2
1 เดือนผ่านไป
“นี่ค่ะเจ๊ ดอกงวดแรกหนึ่งหมื่นห้าพันสองร้อยบาท” ผู้หญิงทรงเจ๊ที่มีการตีพองเส้นผมลักษณะสั้น ทาปากแดงแจ๋ แต่งหน้าจัดจ้านปานจะไปเล่นงิ้ว รับเงินฟ่อนบางๆ ไปนับอย่างใจเย็น
ไฝบนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย คราริมฝีปากหนาเหยียดออก ก่อนตวัดสายตามองหญิงสาวตอนปลายที่ผิวพรรณไม่ได้เปล่งปลั่ง แถมยังดูอิดโรยกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยพบเจอกันมา
“ผลัดมาตั้งสามงวด ให้มาแค่นี้เองเหรอ”
“โถ...เจ๊ ฉันเป็นขาประจำเจ๊นะ ช่วงนี้ของก็ขายไม่ค่อยได้เลย ฉันต้องเก็บไว้ทำทุนต่อ ถ้าไม่มีทุนฉันก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินยังไงมาผ่อนดอกเจ๊อีกนะ” ลูกหนี้ผู้ผัดผ่อนบ่อยที่สุด แถมดอกก็ยังทบขึ้นจนท่วมหัวท่วมหาง แทบจะก้มลงกราบกรานคนที่สะบัดหน้าหนีทันทีที่ได้ยิน
“ไม่รู้แหละ อาทิตย์หน้าลื้อต้องหาเงินมาให้อั๊วอีกหมื่นห้า ถ้าทำไม่ได้อั๊วจะยึดบ้านลื้อ!” ว่าพร้อมมองไปรอบบ้านหลังเล็กที่พอจะขายทอดตลาดหรือปล่อยเช่าทำร้านรวงต่างๆ ได้
เพราะม่านฝันเป็นคนดูบ้านเรือนเป็นอย่างดี สะอาดตาน่าอยู่ แม้ว่าหน้าตาจะดูโทรมแค่ไหน เสื้อผ้าจะเก่าเพียงใด สิ่งที่เธอมักจะทำได้ดีเสมอก็คือ...รักษาความสะอาดและมีกลิ่นตัวที่หอมอยู่เสมอ แม้ไม่ได้ปรุงแต่งประทินร่างด้วยน้ำหอมเลยสักหยด
“โถ...เจ๊ อย่าทำอย่างนั้นเลยนะจ๊ะ ฉันสัญญาจ้ะว่าฉันจะหาเงินหมื่นห้ามาให้เจ๊ให้ได้!” คนโบกพัดในมือไปมา...เบ้ปากเชิงค่อน
“ถ้าอั๊วเชื่อลื๊อได้ ลื๊อคงไม่เป็นหนี้อั๊วมาจนถึงทุกวันนี้หรอก!” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นสะบัดเสื้อผ้าที่ยาวกรอมร่างตัวเองนั้นพอเป็นพิธี ก่อนเดินเยื้องย่างออกจากบ้านหลังเล็กนี้ไป
ปล่อยให้เจ้าของบ้านอย่างม่านฝัน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลับตาเพื่อกล้ำกลืนความรู้สึกมืดมนนี้ราวกับกำลังควานหาแสงสว่าง
“ไม่ได้ๆ เราจะจมไม่ได้...เราจะต้องทำงานหาเงินเพื่อรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้” แม้น้ำเสียงที่บอกตัวเองจะโรยรา แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมามองรูปบนฝาผนัง
ชโลมตัวเองด้วยรอยยิ้มจากพวกท่าน ที่เหมือนจะเป็นกำลังใจเดียวแล้วในชีวิต
“แม่คะ...มาให้หวยหนูด้วยเถอะค่ะ ได้โปรด!!” ชีวิตที่เหมือนวิ่งอยู่บนเส้นด้ายอย่างม่านฝัน ก็มีเพียงเท่านี้ ถ้าไม่หวังกับหวยก็ไม่รู้ว่าจะหวังกับอะไร
เธอเคยถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่หนึ่งครั้งเดียวในชีวิต ตอนอายุ 25 ปี ตอนนั้นน้องชายสุดที่รักเพิ่งจะอายุ 15 เงินหกล้านหายไปพริบตา เพราะน้องชายไปมีเรื่องกับลูกคนใหญ่คนโต จนต้องตามไปชดใช้ค่าเสียหายและการประกันตัวออกมา
บวกกับหนี้เดิมที่เคยมีก็ต้องนำไปชดใช้ เหลือไว้กินไว้ใช้ไม่กี่แสน และก็ร่อยหรอลงเรื่อยๆ เพราะน้องชายตัวดีอีกนั่นแหละ
