๒ ไม่เคยเป็นที่รัก 3
“ฟังนะว่าฉันเกลียดเธอ ผู้หญิงเห็นแก่เงินไม่ต่างจากแม่ของเธอ แต่แม่ของเธอยังแสดงออกชัดเจน ไม่ใช่ทำตัวสนิมสร้อยทั้งที่ในใจอยากจนตัวสั่นเหมือนเธอ!” ย้ำความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวได้ทราบอีกครั้ง ไม่สนใจว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจของเธอหรือเปล่า
ยิ่งหล่อนเจ็บมาเท่าไหร่ตนก็สะใจมากเท่านั้น
มือบางกำปิ่นโตแน่นโกรธที่โดนด่าแต่ก็ไม่ได้เอ่ยเถียงสักคำ ความผิดของเธอย้ำเตือนใจเสมอไม่ให้โต้ตอบ ต้องรองรับอารมณ์ของคนตรงหน้าจึงสูดลมหายใจเพื่อให้อกที่ร้อนรุ่มเย็นลงบ้าง แต่เหมือนเธอนิ่งมากเท่าไหร่ กลับเป็นเขาเองที่โมโหกว่าเดิม
“ลูกไม้ตื้นๆ นึกว่าฉันมองไม่ออกหรือไง” ก้าวเท้าเข้าหาเตรียมเอาเรื่อง กลับถูกหยิบสาวยัดปิ่นโตใส่มืออีกครั้งแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“ข้าวเที่ยงของพี่ค่ะ”
ยังไม่ทันได้เข้าประตูด้วยซ้ำ ก็ตกใจกับเสียงแสตนเลสที่ตกกระทบพื้น จึงหันมามองพบว่าปิ่นโตที่ให้เขาไปตกอยู่บนพื้น อาหารกระจายเต็มไปหมดจนต้องเงยหน้ามองคนตัวสูงด้วยแววตาเจ็บปวด
เพล้ง!
“ไม่กิน” พูดจบก็ขึ้นคร่อมบนมอเตอร์ไซค์ขับออกจากบ้านทันที ปล่อยให้ภรรยามองตามพลางกัดฟันแน่นข่มอารมณ์โมโหที่มีต่อเขา
“เฮ้อ ทนไว้ ทนไว้ก่อน...” จัดการเศษอาหารตรงหน้าพร้อมพึมพำบอกกับตัวเอง
มีเงินคืนเขาเมื่อไหร่เธอก็ไม่คิดจะอยู่เหมือนกัน!
กลับจากที่ทำงานก็เริ่มจัดการทำความสะอาดรอบนอกตัวบ้าน ตัดหญ้าที่ขึ้นสูงข้างบ้านและรดน้ำหญ้าหน้าบ้านให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง ค่อยเก็บห้องครัวและห้องนอนด้านบนทั้งของเขาและของตน หญิงสาวใช้ห้องน้ำด้านล่างเพราะห้องของตนไม่มีห้องน้ำส่วนตัวเหมือนเขา
เปลี่ยนผู้ปูที่นอนผ้าห่มและปลอกหมอนให้สามี นำม่านไปซักและเอามาตากเรียบร้อย ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จ จึงได้ลงมาทำอาหารไว้คอยท่าคนที่ยังไม่กลับ ตอนแรกคิดจะรอเขาแต่เริ่มหิวจึงตัดสินใจกินข้าวก่อน โดยแบ่งอาหารไว้ให้คนที่ยังกลับไม่ถึงบ้าน
จากนั้นค่อยเปลี่ยนไปนั่งยังโซฟาเพื่อปักผ้าทำเป็นม่านใส่หน้าต่างที่ชั้นหนึ่ง บ้านของเขาดูโล่งเกินไป กระทั่งม่านยังไม่มีด้วยซ้ำ เธอจึงเป็นธุระจัดการให้ทั้งหมด ได้ผ้ามาจากร้านซักผ้าที่เจ้าของไม่ใช่จึงนำมาทำความสะอาดจนเหมือนใหม่ ปักลวดลายดอกไม้สวยงามค่อยนำขึ้นไปขึงไว้หน้าต่างเป็นการบังแดด
“สะอาดแล้ว บ้านดูดีขึ้นเป็นกองเลย” มองม่านที่เย็บเองกับมือด้วยความภาคภูมิใจ ค่อยกลับมานั่งลงที่เดิมก่อนหยิบงานเย็บผ้าขึ้นมาทำเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอสามีกลับบ้าน ไม่รู้ว่าเขาจะมาถึงตอนไหนคงอีกสักพัก
