๒ ไม่เคยเป็นที่รัก 1
๒
ไม่เคยเป็นที่รัก
ลุกจากเตียงก็รีบขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านทันที ไม่สมัครใจจะอยู่ร่วมกับหล่อนทำเพราะความจำยอมเท่านั้น อีกทั้งเพื่อนร่วมงานโทรชวนมีหรือเขาจะไม่มา ร้านประจำยังคงมีเก้าอี้ว่างสำหรับตนเสมอ เพียงแค่เดินเข้ามาข้างในก็ได้รับการทักทายจากคนรู้จักในทันที
ร่างหนาพยักหน้าทักกลับแล้วเดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนรู้จัก มีตั้งแต่คนที่ทำสายงานเดียวกันซึ่งอยู่ในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวอายุน้อยกว่าตน มีความทะเล้นชอบชวนคุยทำงานด้วยแล้วไม่เครียด จนอยากจ้างไปทำงานด้วยกันที่เมืองหลวงหากเขาออกจากที่นี่แล้วต้องกลับไปมุ่งงานบริหารเหมือนเดิม
ถัดไปคือปลัดอำเภอที่อายุสามสิบกว่าคาดว่าก่อนเกษียณคงได้ขึ้นตำแหน่งสูงอาจถึงปลัดจังหวัดหรือผู้ว่าราชการเลยก็ได้ อีกคนคือสัสดีอำเภอที่เจอกันบ่อย เป็นการรวมตัวของคนต่างสายงานได้อย่างลงตัวพอดีเพราะมีความชอบเดียวกัน
นั่นคือการดื่มแอลกอฮอล์!
“ไม่เข้าหอกับเมียเหรอพี่แสง” คนสนิทรีบถามแล้วเสิร์ฟเบียร์ให้ทันทีพร้อมจัดเรียงกับแกล้มไว้ตรงหน้าเขา
“พูดมากไอ้หน่อย” มองอีกฝ่ายด้วยหางตาไม่ค่อยอยากให้เอ่ยถึงผู้หญิงที่เขาชังหน้า แค่เห็นก็รู้สึกว่าอากาศแถวนั้นเป็นพิษจนไม่อยากหายใจร่วมด้วย มากเล่ห์เพทุบายชอบทำหน้าใสซื่อต่างจากการกระทำ คงใช้ใบหน้าไร้พิษสงหลอกคนมานักต่อนัก
“เมียพี่สวยขนาดนั้นปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ไง” หน่อยเอ่ยเสริมพลางส่ายหน้า คนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นเดียวกัน
ทั่วทั้งที่ว่าการอำเภอชายใดที่โสดก็มักจะวนเวียนไปทักทายที่ห้องปลัดฝ่ายปกครองเสมอ ส่งยิ้มให้สาวสวยที่นั่งทำงานด้วยความขยันขันแข็ง กลับไม่เคยมีใครได้ครองใจเธอสักคน กระทั่งทราบข่าวการจดทะเบียนสมรสของปศุสัตว์หนุ่มหล่อที่เพิ่งมาบรรจุใหม่กับสาวที่คนทั้งหลายหมายปอง ทำเอาหนุ่มๆ เข่าแทบทรุด
“สวยเหรอ แบบนั้นคือสวยแล้ว” ถามด้วยความสงสัย
สำหรับเขาที่เจอผู้หญิงสวยมาทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือคนในแวดวงสังคมเดียวกัน กลับมองว่าเธอออกจะธรรมดาเสียมากกว่า ไม่ได้สวยมากเท่าไหร่แค่ดูดีกว่าคนในที่ทำงานก็เท่านั้น บอกตัวเองเพราะไม่อยากยอมรับความจริง
หอมนวลเป็นคนสวย...แต่เพราะนิสัยของเธอทำให้เขามองหญิงสาวต่างจากทุกคน
“สวยสิพี่ สวยสุดในที่ว่าการฯ ของเราเลยนะ แต่ไม่มีใครจีบติดสักคน...” เอ่ยถึงเธอด้วยความชื่นชม แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ดับความทุกข์ระทมในอกที่ต้องจดทะเบียนสมรสกับหญิงเจ้าเล่ห์ที่เขาพยายามหลีกเลี่ยง
ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะตกหลุมพรางเสียได้!
“รอจับคนรวยน่ะสิ” พึมพำเสียงเบากับตัวเอง
“อะไรนะ”
“ดื่มๆ ไม่เมาไม่กลับเว้ย!”
