บทที่ 3 ผู้หญิงคนนั้น
“ไงครับทุกคนอาหารมื้อกลางวันอร่อยมั้ยครับ”
สิงหวัตเดินเข้ามายังห้องพักนักกีฬาชั้นล่างของสโมสรที่ตอนนี้นักเตะของสโมสรทุกคนอยู่รวมตัวกันครบทีม
“อร่อยมากครับ ถ้าไม่กลัวว่าเดี๋ยวจะลงซ้อมได้ไม่เต็มที่เพราะกลัวว่าจะจุกผมคงอัดให้เต็มกระเพาะมากกว่านี้” เสียงนักเตะในทีมคนหนึ่งพูดขึ้นเรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนในทีมกันอย่างชอบใจ
“ วันนี้พี่สิงห์จะลงซ้อมกับพวกเราด้วยรึเปล่าครับ”
กัปตันทีมของสโมสรเอ่ยถามชายหนุ่ม เนื่องจากสิงหวัตจะลงเป็นตัวสำรองของทีมเกือบจะทุกนัดที่มีการแข่งขันและการซ้อม
การพ่วงตำแหน่งตัวสำรองของสิงหวัตจะลงเล่นเฉพาะเวลามีเหตุเฉพาะหน้าจริงๆเท่านั้น ชายหนุ่มให้เกียรตินักเตะของตนทุกตำแหน่งให้ได้ลงสนาม อาชีพนักค้าแข้งในตำแหน่งกองหน้าที่ชายหนุ่มถนัดและเป็นตำแหน่งที่ทำเงินให้เขาอย่างมหาศาลในยุโรปก่อนจะกลับมาประเทศไทย ยังคงเป็นเป็นสิ่งที่ทำให้สิงหวัตหลงใหลในกีฬาชนิดนี้ไม่เปลี่ยน
“วันนี้ขอลาครับพอดีผมมีเอกสารที่ต้องเคลียร์ แต่ยังอยู่เป็นกำลังใจให้จนกว่าจะซ้อมกันเสร็จ”
ชายหนุ่มบอกสมาชิกในทีมของตนก่อนจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลในนัดที่กำลังจะมาถึง จนเมื่อถึงเวลาซ้อมของนักเตะ สิงหวัตจึงกลับเข้าห้องทำงานของตนเอง
“พี่เกริกครับร้านอาหารที่เราเลือกให้มาจัดเลี้ยงวันนี้ปกติเราใช้บริการบ่อยมั้ยครับ” สิงหวัตถามเกริกฤทธิ์ที่เดินเข้ามาเอาของในสำนักงานก่อนจะไปดูการฝึกซ้อมของทีม
“ก็ค่อนข้างบ่อยนะครับเวลาเรามีงาน คุณสิงห์มีอะไรรึเปล่าครับ ผมว่าจะถามคุณสิงห์เรื่องเมื่อกลางวันเหมือนกัน ทำไมคุณสิงห์ถึงไม่ให้ผมพูดว่าคุณสิงห์เป็นใคร”
ผู้จัดการหนุ่มถามเจ้านายที่มีอายุน้อยกว่าตนแต่ประสบการณ์ในวงการลูกหนังโชกโชน
“แล้วมีหน้าร้านมั้ยครับ หรือว่ารับแต่จัดเลี้ยงนอกสถานที่” สิงหวัตไม่ตอบคำถามของเกริกฤทธิ์แต่กลับถามในสิ่งที่เขาอยากรู้แทน
“มีหน้าร้านครับเดี๋ยววันหลังผมพาไปถ้าหากคุณสิงห์อยากลองไปนั่งทานที่ร้าน”
“ไปวันนี้แหละครับเดี๋ยวถ้าทีมซ้อมเสร็จก็ไปกัน”
สิงหวัตบอกกับผู้จัดการหนุ่ม ท่าทีเหมือนคนใจร้อนของเจ้านายทำเอาเกริกฤทธิ์ประหลาดใจมากยิ่งขึ้นจนต้องถามออกไป
“คุณสิงห์ติดใจรสอาหารหรือติดใจคนครับ”
เกริกฤทธิ์ตัดสินใจถามออกไปเพราะถ้าหากรู้จุดประสงค์ของชายหนุ่มตรงหน้าเขาจะได้ตั้งรับทัน เวลาที่สิงหวัตส่งสัญญาณอะไรมาให้
“พี่สิงห์คิดว่าอะไรน่าสนกว่ากันล่ะครับระหว่างอาหารกับคน” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานใหญ่พูดพลางยกมุมปากขึ้นยิ้มเบาๆ
“ถ้าหมายถึงคนที่ยืนคอยบริการอาหารตรงบุฟเฟ่ต์เมื่อตอนกลางวันในห้องจัดเลี้ยงล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่าสวยครับ”
เกริกฤทธิ์แสดงความคิดเห็นตามตรงในสิ่งที่เห็น ถ้าหากว่าหญิงสาวที่สิงหวัตสนใจคือคนที่เขาพูด เกริกฤทธิ์ก็ไม่แปลกใจที่ชายวัยอ่อนกว่าเขาคนนี้จะสนใจผู้หญิงคนนั้น เพราะเมื่อตอนกลางวันนี้หญิงสาวคนดังกล่าวก็ถูกนักเตะในทีมขายขนมจีบกันเกือบยกทีม แม้แต่เขาเองก็ยังเผลอมองหล่อนเพลินเป็นบางครั้ง