“ต้องตอบแทนเขาหน่อย อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องตกเป็นเมียน้อยของใคร” นึกซาบซึ้งในบุญคุณของชายหนุ่ม แม้ปากเขาจะชวนหาเรื่องก็จำต้องมองข้ามไปก่อน อย่างไรส่วนดีก็มีมากกว่า เธอจึงไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย
เวลาเดินไปข้างหน้าโดยที่หล่อนนั่งปักผ้าสลับกับมองนาฬิกาบ่อยครั้ง ใกล้เที่ยงคืนเขายังกลับไม่ถึงบ้าน ไม่รู้ป่านนี้ทำอะไรอยู่ คงไม่พ้นดื่มเหล้าจนเมามายเหมือนเคย เมื่อวานก็เพิ่งดื่มไปวันนี้ยังไปต่ออีก เขาเป็นคนเหล็กหรือไงไม่มีอาการแฮงก์เลยสักนิด
“พี่หอมครับ! เอาสามีขี้เมาของพี่มาส่งครับ” เสียงดังมาจากหน้าบ้านจึงได้วางของตรงหน้าลงบนโซฟา รีบออกไปรับสามีทันทีก่อนพบว่าเขาถูกหน่อยหิ้วปีกมาอีกครั้ง จึงได้เข้าไปประคองชายหนุ่มแล้วพาเดินเข้ามาในบ้าน
“เมาเรื้อนเลยพี่ ช่วงนี้ดื่มเยอะหน่อยลงหมู่บ้านทีไรก็มีแต่คนชวนดื่ม พี่แสงก็ไม่ปฏิเสธด้วย คราวนี้เล่นน้ำเต้าปูปลากันก็ได้เงินเยอะเลย”
นึกว่าเขาไปสังสรรค์เสียอีก ที่แท้ก็ไปทำงานแล้วติดลมดื่มกับชาวบ้านนี่เอง เธอพยักหน้าเป็นการรับทราบแล้ววางเขาลงบนโซฟา หยิบข้าวของตัวเองออกไปไว้ที่อื่น
“ขอบคุณที่มาส่งพี่แสงนะ” เดินมาส่งคนอายุน้อยกว่าถึงหน้าบ้าน
“ครับ!” รับคำเสียงหนักแน่นแล้วโบกมือลากับพี่สะใภ้เพื่อกลับบ้านตัวเอง
หล่อนเดินมาปิดรั้วแล้วล็อคแน่นหนา ค่อยกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง พบคนเมานอนเอกเขนกบนโซฟาช่างไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาบ้างเลย ถอนหายใจยาวก่อนจะดึงแขนหนาเพื่อให้ลุก ไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายนอนตรงนี้กลัวยุงจะกัดเขา
“พี่แสงเดินไหวไหม” ประคองให้เขาลุกยืนแล้วจะพาขึ้นบนห้อง กลับถูกร่างหนาพยายามผลักออกเหมือนทุกครั้ง
“อือ ไหว อย่ามาจับ...ไม่ชอบ” ยอมปล่อยให้เขาเดินเอง แล้วคอยมองอยู่ข้างหลังด้วยความระมัดระวังเกรงว่าอีกฝ่ายจะตกบันไดแต่ยังโชคดีที่เดินถึงชั้นสอง เธอจึงรีบไปเปิดประตูให้เขาพร้อมพาชายหนุ่มไปนั่งบนเตียง
“ถึงแล้ว นอนบนเตียงนะ” มองทุกก้าวย่างของเขาด้วยความระวัง
จากนั้นจึงจัดการหยิบผ้าขนหนูไปชุบน้ำก่อนมาซับตามใบหน้าและลำคอหนา โดยที่เขาทำได้แค่นั่งนิ่งให้เธอจัดการ มองใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้ไม่ละสายตา ผิวเนียนละเอียดถึงจะมีกระเล็กน้อยก็ไม่ได้ทำให้ความงามลดลงเลย
งาม...เธอเนี่ยนะสวย!
