1
“ได้เลยเจ้ ไม่มีปัญหาจ้ะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้เงินเข้าฉันโอนเลยจ้ะ ใช่เจ้...ขายดีจ้ะช่วงนี้ขายดี” คนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วแว่วหวาน รื้อใบเสร็จคงค้างจ่ายทั้งหลายกองเต็มหน้าตัก ก่อนกดวางสายจากเจ้าหนี้ขาประจำ ที่เธอผัดผ่อนมาสองสามงวดแล้ว
“เฮ้อ จะเอาที่ไหนไปให้เขาวะเนี่ย ขายดีกับผีอะไร ขาดทุนทุกวัน” แล้วก็ต้องเอามือกุมขมับ...เอนหลังราบไปกับโซฟาตัวเก่ากลางบ้าน บ้านหลังเล็กที่เป็นเหมือนสมบัติชิ้นเดียวแล้วที่พ่อกับแม่ได้เหลือทิ้งไว้ให้
พอคิดไปถึงตรงนั้น ม่านฝัน พิทักษ์สงวน ก็อดที่จะน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้
“ไม่เอาน่า ปัญหาแค่นี้ จิ๊บๆ...มันต้องมีทางออกของมันแหละ ใจเย็นๆ” ประโยคยอดฮิตที่ฟังมาร่วม 20 ปีตั้งแต่บุพการีได้จากไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน ประโยคพวกนี้ก็ไม่ได้เลือนหายไปจากชีวิตของเธอได้เลย
พอคิดได้อย่างนั้นก็รีบมานั่งดูบิลต่อ ค่าใช้จ่ายภายในบ้านเธอต้องดูแลแน่อยู่ละ...แต่ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่ไหลบ่ามาเร็วกว่าทางไหนๆ ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘น้องชายตัวดี’
“บัตรเครดิตสามใบรูดเกลี้ยง! ไอ้หมอกกกก!!” เธอตะโกนลั่นบ้านทันที เมื่อได้ดูใบแจ้งเตือนการใช้งานบัตรที่เธอทำจนจะครบทุกที่ ที่เขาให้ทำได้
แถมยังใจอ่อนยอมให้น้องชายเอาไปใช้ถึงสามใบ และมันก็ใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด!
“อะไรเจ้ เสียงดังอะไร” คนที่เพิ่งขับรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาถึงหน้าบ้าน ปัดเส้นผมที่ยับยุ่งจากหมวกกันน็อคให้เข้าที่ ทีท่าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องใด ตามวิสัยปกติ
“แกมานี่เลยนะ ไอ้น้องชายตัวดี!”
“ผมก็รู้ว่าผมดีอ่ะ” เขาว่าอย่างสบายๆ เดินเข้าไปหาพี่สาวเพียงคนเดียว ด้วยทีท่าอิดโรย เพราะขับรถทางไกลมาร่วมหลายชั่วโมง
“หน้าด้านมาก! แกใช้เงินยังไงวะ รูดบัตรเครดิตใบละห้าหมื่นหมดสามใบภายในเดือนเดียว!” อุณหภูมิบนศีรษะของม่านฝันพุ่งสูง เหมือนมีน้ำเดือดปุดๆ กระจายทั่วร่าง
“เงินแค่แสนห้ามันจะไปพออะไร นอนโรงแรมคืนเดียวก็แทบจะไม่ได้”
“บ้าบอ...แกไปนอนโรงแรมบ้าอะไรคืนละเป็นแสนๆ วะ!” ผู้เป็นพี่สาวว่าอย่างผิดหวังและอยากจะตายลงตอนนั้น ณ เดี๋ยวนั้น ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!
“ผมก็เลยยืมเพื่อนไปเพิ่มน่ะ พี่ช่วยไปเคลียให้ด้วยนะ ประมาณสามแสน”
“สามแสน! ฉันอยากจะตาย! ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปคืนเขาวะ” น้องชายตัวดีหลับตาลงเหมือนไม่ได้สนใจจะรับฟัง ทีท่ายังคงไม่ได้เดือดร้อนดังเก่า
“ขนาดเป็นล้านพี่ยังมีปัญญาหามาได้เลย อย่าลืมสิ ผมเคยใช้เงินเดือนเป็นล้านมาแล้วนะ พี่สาวเก่งขนาดนี้...มีอะไรให้ผมต้องกังวลอ่ะ” แล้วเขาก็เอนศีรษะไปซบพี่สาวเชิงอ้อน หากแต่มันไม่ได้ช่วยอะไร ม่านฝันผลักไสเขาเสียเต็มแรง
“นี่ที่ฉันแก้ปัญหาให้แกได้ มันไม่ได้ทำให้แกสำนึกและจะทำตัวให้ดีขึ้นเลยใช่มั้ย มันเป็นผลให้แกเชื่อผิดๆ ว่าไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะแก้ปัญหาให้แกได้อยู่เสมอ อย่างนั้นใช่มั้ย!” คนที่ติดตลกกับชีวิตเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายมาเสมอ เลือดร้อนขั้นสุดจนม่านหมอก พิทักษ์สงวน ต้องหรี่ตามองเชิงไม่แน่ใจว่าพี่สาวกำลังเอาจริงอยู่รึเปล่า
“พี่จะตะโกนทำไม แสบแก้วหูไปหมดแล้วเนี่ย”
“ได้! ต่อไปนี้...ชีวิตแก แกก็รับผิดชอบเองเลย! ฉันจะไม่ยุ่งกับแกแล้ว!” ม่านหมอกผู้ไม่เชื่อในสิ่งที่พี่สาวพูดมา ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับคำขู่ จะเดือดร้อนก็เพราะว่าแค่...แสบแก้วหู เขาทำเป็นส่ายหน้าแบบไม่ถือสา ก่อนจะขอตัวขึ้นบนบ้านไป