ร้านอาหาร Lake View Restaurant
“ร้านนี้เหรอครับพี่เกริก”
สิงหวัตหันไปถามเกริกฤทธิ์เมื่อทั้งคู่ขับรถออกจากสโมสรมาถึงร้านที่จิวลดาทำงานอยู่บรรยากาศหน้าร้านร่มรื่นไปด้วยไม้พุ่มที่ชายหนุ่มดูแล้วคงจะร่มรื่นไม่น้อยในตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนแบบนี้ทางร้านก็ประดับไฟกระพริบสีนวลตา ส่งผลให้บริเวณหน้าร้านดึงดูดคนให้มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี
“ร้านนี้แหละครับด้านในจะมีเหมือนทะเลสาบแล้วเป็นระเบียงยื่นออกไป บรรยากาศดีมากครับ”
“แสดงว่ามาบ่อยสิครับ”
สิงหวัตแซวผู้จัดการหนุ่มยิ้มๆ เพราะเขาพึ่งย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยไม่ถึงปีหลังจากจบฤดูกาลแข่งขันที่ยุโรปและหมดสัญญากับต้นสังกัด เลยเลือกที่จะไม่เซ็นสัญญาต่อไม่ว่ากับสโมสรเดิมหรือสโมสรใหม่ที่แข่งกันชิงตัวเขาตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลแข่ง เพราะสิงหวัตรู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับมาทำหน้าที่ของเขาที่ประเทศไทย และพอกลับมาชายหนุ่มก็ลุยงานธุรกิจของครอบครัวอย่างหนักตามที่ได้รับปากบิดาไว้ไปพร้อมๆกับเข้ามาบริหารสโมสรบางกอกธันเดอร์เอฟซี
หกเดือนที่ผ่านมาถือเป็นงานที่หนักสำหรับชายหนุ่ม ดีที่สิงหวัตเรียนจบโทด้านการบริหาร และที่บริษัทบิดาก็มีทีมที่ปรึกษาที่เก่งอยู่แล้วจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเข้ามารับช่วงแทน เพราะในเวลาแค่หกเดือนที่เข้ามาบริหารบริษัท สิงหวัตก็สามารถโชว์ผลงานโดยทำกำไรให้บริษัทในไตรมาสสามให้เพิ่มขึ้นสามเท่าตัว จนได้รับการยอมรับจากผู้ถือหุ้นในการให้นั่งตำแหน่งประธานบริหารแทนผู้เป็นบิดา
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยมีเวลาไปตระเวนดูร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยวใด ๆ มากนัก จะมีก็แต่นัดดื่มกับโรมรันเพื่อนสนิทของเขาที่คบกันตั้งแต่สิงหวัตยังไม่ได้ไปค้าแข้งที่ยุโรปจนตอนนี้เขากลับมาดูแลธุรกิจของครอบครัว ส่วนเพื่อนของเขาก็ก้าวหน้าในอาชีพตำรวจจนได้เป็นรองผู้กำกับแล้ว
“ลองเข้าไปดูข้างในกันดีกว่าครับ” สิงหวัตบอกกับเกริกฤทธิ์แล้วลงจากรถเดินนำหน้าผู้จัดการหนุ่มเข้าไปในร้าน
“สวัสดีค่ะมากันกี่ท่านคะ” เสียงพีอาร์สาวหน้าร้านเอ่ยทักทายสองหนุ่มที่เป็นลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สองที่ครับ”
“ได้ค่ะเชิญลูกค้าด้านในเลยนะคะ”
พีอาร์สาวเดินนำสองหนุ่มไปยังโต๊ะที่ตั้งบนระเบียงที่ยื่นออกไปกลางสระกว้าง สิงหวัตกวาดตามองไปทั่วบริเวณร้านและสอดสายตาหาคนที่ต้องการพบ ก่อนที่สายตาคมจะหยุดอยู่ที่ โต๊ะ ๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มชายล้วนและมีหญิงสาวที่เขาต้องการจะเจอกำลังยืนบริการกลุ่มชายนั้นอยู่ โดยมีคนหนึ่งในชายกลุ่มนั้นกำลังจับแขนจิวลดาแล้วดึงให้นั่งด้วย
“ผมต้องการคุยกับผู้หญิงคนนั้น” สิงหวัตเอ่ยกับพนักงานเสริ์ฟที่มารอรับออเดอร์ พร้อมกับมองไปยังโต๊ะที่จิวลดากำลังยืนบริการอยู่