แต่ม่านฝันก็ไม่เคยโกรธน้องชายได้จริงๆ จังๆ เลยสักที อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลกแล้ว ที่ทำให้เธอมีคำตอบว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
ถ้าไม่มีน้องชาย...เธอก็คงจะเลือกที่จะหนีปัญหาด้วยการจบชีวิตบ้าๆ นี่ลงไปแล้วในหลายต่อหลายครั้ง ที่ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหา จนไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไง
“แม่มาเข้าฝันม่านด้วนนะคะ ม่านจะได้มีเงินไปใช้หนี้เจ๊เขา” ไม่ได้พูดเปล่า จุดธูปอธิษฐานถึงมารดาทันที เพราะเธอรู้ดีว่าบิดาผู้ไม่ชอบการพนันทุกประเภท ไม่สนับสนุนให้เธอเอาดีทางการเสี่ยงโชคแน่
ม่านฝันแบกของอย่างทุลักทุเลขึ้นสามล้อที่ซื้อมาใหม่ หลังจากขายรถยนต์เพื่อปิดหนี้บัตรเครดิตให้น้องชาย ผู้ตอนนี้นอกจากจะไม่ยอมทำงานแล้ว ก็ยังคงเที่ยวเตร็ดเตร่ไปกับกลุ่มเพื่อนฝูงแบบไม่กลับบ้านมาหลายวัน
วันนี้เธอขายของตลาดนัดหมดเร็ว ก็เหลือเวลากลับไปนอนเอาแรง แต่ถูกแก๊งเพื่อนสาวเรียกรวมตัวกลางดึกกลางดื่นขึ้นมาเสียก่อน
“เฮ้ยๆ มันมาแล้วว่ะ ทางนี้ๆ” แก๊งเพื่อนสาวที่ว่านี้ เป็นแก๊งที่รักกันอย่างเหนียวแน่นมาตั้งแต่ประถม แม้ว่าทุกคนจะแยกย้ายกันไปเติบโต ได้ดิบได้ดีในเส้นทางของตัวเองแล้ว...ก็ไม่มีใครหลงลืมเพื่อนรักนักสู้ ผู้น่าสงสารคนนี้ไปได้
“โอ้โห ไม่เจอกันตั้งนาน แกแม่งยังสมบุกสมบันเหมือนเดิมเลยนะเว้ย” นิชนันท์ อาสาสุด รีบวิ่งไปต้อนรับเพื่อนพร้อมกอดให้หายคิดถึง ซึ่งคนที่คิดถึงไม่แพ้ก็รีบกอดตอบ แม้จะล้าเต็มทีแล้วก็เถอะ
“ตอนนี้เวลาสี่ทุ่มห้าสิบห้า...มาตรงเวลามากเวอร์!” กรรณิกา คำใส พยาบาลสาวใหญ่ ที่ตอนนี้มีอาชีพเสริมเป็นนักขูดหวยตัวแม่ เอ่ยแซวเพื่อนผู้พบเจอกันบ่อยครั้งมากที่สุด พร้อมส่ายหน้า
“แกก็รู้ ฉันต้องขายของทุกวันนะเว้ย ถ้าไม่ขายก็ตายไปเลย เลือกอะไรได้ที่ไหนกันพล่ะ” แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ลืมที่จะคว้าแก้วไวน์มารินด้วยตัวเอง เพราะไม่ได้ดื่มมาสักพักใหญ่ๆ
“เออ เข้าใจ แค่แซวแหละแหม ว่าแต่งวดนี้แม่แกมาให้อะไรวะ ฉันจะได้เอาไปคำนวณและประมวลผลสรุป”
“แหมๆๆ พอกันก่อนแมะ...ฉันเพิ่งกลับจากต่างประเทศมาหมาดๆ แถมได้งานใหม่มาแบบสดๆ ร้อนๆ ควรจะมาแสดงความยินดีกับฉันมะ ไม่ใช่มาคุยเรื่องหวย!” นิชนันท์โวยวายดักขึ้น จนเพื่อนทั้งสองต้องเบรกเรื่องที่คุยกันบ่อยที่สุดลง
“เออๆ ยินดีกับแกด้วย ว่าแต่ได้งานที่บริษัทไหนวะ” ม่านฝันผู้ไม่ได้รับรู้รายละเอียดชีวิตผู้อื่นสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยได้ท่องโลกโซเชียล ถามไปด้วยกระดกไวน์ลงคอไปด้วย
ขาดื่มตัวยงอย่างเธอ มัวแต่ประหยัดจนไม่ได้ลิ้มรสไวน์ฉ่ำๆ แบบนี้มาจนแทบจะลืมรสชาติของมันไปเสียแล้ว
“บริษัทใหญ่โตจ้า เหมาะสมกับตำแหน่งนักการตลาดปริญญาโทจากนิวยอร์ก มาปุ๊บได้เป็นหัวหน้าแผนกปั๊บ!” กรรณิการีบอวยเพื่อนนำไปก่อน หากแต่คนที่คิดว่าเวอร์เกินไปนั้นต้องรีบส่ายหน้า
