3
“ทำไมไม่ยอมรับสายเลยนะ” ไอยราเดินวนไปมารอบห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีตุ๊กตาเรียงรายเต็มไปหมด มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่มีการตอบกลับจากใครบางคนมาร่วมสองอาทิตย์กว่า
ม่านหมอกเงียบหายจนทำเอาเธอใจหวั่น เพื่อนของเขาก็พากันไม่ยอมรับสายเธอตามไปด้วย
“อย่าบอกนะ...ว่าพี่เขาจะทิ้งเราอ่ะ” คิดมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกยอมรับไม่ได้ก็ท่วมท้นไปทั้งอก ใจดวงน้อยสั่นพร่า กดโทรออกย้ำๆ ซ้ำๆ จนเครื่องเกือบค้าง
“ไม่เอานะ ไม่เอา...” ความรู้สึกเหมือนจะตายมันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ เด็กสาวแอบชอบรุ่นพี่คนนี้มานานหลายปี แม้เขาจะไม่สนใจแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหันมามองตัวเองบ้าง
มันไม่สำเร็จมาเสมอจนกระทั่งวันนั้น...
วันที่เธอไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนแล้วบังเอิญไปเจอม่านหมอก เขาส่งยิ้มให้เธอแถมยังชวนเธอดื่ม เลยเถิดไปจนถึงพาเธอไปที่ห้องของเขา
‘พี่มองข้ามน้องไอซ์มาตั้งนานได้ยังไง น้องไอซ์สวยน่ารักขนาดนี้’
คำพูดแค่นี้ของเขา เธอก็ทึกทักไปเองว่าเขาคงจะเห็นค่าของเธอแล้ว หันมามองเธอแล้ว เพราะหลังจากกลับจากภูเก็ต เขาก็ยังมาพาเธอไปไหนมาไหนด้วยไม่เคยขาด
ไอยรายอมรับว่าตัวเองมีความสุขมาก มีความสุขที่สุดตั้งแต่เคยเกิดมา...เธอโหยหาความรักความอบอุ่นแบบนี้มาตลอดทั้งชีวิต
แต่มันกลับไม่ใช่...
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำเอาเธอได้สติขึ้นมา จนสะดุ้งโหยง รีบถูมือไปมา กลบเกลื่อนความวิตกกังวลบนใบหน้า ทำตัวราวกับมีชนักปักหลัง
“หลับหรือยังน้องไอซ์ ขอพ่อเข้าไปหน่อย” ยิ่งเสียงที่ส่งมานั้นคือเสียงของบิดาด้วยแล้วล่ะก็ ใจดวงน้อยก็แทบจะหล่นลงพื้นเสียให้ได้
“ค่ะคุณพ่อ สักครู่นะคะ!”
ไม่กี่อึดใจ ประตูห้องของบุตรสาวที่บิดาผู้เคร่งขรึมไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาหลายปีตั้งแต่ที่บุตรสาวเติบใหญ่ ก็ได้เปิดออก
“ค่ะคุณพ่อ คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าคะ” สาวน้อยตาใสเจือความพิรุธชัด หากแต่บิดาร่างสูงใหญ่ที่ยังคงหล่อเหลา กลับทำเป็นไม่ได้สนใจ
ใช้สายตาว่างเปล่ามองเข้าไปในห้องบุตรสาวเชิงขออนุญาต
“เป็นยังไงบ้าง เรื่องเตรียมสอบ” เอกสิทธิ์หมายถึงสอบเข้าเรียนต่อที่นิวยอร์กตามที่เขาวางแผนเอาไว้ให้
“อ๋อ...ก็เรื่อยๆ ค่ะคุณพ่อ ยากหน่อยแต่จะพยายามค่ะ” ว่าตะกุกตะกัก เตรียมสอบอะไรเธอโดดเรียนพิเศษไปเที่ยวกับผู้ชายตลอดต่างหาก
“ยากวิชาอะไร”
“ก็โดยภาพรวมน่ะค่ะคุณพ่อ” อันที่จริง...มันก็ยากทั้งหมดนั่นแหละ คนเรียนได้ระดับกลางๆ อย่างไอยรา แถมยังไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนเท่าไหร่ เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่บิดาหวังหรือเปล่า
“ภาษาอังกฤษล่ะ พอได้บ้างรึยัง”
“เอ่อ...ก็พอสื่อสารได้ค่ะคุณพ่อ” นี่คงจะเป็นความจริงเดียวแล้ว เพราะตั้งแต่เด็กๆ บิดามักจะส่งเธอไปใช้ชีวิตที่นั่นเพื่อฝึกภาษามาเสมอ
“แค่สื่อสารไม่พอหรอก เพราะการเรียนที่ต่างประเทศหนูต้องสามารถเขียนภาษาทางการได้ด้วย คอร์สที่พ่อจัดให้สอนโอเครึเปล่า”
คอร์สไหนกันล่ะ...ไอยรายังไม่เคยได้เรียนเลยสักคอร์ส!
“ก็...พอได้ค่ะคุณพ่อ เดี๋ยวน้องไอซ์จะพยายามให้มากขึ้นนะคะ ยังไงก็จะทำให้ได้ค่ะ” แม้พิรุธบุตรสาวจะท่วมท้น แต่คนเป็นพ่อที่ยังคงนิ่งมาเสมอนั้นก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะดุหรืออย่างไร
“ทำไมตัวสั่นขนาดนั้น ไม่สบายหรือ” สาวน้อยรีบส่ายหน้า จนดูร้อนตัวเกินไป
“เปล่าค่ะคุณพ่อ น้องไอซ์แค่กดดันน่ะค่ะ ไม่อยากให้คุณพ่อผิดหวัง” เอกสิทธิ์เลือกที่จะไม่พูดอะไร เพราะสิ่งที่เขาอยากจะพูดแทบตาย...มันแสนจะเจ็บปวด
แม้ที่ผ่านมาเขาจะดูเป็นคนเย็นชาและเข้มงวดกับไอยรามาตลอด แต่เขาก็ไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจ พยายามให้ทุกสิ่งทุกอย่างแบบแสดงความรับผิดชอบ
มารดาของไอยราทิ้งเธอและเขาไปตั้งแต่ไอยราอายุสามเดือนกว่า ตอนนั้นเขาไม่ยอมรับตำแหน่งต่อจากบิดา พาเธอตรากตรำลำบากจนปารียา คณานิล ต้องทิ้งเขากับลูกไป
“ขอบใจ ที่จะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง” คนที่รู้อะไรมาพอสมควรว่าไปอย่างนั้น ดูเรียบเรื่อย...แต่ฉายวูบไหวแห่งความเจ็บปวดล้ำลึกจนเด็กสาวลอบเห็น
ความผิดที่เธอพยายามหลบซ่อน สั่นสะเทือนขึ้นมาจนน้ำตาเด็กสาวพาลจะไหล
“ค่ะคุณพ่อ น้องไอซ์สัญญาค่ะ” แล้วเธอก็โผเข้ากอดบิดาอย่างรู้สึกผิด หลังจากวันนั้นประจำเดือนเธอก็ยังไม่มา แอบไปตรวจแล้วก็ยังไม่ท้อง เพื่อนๆ บอกกับเธอว่าอายุครรภ์น้อยๆ ตรวจยังไงก็ยังไม่เจอ เธอก็เลยยังไม่สบายใจเท่าไหร่
ถ้าเราท้อง...คุณพ่อจะต้องเสียใจมากแน่
