9
“คุณพ่อไม่ได้คิดที่จะให้น้องไอซ์เอาเด็กออกจริงๆ น่ะเหรอคะ” หลังจากที่เอกสิทธิ์มาส่งม่านฝันที่หน้าบ้าน เขาก็กลับไปแบบไม่ยอมขอพบบุตรสาว สาวใหญ่ผู้ที่ตกเป็นนกพิราบสื่อสารจำเป็น ก็ได้นำความว่าบอกกล่าวคนทั้งคู่อย่างรู้สึกเป็นกังวล
“ถึงจะอย่างนั้นแต่เขาไม่ยอมที่จะจัดงานแต่งงานถ้าคนสองคนไม่ได้อยากจะแต่งกันจริงๆ น้องไอซ์โอเครึเปล่าคะ” เด็กสาวหน้าเสียขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะเหลือบไปมองคนที่ทำหน้าเหมือนไม่รับไม่รู้อะไร
ถึงเขาจะทำดีกับเธอแบบเนียนๆ แต่ก็แน่ล่ะว่า...มันไม่ใช่ความรักแน่ๆ
“โอเคสิคะ น้องไอซ์ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะค่ะ” ยอมพูดเพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายสบายใจ มีหรือที่ม่านฝันจะมองไม่เห็นความเจ็บปวดรวดร้าวในดวงตาคู่นั้น
“ไอ้หมอก ฉันรู้นะเว้ยว่าแกมันไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่างมันคงจะเป็นทางสะดวกของแกด้วย แต่ฉันก็ยังอยากที่จะให้โอกาสแก ได้คิดให้รอบคอบอีกที” ม่านหมอกทำเป็นถอนหายใจยกใหญ่ มองหน้าสองสาวต่างวัยด้วยความรู้สึกอึดอัด
“พี่จะให้ผมทำยังไงก็ว่ามา”
“ฉันรู้ว่าวินาทีนี้แกยอมทำตามที่ฉันบอกได้แน่ล่ะ แต่ถึงฉันจะเพิ่งรู้จักพ่อของน้องไอซ์เขาได้ไม่เท่าไหร่ก็ตาม แต่ฉันมั่นใจว่าถ้าตราบใดที่แกไม่ได้อยากแต่งงานกับลูกสาวเขาแบบออกจากใจ เขาก็คงจะไม่ยอมให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้นแน่” ม่านหมอกทำทีท่าเหมือนไม่ได้ยี่หระ
“ก็ถูกแล้วนี่ ผมไม่อยากแต่ง น้องไอซ์ก็ยังไงก็ได้ พ่อเขาก็รับได้ มันก็ลงตัวที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ” ม่านฝันฟังม่านหมอกพูดก็จริง แต่สายตาของเธอกลับสังเกตทีว่าของคนที่บอกว่ายังไงก็ได้
ไม่มีผู้หญิงคนไหนรับได้ที่จะต้องท้องไม่มีพ่อ...บางคนอาจจะทำได้ แต่ม่านฝันมั่นใจว่าคนบูชาความรักและแสนจะอ่อนไหว เขาไม่มีวันรับเรื่องพวกนี้ได้ง่ายๆ แน่
“น้องไอซ์จ๊ะ เดี๋ยวน้องไอซ์ขึ้นไปพักผ่อนบนบ้านดีกว่านะ พอดีพี่มีเรื่องจะคุยกับไอ้หมอกมันนิดหน่อยน่ะจ้ะ”
“แล้วคุณพ่อได้บอกพี่ม่านมั้ยคะ ว่าน้องไอซ์จะสามารถกลับไปที่บ้านได้เมื่อไหร่”
“เอาที่ตัวเองสบายใจ อยากจะกลับตอนไหนคุณพ่อเขาก็ยินดีทั้งนั้น พี่บอกเขาไปแล้วแหละว่าน้องไอซ์อยู่ที่นี่ก็สุขสบายดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย หรือว่า...น้องไอซ์เดือดร้อนอะไรรึเปล่าจ๊ะ” ว่าเชิงปลอบพร้อมจับมือคนที่ตัวเองรู้สึกเอ็นดูเป็นพิเศษอย่างเห็นใจ
“ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยค่ะ พี่ม่านกับพี่หมอกดูแลน้องไอซ์อย่างดีมาก น้องไอซ์ต้องขอบคุณมากๆ เลยนะคะ...เพียงแต่ น้องไอซ์แค่รู้สึกเกรงใจน่ะค่ะ”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิ เกรงใจอะไรกัน น้องชายพี่ทำกับน้องไอซ์ขนาดนี้ น้องไอซ์ต้องได้รับอะไรมากกว่านี้อีก” พอประเด็นมันจะมาตกที่ตัว ม่านหมอกก็รีบสะกิดพี่สาวตัวเองยิกๆ
