บทที่ 3
การีมพาเธอเดินทางบนดินแดนทะเลทรายที่เวิ้งว้างมาได้พักใหญ่ ตะวันก็เริ่มต่ำลง แสงแดดที่เคยแผดจ้าเริ่มคลายความร้อน หลังจากนั้นไม่นานมุกปรินทร์ก็มองเห็นภาพความเขียวขจี ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ มาแทนที่ภาพทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาที่เธอเห็นก่อนหน้านี้
ตอนแรกนึกว่ามันเป็นภาพลวงตา จนกระทั่งการีมพาเธอไปสัมผัสและดื่มด่ำกับแอ่งน้ำใสเย็น ซึ่งอยู่ใกล้กับแมกไม้นานาชนิดที่ขึ้นเรียงรายอยู่รอบบริเวณนั้น เพียงแค่มองภาพเหล่านั้นก็ทำให้มุกปรินทร์ลืมภาพความทุรกันดารบนดินแดนทะเลทรายที่ผ่านมาด้วยความยากลำบากไปจนหมดสิ้น
เขาพาเธอไปนั่งบนโขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านข้างแอ่งน้ำนั้น มุกปรินทร์เหลือบไปเห็นบาดแผลที่แขนของเขา
“คุณได้รับบาดเจ็บ”
“อย่าห่วงเลยผมไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“ให้ฉันทำแผลให้คุณนะคะ”
การีมพยักหน้าแทนคำตอบ
มุกปรินทร์สำรวจร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของเขาอย่างเบามือ การต่อสู้อย่างดุเดือดกับชายฉกรรจ์พวกนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหลายที่ รอยแผลตามใบหน้าและลำตัวที่เขาได้รับนั้นล้วนมาจากการต่อสู้แทบทั้งสิ้น แต่บาดแผลที่หนักหนาที่สุดดูเหมือนจะเป็นแผลจากคมมีดที่แขนของเขา
“เลือดคุณไหลไม่หยุดเลย” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความวิตกกังวล
“แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก หนักกว่านี้ผมก็เคยเจอมาแล้ว ฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง”
“แผลฉกรรจ์ขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรได้อีกเหรอคะ คุณรอฉันเดี๋ยวนะ”
มุกปรินทร์เดินไปที่แอ่งน้ำใสสะอาดและนำผ้าเช็ดหน้าที่เธอชอบพกติดตัวมาชุบน้ำ เพื่อนำมาชำระล้างบาดแผลของเขา เธอใช้เวลาอยู่นานพอควรในการจัดการกับแผลตามร่างกายเขา ที่ยากที่สุดคือการพยายามห้ามเลือดจากบาดแผลที่ถูกฟัน หลังจากใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่เธอก็ห้ามเลือดได้สำเร็จ หญิงสาวนำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไปซักจนสะอาดจากนั้นก็นำกลับมาพันบาดแผลที่แขนซ้ายของเขาเอาไว้
การีมจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวในระยะประชิด ขณะที่เธอกำลังบรรจงทำแผลให้เขา ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าเธอทั้งที่เพิ่งจะเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่สุดท้ายเขาก็นึกออกว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาเคยช่วยเหลือไว้ตอนที่เธอกำลังจะถูกรถชน ก่อนที่เขาจะนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลและจากมาโดยไม่บอกกล่าว
“ขอโทษนะคะ” มุกปรินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากทำแผลเสร็จ
การีมเลิกคิ้วพร้อมกับเอ่ยถาม “สำหรับอะไร!”
