บทที่4.2อำนาจมืด
" หนึ่งไปเตรียมกับข้าว เดี๋ยวแม่จะบอกพ่อแกเอง ไปซิ "
ดวงหฤทัยรีบเดินไปเตรียมอาหารตามที่แม่เธอบอก ดวงตาคู่สวยก็พยายามสอดส่องดูว่าแม่พูดอะไรกับพ่อบ้างอย่างไม่คาดสายตา
พิศมัยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อดีตสามีฟัง อย่างตั้งอกตั้งใจเสมือนเห็นภาพโฮโลแกรมเลยทีเดียวจนชัยรู้แน่ชัด
" เธอปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงพิศมัย เธอดูแลลูกยังไง ทำไมถึงได้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับหนึ่ง ฉันเจ็บกว่าเธอหลายเท่า มันเป็นใคร ฉันจะไปยิงมันให้ไส้แตกเดี๋ยวนี้ พาฉันไป " ชัยเสียงดัง แค้นเคือง
"ฉันรู้ ว่าฉันเลี้ยงลูกได้ไม่ดีนัก แต่คนอย่างฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกฟรีๆหรอก ฉันถึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือ โฉมน่าจะพอมีอำนาจ รู้จักคนใหญ่คนโต ช่วยเราได้ ทางนั้นรวยมากฉันกลัวว่าอำนาจเงินจะทำให้เขาลอยนวล ฉันยอมไม่ได้ ถึงได้บากหน้ามาหาพี่ "
" สามีโฉมรู้จักคนเยอะ ล้วนแล้วแต่คนมีสีทั้งนั้น แต่ใจฉันอยากจับมันเข้าคุกมากกว่า " ชัยพูดด้วยแววตาขึงขัง
" เข้าคุกออกมาก็ลอยนวล แถมหลานออกมาจะมีคนตราหน้าเอาได้ สู้ให้รับผิดชอบแต่งกันไปเลยดีกว่า อย่างน้อยเด็กเกิดมาก็มีพ่อ อนาคตจะเลิกกันก็ชั่งมัน ฉันมั่นใจว่าหนึ่งและพวกเราสามารถดูแลหลานได้ ฉันถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ "
" พรุ่งนี้เราค่อยไปหาโฉม โฉมน่าจะช่วยพูดกับคุณกรให้เขาช่วย คืนนี้ไปพักผ่อนเถอะ " ชัยบอกพิศมัย แต่ในใจเขากลัดกลุ้ม ชัยไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องเลวร้ายที่ทำให้ลูกสาวเขาเสียหาย
โฉมกำลังดูบัญชีค่าเช่าตึกแถว อพาร์ตเม้นท์และที่ดินอย่างละเอียด โฉมเป็นคนรอบคอบ นางจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองถึงแม้ว่าจะมีเงินถุงเงินถังก็ตามแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความขยันของโฉมน้อยลง เช่นเดียวกับกรสามีของนาง
" คุณโฉมคะ คุณชัยมาพบค่ะ " คนรับใช้รายงานให้นางรู้
" ชัยมาหาฉัน สงสัยวันนี้ฝนคงจะตกหนัก ร้อยวันพันปีไม่เคยเหยียบมาที่นี่เลย รีบไปเชิญขึ้นมาบนบ้าน อย่าลืมอาหารว่างด้วยล่ะ " นางสั่งเด็กในบ้าน แล้วลุกจากเก้าอี้ โฉมเดินไปที่ห้องรับแขกท่าทางสง่างามถึงแม้เวลาจะผันผ่านแต่ใบหน้าของนางก็ยังดูอ่อนกว่าวัย นางยังสวยเหมือนเดิมถึงแม้วัยจะล่วงเลยมาถึงเลขสี่แล้วก็ตาม
" สวัสดีค่ะ ป้าโฉม "
" สวัสดีค่ะ คุณโฉม " พิศมัยยกมือไหว้ ผู้อาวุโสกว่า
" หลานรักของป้า คิดถึงจังเลยลูก แล้วนี่มีอะไรกัน พิศมัยกับชัยถึงได้มาเหยียบบ้านฉันได้ " นางกอดหลานสาวอันเป็นที่รักแล้วมองพิศมัยกับชัยอย่างแปลกใจ
" คือว่า เรื่องมันยาวอยากให้คุณโฉมช่วยหนึ่งกับดิฉันด้วย นึกว่าสงสารหลาน "พิศมัยพูดน้ำเสียงสั่นเครือ