“มีอะไรก็รีบคุยมาเถอะ ผมอยากรู้จะแย่แล้ว”
“งั้นน้องไอซ์ขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ” ไอยราพักที่ห้องของม่านหมอก ส่วนพ่อตัวดีก็ย้ายมานอนที่ห้องเก็บของข้างล่าง ตามคำสั่งของพี่สาว
ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็ยอมทำตามที่ม่านฝันบอกทุกอย่างแบบไม่พยายามหาข้ออ้างหนีไป ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นการแสดงความรู้สึกผิดที่น่าพึงพอใจ
“ไอ้หมอกฉันถามแกจริงๆ เลยนะ”
“อือฮึ” ว่าทั้งๆ ที่กำลังสนใจเกมในโทรศัพท์ที่กำลังกดเล่นอยู่
“วางมือถือแล้วตั้งใจฟัง” เมื่อเสียงของพี่สาวช่างเข้มและดุขึ้นจนปานนั้น เขาก็เลยดื้อแพ่งต่อไปไม่ได้
“อืม...ว่ามา”
“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องไอซ์เขาเลยจริงดิ” เหมือนมวยหมัดหนักได้เสยมาที่คาง จนคนที่ใบหน้าบวมช้ำยังไม่หายจากการถูกซ้อมในวันนั้น อึ้งนิ่งไปพักใหญ่ๆ
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกเลย แต่ถ้าจะให้คบกันผมว่าน้องเขาไม่ใช่ เขาดูหน่อมแน๊มเกินไป พี่ก็รู้ว่าคนอย่างผมมันดิบเถื่อนจะตาย”
“แกตอบไม่ตรงคำถาม”
“ไม่ตรงยังไงก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก”
“งั้นแสดงว่ารู้สึกอยู่”
“พี่จะสรุปแบบนั้นไม่ได้รึเปล่า” พอโดนจี้หนักๆ เข้า ม่านหมอกก็ไม่กล้าสบตากับพี่สาวตัวเองขึ้นมา
“ฉันไม่ได้ต้องการคำตอบที่สรุปว่าแกรักน้องไอซ์รึเปล่า แต่ฉันต้องการรู้ว่าแกยังมีความรู้สึกอะไร นั่นหมายความว่าแกยังพอจะแคร์เขาอยู่”
“พี่ต้องการให้ผมทำอะไรก็ว่ามาเลยถ้างั้นอ่ะ” ม่านหมอกรู้ไง ว่าคนอย่างพี่สาวตัวเองอยากได้อะไรต้องได้ พอๆ กับที่หาให้ได้ทุกอย่าง!
“ฉันอยากให้แกไปบอกกับพ่อน้องไอซ์ว่าแกอยากจะแต่งงานกับลูกสาวเขา”
“เฮ้ย พี่ก็รู้ว่าผมเป็นคนโกหกใครไม่เป็น เขายิ่งบอกเอาไว้อยู่ว่าถ้าพูดแล้วทำไม่ได้จะยิงผมเลยนะ”
“ฉันก็ไม่ได้จะให้แกไปบอกเขาว่าจะแต่งงานกับลูกสาวเขาเพราะว่าแกรักและอยากจะดูแลลูกสาวเขาเสียหน่อย” ม่านหมอกขมวดคิ้วคิดตามในสิ่งที่พี่สาวพูดมา แต่ก็ยังไม่อาจจะเข้าใจได้
“พี่บอกมาแบบชัดๆ เลยก็ได้ ผมไม่ค่อยตั้งใจเรียน เลยเข้าใจอะไรยากหน่อย”
“มันเกี่ยวมั้ย”
“น่าจะมีผลอยู่นะ”
“เออ! เอาเถอะ...ฉันอยากให้แกไปแสดงความจริงใจว่าแกอยากจะแต่งงานเพื่อปกป้องหน้าตาและชื่อเสียงของน้องไอซ์และอย่างน้อยก็ทำเพื่อลูกของแก แม้ในอนาคตแกกับเขาจะต้องแยกทางกันหรือใช้ชีวิตคู่ร่วมกันไม่ได้ แต่แกก็อยากจะทำเพื่อน้องไอซ์เขาจริงๆ” ม่านหมอกคิดตามในสิ่งที่พี่สาวพูดด้วยแววตาเชิงไม่แน่ใจ
อันที่จริงเรื่องเห็นแก่ไอยราและเด็กในครรภ์ของเธอที่เป็นลูกของเขาแน่ๆ เขาเห็นแก่อยู่แล้วแหละ...แต่ถ้าจะต้องให้ไปพูดกับคนพรรค์ดุคนนั้น เขาก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้กล้าหาญพอ
“เพ้อเจ้อน่าพี่ คนอย่างไอ้หมอกมันจะทำเรื่องพวกนั้นเป็นได้ยังไง ผมขอตัวก่อนนะ”
“เฮ้ยไอ้หมอก! เดี๋ยวดิวะ!” แล้วความกังวลของม่านฝันก็ไม่ได้หมดสิ้นลง แต่ความหวังของเธอจะหมดลงไม่ได้!
