10
“ให้มันเข้ามา” หลังจากที่ได้รับรายงานว่ามีคนขอเข้าพบแบบที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า เอกสิทธิ์ก็อนุญาตให้เข้ามาเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นมันเป็นใคร
‘น้องไอซ์ขอโทษที่เข้าใจคุณพ่อผิดนะคะ’ เมื่อเช้าบุตรสาวของเขาก็มาขอเข้าพบเขาไปแล้วหนหนึ่ง ซึ่งแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรที่น่าซาบซึ้ง แต่ก็แสดงออกชัดว่าพร้อมจะให้อภัย
เอกสิทธิ์มองเบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนที่เขียนใส่กระดาษโน๊ตที่เขาติดรถตู้ไว้เสมอส่งให้ แต่ในตอนนั้นเขาทำเป็นเหมือนจะไม่เอา แล้วยื่นนามบัตรตัวเองให้แทน เชิงบอกกลายๆ ว่าตัวเองจะไม่มีวันโทรไป
“คงจะปล่อยให้เด็กๆ เขาจัดการกันเองสินะยัยป้า” ว่าเชิงติดไปทางหงุดหงิดที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ ว่าตัวเองหงุดหงิดอะไร
แทนที่จะโทรมาบอกว่าน้องไอซ์จะกลับมาบ้าน ก็ไม่ยอมโทร ความคิดนี้จุดขึ้นมาในใจของเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นบุตรสาวขอเข้าพบ เพราะวันนี้เขาต้องอยู่เคลียร์งานจนไม่มีเวลาเข้าบ้าน
แล้วยิ่งมาถึงตอนนี้ ตอนที่น้องชายตัวดีของเธอกล้ามาขอเข้าพบเขา คนรักน้องชายจนสามารถตายแทนได้อย่างม่านฝันน่ะหรือ ที่จะไม่ยอมโทรมาขอร้องให้เขายอมรับฟังน้องชายตัวเองดีๆ
หรือว่ายัยป้านั่นจะไม่รู้
คิดมาถึงตรงนี้ เรียวนิ้วหนาก็แทบจะเอื้อมไปลูบสัมผัสกระดาษโน้ตยับๆ ที่เขาแปะเอาไว้ในกระดานแจ้งเตือนเล็กๆ สีดำของตัวเอง
หรือว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายโทรไปบอก
“บ้าสิ ไม่เคยโทรหาใครก่อนมาเป็นชาติละ” เอกสิทธิ์ตัดสินใจดึงกระดาษนั้นมาขยำพร้อมโยนลงทิ้งถังขยะไป ไม่มีทางหรอก คนอย่างเขาไม่มีทางที่จะโทรหาใครก่อนแน่!
หลังจากที่ม่านฝันขนของลงจากรถพร้อมตั้งแผงเสร็จเรียบร้อย ก็มาเหลือบมองโทรศัพท์แวบหนึ่ง
สายที่ไม่ได้รับ (1)
“ใครโทรมากันนะ” รีบโทรกลับทันทีเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องด่วนอะไร ยิ่งม่านหมอกบอกว่าจะออกไปเที่ยวเหมือนที่เคยทำก็ยิ่งทำให้เธอไม่ไว้วางใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้...ถ้ามีคนชื่อม่านหมอก!