นัยน์ตาเบิกกว้างเล็กน้อยกับความคิดของตัวเอง ก่อนผลักหญิงสาวออกแล้วหยิบผ้าผืนเล็กมาเช็ดตามลำคอและใบหน้า กระแอมเล็กน้อยค่อยเงยมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เธอน่ะ...ชอบเงินมากใช่ไหม ชอบใช่หรือเปล่าน่ะ” คนฟังถึงกับชะงัก นึกสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงถามเช่นนั้น กระทั่งเห็นอีกฝ่ายหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า แบงค์สีเขียวกับสีแดงเป็นปึกแล้วโยนใส่เธอเหมือนซื้อของตามตลาดสด
ดวงตากลมสั่นไหวขอบตาร้อนผ่าว กำมือแน่นไม่คิดว่าจะเจอกับการดูถูกเช่นนี้ ยังคงเม้มปากแน่นไม่ถือสาคนเมา
“เอาไป เอาไปทั้งหมดเลยแล้วปล่อยฉันไปสักที อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ ชอบไม่ใช่หรือไง เอาไปให้หมดเป็นของเธอทั้งหมดเลย” ก้มลงไปหยิบเงินที่ร่วงหล่นลงบนพื้น แล้วยัดใส่มือของหล่อนพลางหัวเราะร่ามีความสุข ไม่คิดถึงใจของหญิงสาวเลยสักนิด
“นอนเถอะ พี่เมาแล้วล่ะ” สุดท้ายหอมนวลทนไม่ไหวรีบผลักเขาลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้อย่างดี กำเงินในมือไว้แน่นแล้วปาใส่อกของเขาบ้าง แต่อีกฝ่ายหลับไปแล้วทั้งที่หัวเพิ่งถึงหมอนจึงไม่มีปากเสียงกันอีก
ค่อยเดินออกจากห้องของเขาพลางยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดรอด
“ฮึก”
ในสายตาของเขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่...
คนที่ไม่รู้เรื่องนอนหลับบนเตียง พลิกกายนอนตะแคงแล้วหยิบหมอนข้างมากอดเอาไว้แน่น ไม่สนใจเงินที่หล่นกระจายอยู่บนเตียง กระทั่งตื่นเช้าขึ้นมาจึงต้องมานั่งเก็บเงินเข้ากระเป๋า จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันหล่นบนเตียงได้อย่างไร
“ปวดหัวจังวะ” นั่งกุมขมับสักพักแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงจะดื่มหนักแค่ไหนก็ยังต้องตื่นไปทำงานเหมือนเดิม ช่วงนี้ดื่มหนักติดกันมาหลายวันแล้ว จะงดสักวันก็โดนโทรชวนออกไปข้างนอกตลอด เขาก็ปฏิเสธไม่เป็นเสียด้วยสิ
แต่งตัวเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง ได้กลิ่นหอมของอาหารทำให้เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อยากเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะแต่ก็เลือกจะยั้งตัวเองเอาไว้ เห็นหน้าหอมนวลแล้วไม่มีอารมณ์อยากกินข้าว
