินเดือนของเธอเป็นเท่าตัว
ใกล้ถึงเวลาที่แสงอรุณจะออกไปข้างนอก ประตูห้องนอนของเขาถูกเปิดออก เธอจึงรีบหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่ายพร้อมทั้งยืนยันจะรับผิดชอบต่อของที่พังเพราะหลานตัวเอง ลำพังทุกวันนี้ก็โดนเขาเกลียดมากพอแล้ว ไม่อยากอึดอัดมากกว่านี้
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าเธอยังคงรออยู่หน้าห้อง คิดจะเดินเลี่ยงลงไปข้างล่างแต่กลับถูกหญิงสาวดักตรงหน้าเหมือนเดิม ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมจ้องเธออย่างหาเรื่อง ขณะที่หอมนวลก็ยอมรับผิดหมดทุกอย่าง ต้องการรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
“พี่แสงคะ ค่าของเท่าไหร่เดี๋ยวหอมจะจ่ายให้เอง” บอกอย่างมั่นใจพอคิดว่าราคาไม่น่าจะแพงและตนคงมีกำลังทรัพย์ในการซื้อ ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย บอกราคาตามจริงเพื่อให้หญิงสาวได้รู้ว่าเธอไม่มีปัญญาซื้อมันกลับคืนมาได้
“สองล้าน” ปากอวบอิ่มเผยอกว้าง แล้วรีบเม้มแน่นในทันที หากราคาเป็นไปตามนี้จริงเธอก็คงไม่มีปัญญาซื้อคืนดังที่เค้านั่นแหละ มือบางกุมกันไว้ที่หน้าขาก้มมองพื้นอย่างใช้ความคิด
ไม่รู้ว่าชายหนุ่มโกหกเธอหรือเปล่า ดูภายนอกแล้วราคาไม่น่าจะถึงหนึ่งพันด้วยซ้ำ แต่เขากลับบอกราคาเป็นล้านทำเอาเธอแทบทรุด ลอบกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก
“เอ่อ...หอม หอมไม่มีเงินมากขนาดนั้น” ตอบเสียงเบา ซึ่งเขาทราบอยู่แล้วว่าหล่อนคงไม่มีทางซื้อคืนได้ ตนเองก็ไม่ต้องการรับของจากหญิงสาวเช่นเดียวกัน
“ถ้าไม่มีคราวหลังก็ไม่ต้องเสนอตัว ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอมารับผิดชอบแค่ต่อจากนี้ดูแลหลานตัวเองแล้วสั่งสอนให้ดีก็พอ” พูดไปตามสิ่งที่คิดซึ่งทำให้เธอรีบโค้งศีรษะเป็นการยอมรับผิดอีกครั้งที่ไม่ได้ดูแลหลานชายให้ดีกว่านี้ จนสร้างความเดือดร้อนแก่เจ้าของบ้าน
“ค่ะ ขอโทษค่ะ” ยังคงยืนนิ่งที่เดิม จนเค้าต้องเดินเข้ามาใกล้หล่อนพร้อมโน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างหู เพื่อย้ำเตือนระยะเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันซึ่งเหลืออีกไม่นาน
เขาเฝ้านับวันรอให้การหย่ามาถึงโดยเร็วที่สุด เห็นหญิงสาวทีไรก็รู้สึกขัดหูขัดตาแทบทุกครั้ง ท่าทีใส่ซื่อของเธอช่างรบกวนจิตใจเขาเหลือเกิน
“อีกสี่เดือนกับหนึ่งสัปดาห์...เราจะได้หย่ากันสักที” มือที่ยกกอดอก ค่อยเลื่อนมาจับไหล่บางเอาไว้ ตรึงหญิงสาวไว้กับกำแพง จ้องดวงตากลมอย่างเอาเรื่อง ย้ำเตือนถึงความจริงของความสัมพันธ์เราทั้งสอง
“ฉันจะต้องอดทนกับเธอจนกว่าจะถึงวันนั้น แล้วฉันจะได้เป็นอิสระจากผู้หญิงแบบเธอสักที!” ตะโกนเสียงดังแล้วยังบีบไหล่ของเธอจนใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวด พยายามจะปัดออกแต่เขาก็ยังบีบไว้แน่นเหมือนเดิม คล้ายความแค้นทั้งหมดมาลงที่เธอเพียงคนเดียว
“ค่ะ ทนหน่อยแล้วกันนะคะ” กัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าเพื่อสบตาคนตัวสูง ข่มความรู้สึกกลัวของตัวเองเอาไว้พร้อมกับตอบโต้บ้าง เขาได้ยินอย่างนั้นก็ปล่อยเธอเป็นอิสระ
เดินลงบันไดแล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้าน ปล่อยให้ร่างบางสุดนั่งลงกับพื้นพร้อมปล่อยโฮอย่างสุดจะกลั้นเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่เคยดีซักอย่างในสายตาของเขา
สุดท้ายแล้วถ้าเราได้หย่ากันจริงก็คงกลายเป็นคนแปลกหน้า…