"ผมก็ไม่อยากจะมารบกวนพี่หรอกนะ แต่ว่า ผมมีลูกสาวเพียงคนเดียว ถึงผมจะไม่ค่อยพอใจ และเจ็บใจ " ชัยพูดเสริม
" พ่อ แม่ แต่ว่า หนึ่งไม่จำเป็นต้อง” คนตัวเล็กพยายามอธิบาย แต่ก็ถูกพิศมัยดักไว้ จนเธอได้แต่เงียบ
" ฉันจะเล่าให้คุณโฉมฟังเองค่ะ และมีหลักฐานมาให้ดู หนึ่งไปเตรียมของว่างไป ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการ " พิศมัยสั่งลูกสาวเสียงเรียบเฉียบขาด ร่างบอบบางเลยต้องเดินเข้าไปในครัวตามที่มารดาบอกอย่างขัดไม่ได้
ภายในห้องรับแขก ผู้หลักผู้ใหญ่นั่งหน้าตึงเครียด และพิศมัยก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้โฉมฟัง พร้อมกับโชว์หลักฐานที่นางไปเอามาจากศักดิ์เพื่อนสนิทของหนึ่งให้โฉมดู จนโฉมถึงกับหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ที่มากไปกว่านั้น บุคคลที่มาทำอนาจารหลานของโฉม คือ เด็กผู้ชายในอดีตที่นางเคยเลี้ยงดูและรักเหมือนลูก แต่สำหรับเด็กชายคนนั้นกับรู้สึกกับโฉมมากกว่าแค่พี่เลี้ยงเมื่อเด็กชายแตกเนื้อหนุ่ม ชื่อของมายด์ซันทำให้โฉมสะอึก นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่เติบโตมาในครอบครับที่เพี้ยบพร้อมไปทุกอย่าง จะทำเรื่องเลวร้ายกับผู้หญิงตัวเล็กๆได้ลงคอ โฉมจึงบอกให้ชัยกับพิศมัยกลับบ้านไปก่อน นางขอคิดว่าจะช่วยยังไง คนนึงก็หลานสาวที่รักอย่างกับลูกในไส้ อีกคนนึงก็รักเหมือนน้องชายแท้ๆ โฉมสีหน้าตึงเครียด เดินวนไปวนมาครุ่นคิดตลอด อยากเอาเรื่องราวทั้งหมดไปปรึกษาสามี แต่ทว่า สามีนางก็มีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว โฉมนอนคิดอยู่ทั้งคืนจนนางคิดได้ว่า นางจะไปหามายด์ซันที่กรุงเทพ ด้วยตัวนางเองและจะเจรจาขอร้องให้ซันรับผิดชอบหลานสาวของนาง นางมั่นใจว่าหลานสาวของนางจะทำให้ซันลืมความเจ็บช้ำในอดีต และใช้ชีวิตคู่กับหญิงสาวอย่างหนึ่งได้ดี ทั้งนี้เพราะความน่ารักของหนึ่งบวกกับนางรู้จักนิสัยซันดีกว่าใคร ทันใดนั้นนางก็ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ
ร่างสูงใบหน้าสุขุมกำลังเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับหุ้นส่วนอีกหลายคนที่เดินตามกันออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
" คุณซันคะ มีคนมาขอพบค่ะ " เลขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก
" ได้นัดไว้หรือเปล่า"
" เปล่าค่ะ คุณผู้หญิงที่มาขอพบบอกว่า ชื่อโฉมค่ะ เธอบอกว่าคุณซันรู้จักดี " ชื่อที่เลขาบอกให้เจ้านายทราบทำให้ซันถึงกับนิ่งเงียบ สีหน้าเรียบตึงเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่เพราะแววตาที่ดุดันของเขา
" คุณซันคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ จะให้ดิฉันเชิญเข้าไปมั้ยคะ " เลขาถามอีกครั้ง