“ที่คุณต้องบาดเจ็บเช่นนี้ก็เพราะฉันเป็นต้นเหตุ”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ฉันก็อดรู้สึกผิดต่อคุณไม่ได้อยู่ดี”
“เรื่องมันผ่านไปแล้วคุณอย่าเก็บมาเป็นกังวลเลย อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แผลแค่นี้ไกลหัวใจนัก”
“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคุณ ฉันคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้”
“ไม่เป็นไร ไม่ว่าใครที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือคุณอยู่แล้ว”
“ไม่เสมอไปหรอกค่ะ”
“ทำไมคุณถึงโดนพวกมันตามล่า ไปมีปัญหาอะไรกับใครมาหรือเปล่า”
“ฉันเดินทางมาที่นี่พร้อมกับคณะทัวร์ ขณะที่กำลังนั่งพักกันอยู่นั้นพวกมันก็ปรากฏตัวขึ้น เพื่อเข้ามาปล้นทรัพย์สินเงินทองและของมีค่า ทุกคนต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดกันไปคนละทิศคนละทาง โชคดีที่ฉันรอดมาได้เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคุณ และก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะโชคดีเหมือนฉันหรือเปล่า”
“น่าแปลกที่คณะทัวร์ของคุณเลือกมาเส้นทางนี้ พวกเขาน่าจะรู้ว่ามันไม่ค่อยจะปลอดภัยสักเท่าไรนัก เพราะเคยมีคนถูกฆ่าชิงทรัพย์มาแล้ว แม้จะไม่บ่อยนักก็ตาม”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เขาอาจจะเคยใช้เส้นทางนี้อยู่เป็นประจำ และที่ผ่านมาคงไม่มีปัญหาอะไรก็เลยเลือกใช้เส้นทางเดิม เพียงแต่ครั้งนี้โชคร้ายที่เราถูกดักปล้น”
“ในดินแดนทะเลทรายคงไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกที่ล้วนมีอันตรายที่แตกต่างกันออกไป”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางมาที่นี่”
“แย่หน่อยนะ เดินทางมาเที่ยวซามาร์ครั้งแรกคุณก็ต้องมาพบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้”
“ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ยังมีเรื่องดีดีให้จดจำ”
“หมายถึงเรื่องอะไร?” คิ้วเข้มขมวดมุ่น
“ก็ที่ฉันได้พบคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นอย่างคุณไงคะ ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของฉัน และฉันจะไม่มีวันลืมความช่วยเหลือของคุณในครั้งนี้เลยค่ะ ถ้ามีอะไรที่ฉันจะทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณได้ก็บอกฉันนะคะ”
“อย่าถือเป็นบุญคุณเลย ที่ผมทำลงไปไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน”
“ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยค่ะ”
“เรียกผมว่าการีม แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
“มุกปรินทร์ค่ะ ถ้าออกเสียงยากเรียกมุกก็ได้นะคะง่ายดี”
“ทำไมคุณถึงเลือกมาเที่ยวที่ซามาร์”
“พี่ชายของฉันเขาทำงานอยู่ที่นี่ค่ะ ก็เลยตั้งใจว่าหลังจากเที่ยวเสร็จแล้วจะแวะไปพักอยู่กับพี่เมฆ แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเดินทางมาซามาร์”
การีมย้อนถามว่าพี่ชายของเธอทำงานอะไร และต้องแปลกใจเมื่อได้ยินคำตอบ
“พี่เมฆเป็นวิศวกรทำงานให้กับบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง อันที่จริงฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องงานของเขาสักเท่าไร รู้แค่ว่าพี่เมฆทำงานในบริษัทน้ำมันในเครือชาลีฟาห์กรุ๊ป”
“ชาลีฟาห์กรุ๊ป!”
“ใช่แล้วค่ะ คุณรู้จักเหรอคะ”
รู้จักสิ...รู้จักดีซะด้วย
ก็เขานี่ล่ะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัททั้งหมดในเครือชาลีฟาห์กรุ๊ปที่เธอเอ่ยถึง
ไม่น่าเชื่อว่าพี่ชายของเธอจะทำงานอยู่ภายใต้เครือข่ายธุรกิจของเขา การีมยังไม่คิดที่จะบอกเธอถึงเรื่องนี้ บอกแต่เพียงว่าเขาสามารถพาเธอไปพบกับพี่ชายของเธอได้
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ ผมจะโกหกคุณทำไม”
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็วิเศษไปเลยค่ะ”
มุกปรินทร์ตัดสินใจที่จะเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วยความเต็มใจ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องเดินทางรอนแรมในดินแดนทะเลทรายที่ไม่คุ้นชินแต่