ม่านฝันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ม่านหมอกรู้ว่าเธอเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของตัวเองไม่ได้...เพราะมันเป็นเช่นนั้นเสมอมา
“หนูขอโทษนะพ่อกับแม่ ที่หนูเลี้ยงมันให้ดีกว่านี้ไม่ได้เลย” แล้วหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลลงมาบนผิวหน้าขรุขระ มีรอยดำจากการเกิดสิว และรูขุมขนกว้างเปิดขับน้ำมันออกมาเป็นหย่อมๆ ตามจุด T zone
ม่านฝันไม่เคยได้ดูแลตัวเองให้ดีตามประสาผู้หญิงทั่วไป ชีวิตของเธออุทิศให้การทำงานงกๆ หาเงินมาจุนเจือครอบครัว ที่แม้จะมีกันแค่สองคน...แต่เธอก็ไม่เคยปล่อยให้น้องชายต้องตกระกำลำบาก
ไม่ว่าจะต้องใช้ปากกัดและตีนถีบสุดใจ เธอก็จะต้องหาเงินมาให้ได้ในทุกๆ ทาง ส่งผลให้ผู้หญิงวัย 35 ปีอย่างเธอ กลายเป็นผู้หญิงหน้าโทรม ร่างซูบ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ซ้ำๆ ไม่กี่ตัว ซักจนผ้าบางไปหมด ขาดวิ่นบ้างก็ยังมี
อาชีพของม่านฝันไม่ได้เลิศหรู เพราะว่าเธอส่งตัวเองเรียนจบ ม.6 แค่ กศน.หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิต แม้จะเรียนต่อรามคำแหงจนจบปริญญาตรีด้านกฎหมาย แต่พอเธอได้หางานทำจริงๆ กลับยังไม่ตอบโจทย์ชีวิตที่วุ่นวายและภาระหนี้สินที่น้องชายได้ก่อของตัวเองสักเท่าไหร่
เธอก็เลยต้องออกมาเป็นแม่ค้าขายของตามตลาดนัด ขายอาหารยามเย็น รับจ้างทั่วไปเหมือนฟรีแลนซ์ ทำงานพาร์ทไทม์บ้าง ทำงานพิเศษเสริมบ้าง สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรอดมาได้อาจจะไม่ใช่เพราะเงินทองหรือกำลังใจอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะความสู้แบบเอาหัวดุนปัญหาของเธอต่างหาก ที่ทำให้เธอรอดพ้นมาอย่างหวุดหวิดได้เสมอ!
รูปทีละใบถูกดึงดูช้าๆ อย่างใจเย็น ฝ่ามือใหญ่กร้านแทบจะอยากขยำรูปพวกนั้นให้ป่นปี้ ลูกน้องคนสนิทยืนสงบนิ่งราวกับรอรับฟังคำสั่ง
บรรยากาศในห้องทำงานใหญ่ของเอกสิทธิ์ ทรัพย์อนันต์เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมตามลักษณะเจ้าของ เครื่องเรือนสีดำสนิทถูกขัดเป็นมันวาว รับกับพื้นปาร์เกต์สีดำเข้ม สะท้อนเข้าดวงตาสีดำสนิท ที่จ้องมองรูปในมืออย่างดำดิ่งและคาดเดาความรู้สึกภายในไม่ได้
“นานแค่ไหนแล้ว”
“เดือนกว่าครับนาย” ภาพชายหญิงที่กอดรัดกันอยู่ที่โรงแรมสุดหรูใจกลางเมืองภูเก็ต ช่างทำให้อกผู้เป็นใหญ่แทบจะแตกสลาย
“จับตาดูมันไว้ให้ดี ยัยไอซ์ก็ด้วย”
“ครับนาย” แล้วหลังจากที่ลูกน้องได้เดินออกไป ผู้เป็นใหญ่ก็ได้เอนหลังไปกับเก้าอี้ประจำตำแหน่งราวกับคนเหนื่อยอ่อน
เอกสิทธิ์ทำทุกอย่างได้ดีแบบไม่มีที่ติมาเสมอ เขาคิดว่าตัวเองเลี้ยงบุตรสาวอย่างดีที่สุดมาตลอด แต่ผลลัพธ์ของมัน...กลับไม่ได้ดีดังคาด
ไอยรา ทรัพย์อนันต์ เป็นบุตรสาวที่น่ารัก เชื่อฟัง ค่อนไปทางหัวอ่อน เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า...บุตรสาวเพียงคนเดียวจะโกหกเขา
‘น้องไอซ์จะขอคุณพ่อ ไปเที่ยวกับเพื่อนหลังเรียนจบน่ะค่ะ แล้วสัญญาว่าจะกลับมาตั้งใจสอบเข้าที่นิวยอร์กให้ได้’ เขาไม่เคยปล่อยให้บุตรสาวไปไกลหูไกลตา ครั้งนี้ถึงยอม...ก็มิวายตามคนไปประกบห่างๆ
ไอยราไม่ได้โกหกเขาซะทีเดียว เธอมีเพื่อนไปด้วยกันกลุ่มใหญ่ หากแต่เธอแยกตัวออกไปเริงรักกับชายหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้ แต่การแต่งตัวและรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูดีเอาเรื่องอยู่
แต่นั่นมันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่เขารู้มาว่า...ผู้ชายคนนี้มันไม่เคยจริงจังกับใคร และมาควงบุตรสาวของเขาแก้เหงา เพียงเท่านั้น