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็บริษัทเครื่องสำอางขนาดกลางนี่แหละ ดูผิวแกโทรมนะช่วงนี้ ไม่แต่งหน้าเลย...แกไม่มีตังซื้อเครื่องสำอางเหรอ” ถามอย่างเป็นห่วงเพื่อนห้วยใจจริง เพราะนิชนันท์นั้นเป็นคนรักสวยรักงาม แต่งตัวดูดีมีกาลเทศะ สวยแบบแพงๆ ตามฐานะที่ดีดขึ้นไปจนมีทุกอย่างได้
“เออดิ แค่ตังจะกินข้าวยังไม่มี ฉันจะไปเอาตังไหนไปทำให้ตัวเองดูดีวะ” ว่าอย่างยอมรับความจริง แต่ก็ไม่ได้น้อยอกน้อยใจในวาสนา
โชคดีเหลือเกินที่แม้จะไม่เหลือญาติมิตรที่ไหน แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนทั้งสองคน ที่ถึงคนหนึ่งจะไปอยู่ไกลถึงต่างประเทศไม่ได้เจอหน้าเจอตา ก็ยังมีการติดต่อพูดคุยกันมาเสมอไม่ขาด
และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนทั้งสอง...ยังทั้งรักและจริงใจกับเธอแบบที่สามารถพูดให้กันฟังได้ทุกอย่าง แบบไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะดูถูกเหยียดหยาม หรือรังเกียจตัวเธอเลยแม้แต่น้อย
“พูดมาซะฉันจะร้องไห้ เดี๋ยวถ้าฉันได้เครื่องสำอางที่โล๊ะเกรดแต่คุณภาพเท่ามาได้ ฉันจะเอามาให้แกแบบฟรีๆ เลย ถือว่าช่วยกัน”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ค่อยมีเวลาแต่งอยู่แล้ว ช่วงนี้วุ่นหาเงินอย่างเดียว เรื่องอื่นช่างแม่งปลดทิ้งหมดแล้ว” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้มีความยอมแพ้ โทษโชคชะตาหรือด่าทอตัวเอง
แววตาและท่าทีของม่านฝัน ก็ยังเป็นเหมือนคนที่มีความฝันเคลือบฉาบตัวเองเอาไว้ให้มีความหวังอยู่ตลอด แม้จะไม่ได้เต็มไปด้วยความโลกสวย แต่ก็เป็นการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
“เอาแค่แป้งฝุ่นให้มันสักป๋องสองป๋องพอ มันใช้บ่อย” คนที่รับรู้ชีวิตเพื่อนคนนี้มาตลอด ว่าอย่างไม่ได้ตกใจหรือสงสาร เพราะรู้ดีว่าจะกี่ปัญหา...คนคนนี้ก็สามารถผ่านมันไปได้หมดนั่นแหละ!
“อย่าบอกนะว่าแกไม่เคยบำรุงครีม แล้วตบแป้งฝุ่นก็พอแล้วน่ะ” นิชนันท์เอามือทาบอกอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
“เปล่า! มันเอาแป้งฝุ่นไว้ไปถูหวยต่างหาก” แล้วทั้งกรรณิกาและม่านฝันก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างชอบอกชอบใจ
“อย่างนี้สิเขาถึงจะเรียกว่ารู้จักกันจริง ชนแก้ว!” และพอเสียงดนตรีมันส์ๆ ดังกระหึ่มขึ้น ม่านฝันก็กระทำการโยกไปมาตามจังหวะ แบบไม่ได้สนใจเลยว่าวินาทีที่แล้วจะแบกของขึ้นรถสามล้อหนักแค่ไหน ขับรถลากมาไกลเท่าไหร่
และวินาทีหน้าต่อๆ ไป จะต้องหาเงินไปใช้หนี้อย่างไรบ้าง
ช่างหัวมันเถอะอดีตและอนาคต เธอจะอยู่กับปัจจุบันขณะเพียงเท่านั้น สนใจและซึมซับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันเป็นสิ่งเดียวแล้วที่จะทำให้เธอมีลมหายใจต่อไปได้
ม่านฝันเชื่อแบบนั้น...และจะเชื่อมันตลอดไปด้วย!