ยกแก้วขึ้นชนกับคนร่วมโต๊ะ เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาจากผู้หญิงคนนั้น แทบไม่อยากเอ่ยถึงหล่อนด้วยซ้ำ กลับไปก็ต้องเจอหน้ากันอีก
เวลาห้าเดือนช่างผ่านไปช้าจริงๆ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เธอต้องรีบรับสาย วางมือจากการเย็บเสื้อในทันที นอกจากงานประจำอยู่ที่ว่าการอำเภอเธอยังทำงานรับจ้างอีกหลายอย่าง การเย็บผ้าก็เช่นเดียวกัน ยังมีงานที่ร้านสะดวกซื้อแต่ตอนนี้ลาออกแล้วเพราะไม่มีเวลา เหลือเพียงงานเย็บผ้าเล็กน้อยและงานซักผ้าพับผ้าอยู่ร้านซัดผ้าขนาดใหญ่ประจำอำเภอ ขอทำในช่วงเย็นเจ้าของร้านก็อนุญาตเพราะเอ็นดูหล่อนเป็นทุนเดิม
พยายามหาเงินทุกช่องทางเพื่อจุนเจือครอบครัว แต่ตอนนี้บิดาก็จากไปแล้ว เธอออกจากบ้านหลังนั้นมาอยู่กับสามีในนาม จึงคิดเก็บเงินห้าหมื่นเพื่อจะได้คืนชายหนุ่ม ไม่ต้องมีเรื่องติดค้างกันหลังจากที่ต้องหย่าขาด
ระยะเวลาห้าเดือนจะว่านานก็นานแต่ในความรู้สึกของเธอมันคงเร็วมาก ความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบหน้าปศุสัตว์อำเภอคนใหม่ หนุ่มหล่อผู้มีดวงตาคมเข้มกับรอยยิ้มสดใสเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้าที่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่าไม่ทำให้แสบตา
หลงรักตั้งแต่แรกพบ...แต่ก็ไม่กล้าจะเข้าไปทำความรู้จัก
จึงทำได้เพียงมองเขาทุกครั้งยามผ่านหน้าห้องของชายหนุ่ม แต่ดูเหมือนฝ่ายชายจะไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ
“ผัวพี่เมาแล้ว เอิก” มาถึงร้านประจำของชายหนุ่มที่จำได้เป็นอย่างดี
เพราะวันที่เธอหนีจากเสี่ยอาธรก็พบเขาที่นี่ จึงได้เดินทางมาถูกหลังวางสายจากหน่อยซึ่งนอนเมาคอพับอยู่ที่โต๊ะ ส่วนคนอื่นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน อาการไม่ต่างกันเท่าไหร่ ดวงตากลมหันมามองจำนวนขวดเบียร์ที่ทั้งสี่ดื่มถึงกับต้องถอนหายใจ
หมดไปเกือบสองลัง...ดื่มเอาตายหรือไง!
“มึงก็เมา อึก ฮ่าๆๆ” คนเมาทั้งสองชี้หน้ากันพลางหัวเราะมีความสุข ความจริงเขาเป็นคนคอแข็งพอสมควรแต่พอมาอยู่ที่นี่ได้ดื่มทุกวันแทบไม่เว้นวันว่างให้สร่างเมาก็กลายเป็นคนคออ่อนไปเสียอย่างนั้น ดวงตาหวานเยิ้มถูกปิดลงอีกครั้งเพราะฝืนลืมตาไม่ไหว
“ยืนไหวไหมพี่แสง” เข้ามาพยุงเขาให้ลุกยืน กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธทั้งยังผลักเธอให้ออกห่างอีกต่างหาก ล้มตัวลงนั่งที่เดิมก่อนตะโกนไล่หญิงสาวเสียงดังจนคนทั้งร้านหันมามอง ปากอวบอิ่มเม้มแน่นแล้วข่มความอายเอาไว้
“อย่ามายุ่ง ออกไป ออกไปไงงงง บอกให้ออกไป” พยายามผลักหล่อนทั้งที่ตัวเองแรงเท่ามด
ร่างบางไม่ได้สนใจกับท่าของเขาเพราะรู้ว่าตนเองต้องเจอแบบนี้จนกว่าจะหย่าขาดจากกัน จึงค่อยพยุงร่างหนาให้ลุกยืน คราวนี้คนเมายอมทำตามโดยง่าย จับแขนหนาพาดบ่าเอาไว้ก่อนบอกเสียงเบา
“ค่อยลุกนะคะ”
จากนั้นจึงได้พาชายหนุ่มเดินออกจากร้าน ปล่อยหน่อยให้นอนหน้าคว่ำเพียงลำพัง เพราะแค่จะพาสามีกลับบ้านยังลำบาก ทำได้แค่ฝากเด็กในร้านให้ช่วยดูแลคนเมา ส่วนตนก็ถอนหายใจเหนื่อยแล้วพาเขาขึ้นซ้อนบนรถมอเตอร์ไซค์ ถ้าขับรถยนต์ได้น่าจะง่ายกว่านี้
“กอดหอมไว้เดี๋ยวจะตก...เฮ้อ ไม่น่ารอด” เมื่อให้เขานั่งซ้อนท้ายเรียบร้อย เธอก็รีบขึ้นนั่งด้านหน้าโดยเอามือหนากอดเอวของตนไว้ แต่กลับต้องถอนหายใจเหนื่อยหน่าย คนตัวสูงนั่งเอียงซ้ายขวาจนกลัวว่าจะตกรถ จึงได้หยิบเชือกที่มีติดรถมาผูกเอวเขากับเอวหล่อนไว้ด้วยกัน
แบบนี้น่าจะถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ไม่มีใครตกลงข้างทางไปเสียก่อน
“ทำไมเธอ ต้องมาจับฉัน ด้วย...ไม่ชอบ ฉันไม่ชอบเธอ ผู้หญิงนิสัยไม่ดี!” ไหล่เข้มเกยที่บ่าเล็กแล้วพูดพึมพำข้างหูของเอไม่หยุด คนที่ขับรถทำได้เพียงฟังด้วยความเจ็บปวด กำแฮนด์เอาไว้แน่นแล้วมองไปยังทางข้างหน้า ไม่อยากฟังแต่คำพูดของเขาก็เข้าหูตลอดทาง
ยอมรับว่าตนเป็นฝ่ายจับเขาเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง แค่แสงอรุณยอมตามน้ำทั้งยังจดทะเบียนสมรสและให้ค่าสินสอดห้าหมื่นก็ดีแค่ไหนแล้ว ต่อให้โดนด่ามากกว่านี้หล่อนก็ยอมทนอยู่กับเขา ชีวิตมันคงไม่เลวร้ายมากกว่านี้หรอก