กลับจากไปดูวัวให้คนรู้จักก็แวะที่บ้านของหน่อยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอมากนัก เจ้าตัวต้อนรับขับสู้เจ้านายเป็นอย่างดี เชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้านพร้อมเตรียมเหล้ายาปลาปิ้งไว้เรียบร้อย แต่ดูท่าเหมือนว่าแสงอรุณจะอารมณ์เสียเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมา
นึกอยากกลับบ้านก็ไม่ได้กลับเพราะไม่ต้องการพบหน้าผู้หญิงร้อยเล่ห์มากมารยา จึงตัดสินใจมานั่งเล่นที่บ้านหน่อยไปก่อน แต่อาหารการกินก็พร้อมเสียเหลือเกิน จนเขาต้องหยิบแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มแล้วนั่งคุยกับคนอายุน้อยกว่าอย่างออกรส
“มาถึงก็ดื่มเอาเลยนะพี่แสง มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ทะเลาะกับเมียมาเหรอพี่”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็เต็มใจที่จะต้อนรับแสงอรุณ บ้านของหน่อยเป็นบ้านไม้สองชั้นที่ปล่อยใต้ถุนโล่ง เลี้ยงวัวสองถึงสามตัวอีกทั้งมีสุนัขเฝ้าบ้านหนึ่งตัวที่เอาแต่นอนอย่างเดียว
พ่อกับแม่ของเขาไปวัดถือศีลวันพระ จึงปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่คนเดียว โชคดีที่มีแสงอรุณมาดื่มเป็นเพื่อน
เหมือนว่าเพื่อนรุ่นพี่คนนี้จะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ มาถึงก็นั่งทำหน้าบึ้งอย่างเดียวจนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ของหนุ่มหล่อสาวสวย
“ระดับนี้แล้วจะมาทะเลาะอะไร เมียอยู่ใต้โอวาทจะตาย” พูดเสียงดังฟังชัดเพราะเป็นจริงตามนั้น ไม่มีคำว่ากลัวเมียอยู่ในสารบบของเขา เป็นหล่อนต่างหากที่ต้องเชื่อฟัง
แต่ก็น่าแปลกที่วันนี้ตอนดุเธอ เห็นแววตากลมหมุนลงก็นึกรู้สึกปวดหนึบในใจ ไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้นทั้งที่เค้าประกาศไปทั่วว่าแสนจะเกลียด
ความรู้สึกก็ช่างแปลกเหลือเกิน บางทีก็เดาไม่ได้ว่าคิดอย่างไร หรือไม่แน่ว่าเขาอาจไม่ยอมรับความจริง…
“นับถือครับนับถือ” ยกมือขึ้นพร้อมคำนับเป็นการแสดงความนับถือต่อชายหนุ่ม เจ้าของบ้านยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแล้วรินให้รุ่นพี่ พร้อมทั้งชวนคุยเรื่องของภรรยาเขาซึ่งดูเหมือนว่าแสงอรุณจะไม่รู้ด้วยซ้ำ
แน่ล่ะ… เขาเพิ่งมาทำงานที่อำเภอนี้ได้ไม่นานจะทราบเรื่องได้อย่างไร
“แต่พี่ก็ได้ของดีประจำอำเภอไปเหมือนกันนะ พี่หอมนี่อย่างสวย คนจ้องจะจีบเพียบแต่ไอ้เสี่ยอาธรมันจองไว้ เทียวไล้เทียวขื่อมาหลายปีแต่พี่หอมก็ใจแข็งสุดๆ เพิ่งเห็นตกล่องปล่องชิ้นกับพี่เนี่ยแหละ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันในทันที นึกสงสัยกับชื่อของชายที่เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก
ขึ้นต้นว่าเสี่ยก็น่าจะรวยพอสมควร แล้วทำไมหญิงสาวจึงไม่ไปจับผู้ชายคนนั้น แต่ดันมาบังคับให้เขาแต่งงานด้วย ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
ผู้ชายที่พร้อมเลี้ยงดูอุ้มชูเธอกลับไม่เลือก หรือว่าหอมนวลจะรู้ฐานะที่แท้จริงของตนแล้ว
ไม่มีทางเป็นอันขาด เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างดีไม่มีใครทราบ แล้วอย่างนั้นหญิงสาวต้องการแต่งงานกับตนเพราะอะไร
“เสี่ยอาธร...ใครวะ” ถามกลับทันที
“อ้าวพี่ ก็เจ้าของโรงสี ร้านทองแล้วก็ร้านขายเครื่องไฟฟ้าที่ใหญ่สุดในอำเภอไง พี่ไม่รู้จักเหรอ” ฟังอย่างนั้นก็ไม่แปลกใจว่าทำไมจึงเป็นคนรวย มีกิจการมากมายแถมยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลประจำอำเภออีก
แล้วปล่อยให้หอมนวลรอดมาถึงเขาได้อย่างไร