"เชิญคุณผู้หญิงให้เข้ามาพบผมเลย แล้วอย่าให้ใครมารบกวน" น้ำเสียงเข้มสั่งกำชับกับเลขา
ไม่นานการเผชิญหน้าของอดีตผู้หญิงที่เขาหลงรักและไม่มีวันลืมเลือนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้ามายด์ซันด้วยท่าทางสง่างาม ดวงหน้าที่อ่อนกว่าวัยเสมอ ซันรีบเดินเข้าไปใกล้แล้วโผลกอดโฉมไว้ด้วยความคิดถึงตลอดระยะเวลาเป็นสิบปีที่ไม่ได้เจอและติดต่อ
"ผมคิดว่า ผมจะไม่มีโอกาสได้เจอพี่อีกแล้ว "
" พี่ก็คิดถึงคุณซันค่ะ ไหนดูซิคะ เป็นหนุ่มหน้าตาหล่อคมคายสาวๆพากันหลงแน่ๆ " นางพิจารณาใบหน้าของคนตัวสูง
" นั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องมากมาย อยากเล่าให้พี่ฟังตอนผมอยู่อิตาลี "ซันรีบประคองพี่โฉมของเขาไปนั่ง ส่วนเขานั่งฝั่งตรงข้าม
" ที่พี่มาขอพบคุณซัน เพราะพี่มีเรื่องขอร้อง "
" อ่องันเหรอครับ ถ้าพี่ไม่มีเรื่อง พี่โฉมคงไม่คิดจะมาพบผมใช่มั้ย "
" เอ่อ" โฉมพูดติดขัด
" มีอะไรครับ "
" แต่งงานกับหนึ่งได้มั้ยคะ รับผิดชอบเธอ "
" อะไรนะครับ!! ยัยตัวแสบไปเกี่ยวอะไรด้วย แล้วพี่ไปรู้เรื่องยัยเด็กใจแตกนั่นได้ยังไง " เขาพูดเสียงดัง
"หนึ่งเป็นหลานพี่เองค่ะ"
" ยัยตัวแสบนั่นเป็นหลานพี่เหรอ!! ไม่จริง!!ผมไม่เชื่อ!! พี่หลอกผม อาจเป็นแค่คนรู้จักแล้วขอร้องให้พี่มาพูดให้ใช่มั้ย มันเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ว่าพี่จะพูดขอร้องอะไร ผมคงรับผิดชอบเด็กนั่นไม่ได้ ผมไม่ได้เอ็นดูเด็กนั่น คนเดียวที่ผมรู้สึกดีด้วยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปีก็ตาม ผมยังรู้สึกดีกับพี่เสมอ " เขาเดินเข้าไปใกล้โฉม เขายื่นมือคว้าจับมือของอดีตพี่เลี้ยงไว้แน่นแทนความรู้สึกที่มี
" คุณซัน พี่ยังรู้สึกกับคุณซันเหมือนเดิม คุณซันก็เหมือนน้องชายพี่ พี่ขอร้องรับผิดชอบยัยหนึ่งเถอะนะคะ " โฉมค่อยๆดึงมือนางออกจนเป็นอิสระ
" ผมรับผิดชอบเด็กคนนั้นไม่ได้ ผมเสียใจ "
" ถ้าอย่างนั้น เจอกันที่สถานนีตำรวจนะค" รูปร่างสมส่วนเดินไปคว้ากระเป๋าแล้วกำลังก้าวเดินอกกจากห้องทำงานของซัน แต่ทว่าคำพูดของโฉมทำให้ซันครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจะใช้ความใกล้ชิดของยัยตัวแสบเป็นสะพานเชื่อมไปหาโฉมอีกครั้ง
"เดี๋ยวครับ!! ผมตกลงรับผิดชอบเด็กนั่น แต่มีข้อแม้ คนในครอบครัวผมหรือแม้แต่สังคมจะต้องไม่รู้เรื่องของผมกับยัยตัวแสบ ถ้าคุณย่ากับคุณปู่รู้ว่าผมทำเรื่องเลวๆกับผู้หญิงที่ยังไม่จบมอปลาย พี่ก็รู้ว่าทวีจิระไพศาสเห็นชื่อเสียงสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ในเมื่อพี่ปกป้องหลานสาว ผมก็ต้องปกป้องชื่อเสียง”
"คุณซันหมายความว่ายังไง "
"ผมจะจดทะเบียนสมรส หลานพี่ต้องย้ายมาอยู่คอนโดผม "
"แล้วแต่งงานล่ะคะ”
“ก็ค่อยแต่ง ถ้าผมกับหลานสาวพี่อยู่กันยืด บังเอิญรักกัน แต่งช้าหน่อยก็คงไม่เป็นไร”