เราจะทำยังไงดีนะ คิดสิ คิดสิ!
“เดี๋ยวๆ แกจะทำอะไรวะไอ้หมอก” ม่านฝันที่กำลังขนของขึ้นรถเพื่อเตรียมไปขายที่ตลาดนัดเหมือนเช่นทุกวัน ตกใจที่น้องชายตัวดี มาช่วยแย่งยกของแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
“อยู่บ้านมาหลายวันชักเบื่อ ขอไปด้วยนะ” ผู้หญิงผมยุ่งที่รวบผมเอาไว้แบบลวกๆ รู้สึกประหลาดใจ ม่านหมอกนะหรือที่พอเบื่อแล้วอยากจะไปขายของช่วยเธอ
“เดี๋ยวๆ ไม่สบาย เป็นไข้ ไอมีเสมหะจนเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย” ว่าพลางยื้อแขนไปอังหน้าผาก คนที่สูงกว่าตัวเอง
ม่านหมอกเป็นผู้ชายเต็มตัวคนหนึ่งที่สูงกว่าพี่สาว ร่างกายกำยำแต่สีผิวติดไปทางสีแทนเพราะชอบไปเที่ยวแบบลุยๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะได้พันธุกรรมมาจากทางพ่อ ผิดกับม่านฝันที่แม้ผิวพรรณจะขาว แต่ไม่ค่อยดูแลให้ดีจนติดไปทางสีหม่นปนหยาบกร้าน
“เปล่า ก็แค่เบื่อจริงๆ”
“ปกติถ้าแกเบื่อ แกจะต้องออกไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่อยากจะไปช่วยฉันทำงาน” ม่านหมอกชะงักไปชั่วครู่ แววตาหนุ่มหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เลือกที่จะเดินไปยกของแบบกลบเกลื่อน
ม่านฝันขายของตลาดนัดประเภทของกิน มีทั้งน้ำหวาน ข้าวเหนียวหมูปิ้งและเนื้อย่าง ลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึก ฯลฯ อุปกรณ์ก็เลยมีเยอะหน่อย การยกของแก้เก้อของม่านหมอกก็เลยต่อเนื่องได้นาน
“แกเบื่อหรือว่าคิดถึงใครกันแน่” หนุ่มเต็มวัยชะงัก แต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบพี่สาว
“ถ้าแกคิดถึงเขา ก็ติดต่อไปหาเขาสิ จะมาทำนั่งซึมเบื่อแบบนี้ทำไม”
“พี่นี่พูดไม่รู้เรื่องเนอะ น้องเขากลับบ้านไปก็ดีแล้ว เรื่องมันก็จบสวย จะไปคิดถึงความปวดหัวที่จะตามมาอีกทำไม” ม่านหมอกเพิ่งไปส่งไอยรามาเมื่อเช้า พอกลับมาก็เอาแต่นั่งซึมเหมือนหมาหงอย คนที่มัวแต่เตรียมตัวนำของไปขายก็ไม่ได้มีเวลาพูดคุยกับน้องชายจริงจังนัก
อยากจะให้พ่อตัวดีคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองบ้างมากกว่า
“ก็ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง แกก็คงจะทำหน้าระรื่นมีความสุข ออกไปใช้ชีวิตของแกเหมือนปกติไปแล้วไง”
“อ้อ พี่อยากให้ผมออกไปเที่ยวเหมือนเดิมว่างั้น ได้...ผมไปให้ก็ได้” แล้วของที่ขนยังไม่เสร็จก็ถูกทิ้งไว้ให้ม่านฝันขนต่อเอง จนรายนั้นอ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง
“อ้าว! ทำไมไม่ช่วยให้เสร็จก่อนวะ!”
“อยากพูดมากเอง ก็ขนเองไปด้วยเลยละกัน”
แล้วม่านฝันก็ต้องมาขนของเองพร้อมถอนหายใจ นึกไปถึงเรื่องที่มันจะได้สวยอย่างที่น้องชายว่าแล้วก็รู้สึกใจหาย บอกไม่ถูกว่าตัวเองต้องการอะไร
‘มีอะไรก็โทรมา’ สุ้มเสียงเย็นทุ้มของคนที่พบเจอไปเมื่อวันก่อนก็รู้สึกประหลาดขึ้นมา เขาทิ้งนามบัตรเอาไว้ให้เผื่อว่าบุตรสาวเขามีปัญหา
แต่ตอนนี้บุตรสาวของเขาได้กลับบ้านไปแล้ว เธอก็คงจะไม่มีสิทธิอะไรที่จะโทรไป
“เราก็ไม่ได้อยากจะโทรซะหน่อย จะโทรเพื่อ” ม่านฝันรู้สึกว่าตัวเองกำลังสับสน มันมีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่าเรื่องนี้มันจะไม่ได้จบแบบนี้อย่างง่ายๆ
หรือเป็นเพราะเราไม่อยากให้มันจบกันแน่นะ...