“ไม่ยอมรับสายซะด้วยแฮะ ลองอีกที ถ้าไม่รู้เดี๋ยวจะไม่มีสมาธิขายของ”
ในขณะที่มีใครบางคนพยายามโทรหาเบอร์ที่ไม่รู้จักนั้น เจ้าของเบอร์ก็กำลังนั่งสงบนิ่ง มองหนุ่มเต็มวัยที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าด้วยทีท่าประหม่า แต่ก็เต็มไปด้วยความสู้มากกว่าคราวก่อน
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่ได้นัดมาก่อนล่วงหน้า”
“แกจะไปหาใคร แกก็นัดล่วงหน้าตลอดเลยเหรอ” สวนขึ้นฉับไวจนคนคิดตามขมวดคิ้วแน่น
“ไม่นะครับ ไม่เคยเลย”
“แล้วแกจะขอโทษฉันเพื่อ”
“ปกติผมก็ขอโทษทุกคนแบบนี้แหละครับ” ม่ายหมอกเริ่มผ่อนคลายและเป็นตัวเองมากขึ้น แต่พอได้สบตากับดวงตาคมที่เข้มขึ้นนั้น เขาก็ต้องสงบปากลงเม้มแน่น
“คือผมอยากจะขอโทษสำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นน่ะครับ คือผม...ลองไปคิดทบทวนดูแล้ว ผมมันก็ไม่มีความรับผิดชอบเลยจริงๆ นั่นแหละ” แววตาคมดุอ่อนแสงลงเชิงยอมรับฟัง นั่นเป็นผลทำให้ม่านหมอกหายใจโล่งขึ้น
“ที่ผมทำไปทั้งหมดผมยอมรับว่าผมทำไปเพราะแค่ว่านึกสนุกตามประสาผู้ชาย และก็ไม่ได้คิดที่จะจริงจังกับน้องไอซ์ตั้งแต่แรก” เอกสิทธิ์ยังคงฟังอย่างสงบ แม้ทุกคำในประโยคดังกล่าวไม่ได้แตกต่างจากคราวก่อนที่ม่านหมอกบอกไว้
แต่ในน้ำเสียงและทีท่าที่ตั้งใจจะอธิบาย มันมีความรู้สึกบางอย่างปะปน ที่แสดงได้ชัดว่าออกมาจากใจจริงๆ
ผู้เป็นใหญ่อย่างเอกสิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อในความโหดร้ายเย็นชา แต่สิ่งที่เขาชอบที่สุดกลับไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ไม่กลัวใคร แต่มันคือ ‘ความออกจากใจ’ ต่างหาก
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกอะไรเลย” ครานี้ดวงตาสงบนิ่งเบือนมายังแววตามุ่งมั่น ที่พยายามจะพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกแต่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
“ผมรู้ว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว หรือเป็นพ่อของลูกที่ดี แต่ผม...ก็อยากจะทำอะไรก็ได้ ที่สามารถรักษาชื่อเสียงและหน้าตาของน้องไอซ์เอาไว้”
“ยังไง”
“ผมจะยอมแต่งงานกับน้องไอซ์อย่างถูกต้องตามประเพณีครับ” แววตาคมดุเยียบเย็นลงเชิงครุ่นคิด
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“คุณพ่อจะให้ผมทำอะไร ผมก็จะทำครับ”
“ฉันไม่ใช่คนที่อยากจะตัดสินชีวิตใคร ชีวิตใครก็ต้องชีวิตมันด้วยตัวเองเองสิ” ม่านหมอกจำต้องรวบรวมความกล้า พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ
“และแกเองก็ไม่มีสิทธิที่จะตัดสินชีวิตใครเหมือนกันด้วย” แต่เอกสิทธิ์เสริมทับขึ้นมาเสียก่อน
“หมายความว่า...”
“ถ้าเรื่องแค่นี้แกคิดไม่ได้ แกก็อย่าอยากจะรับผิดชอบอะไรในชีวิตเลย” ม่านหมอกยิ้มออกมาเมื่อเริ่มที่จะเข้าใจ
“ขอบคุณครับพ่อ”
“ฉันไม่ใช่พ่อแก ไม่ต้องมาเรียก กลับไปจัดการสิ่งที่ต้องจัดการเถอะ ฉันมีงานต้องทำต่อ” ม่านหมอกยกมือไหว้อย่างแทบจะกราบ เชิงดีอกดีใจ
เอกสิทธิ์ในวันนี้ช่างไม่เหมือนในวันนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาหายโกรธแล้วหรือได้สติจากการถูกเตือนก็ไม่แน่
“ขอบคุณที่ให้โอกาสผมครับ” ม่านหมอกตั้งใจว่าจะทำมันให้ดีที่สุด แม้จะยังไม่มั่นใจในตัวเองสักนิดเลยก็เถอะ
พอออกจากตึกทำงานสูงใหญ่ของเครือทรัพย์อนันต์ เขาก็รีบบึ่งรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ ไปหาคนที่เขาจะต้องไปเจอแบบไม่สนใจว่าตอนนี้กำลังจะเป็นเวลามืดค่ำแล้วก็ตาม
ส่วนม่านฝันผู้ยืนขายของตลาดนัดด้วยความรู้สึกค้างคาใจ ว่าใครเป็นคนโทรมา เพราะโทรกลับยังไงก็ไม่มีคนยอมรับสาย
เธอต้องเป็นเดือดเป็นร้อนสิ เธอกลัวว่าน้องชายตัวดีมันจะไปเรื่องอะไรไง!
ส่วนคนที่ล้วงโทรศัพท์ออกมาดู ก็แอบอมยิ้มเล็กน้อย
สายที่ไม่ได้รับ (5) ทำเอาเขารู้สึกพึงพอใจ ที่ได้รู้สึกเอาคืนเธอบ้าง มีอย่างที่ไหน...ปล่อยให้เขารอสายตั้งนานแล้วไม่ยอมรับเอง
ไม่ต้องรู้หรอก...ปล่อยให้งงไปอย่างนี้แหละ
