บทที่ 2 นักกีฬาคนสุดท้าย
หญิงสาวที่กำลังอยู่ในชุดกางเกงผ้าแนบเนื้อสีดำและเสื้อยืดสีฟ้าตัวใหญ่ปักด้วยโลโก้ของทางร้านที่ทางสโมสรของสิงหวัตใช้บริการ ใบหน้าสดใสเกลี้ยงเกลาที่ตบแป้งเพียงบางเบา ผมยาวที่ถูกรวบไว้ทางด้านหลังแล้วสวมทับด้วยหมวกคลุมผมสำหรับคนที่บริการด้านอาหาร เผยให้เห็นกรอบหน้าที่เรียวสวยจมูกโด่งเป็นสันตามธรรมชาติและริมฝีปากบางที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกเพียงเล็กน้อย แต่ทว่าดวงตาคู่สวยนั้นกลับแดงก่ำจากการร้องไห้สะกดให้สิงหวัตไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้า
“สนุกมั้ยทำงานด้านบริการ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวที่เลี่ยงไปเก็บไลน์บุฟเฟ่ต์อยู่ไม่ไกลนัก พร้อมตักอาหารที่จิวลดายกมาให้ใส่ปากเคี้ยวเบาๆ
“สนุกหรือไม่สนุกฉันก็ต้องทำค่ะ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงิน” จิวลดาตอบกลับคนถามด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เศร้าสร้อย
“รูปร่างหน้าตาอย่างคุณผมว่าหางานอื่นทำได้ไม่ยาก” สิงหวัตลองหยั่งเชิงถามหญิงสาวโดยทำเหมือนกับว่าเรื่องที่คุยกันไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่ในความเป็นจริงชายหนุ่มแอบเก็บทุกรายละเอียดจากสีหน้าและท่าทางของจิวลดาเอาไว้ สิงหวัตไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงสนใจในตัวผู้หญิงนัยน์ตาเศร้าคนนี้นัก ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้รู้จักอะไรเธอเป็นการส่วนตัวและครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ
“โอกาสคนเรามันไม่เหมือนกันนี่คะ ฉันไม่ได้มีเส้นสายอะไรที่จะไปแข่งขันกับคนอื่นในยุคที่งานหายากยิ่งกว่าทองคำเสียอีก” จิวลดาตอบชายหนุ่มในขณะที่ยังทำหน้าที่ของเธอในการจัดเก็บอาหารที่เหลือใส่ถุงและเก็บไลน์บุฟเฟ่ต์
สิงหวัตยังหลอกล่อถามเรื่องราวส่วนตัวของจิวลดาโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว จิวลดายังคงตอบทุกคำถามที่ชายหนุ่มเปิดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของเธอโดยไม่ได้เอะใจอะไร
“แสดงว่าเธอก็กำลังหางานอื่นอยู่ ไม่ได้ต้องการทำงานอย่างตอนนี้ไปตลอดใช่มั้ย”
“ถ้ามีโอกาสได้งานที่เงินเยอะใครจะไม่อยากได้ล่ะคะ ฉันก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัวเหมือนกันแต่ถ้ายังไม่ได้ งานที่ทำตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่คะ อย่างน้อยก็ทำให้มีข้าวกิน” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าคำพูดของหญิงสาวช่างฟังเหมือนน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองแต่ก็ยังคงสู้โชคชะตากลับ
“จิว เก็บของเสร็จรึยังเดี๋ยวรถที่ร้านจะมารับแล้วนะ” ผู้จัดการร้านอาหารที่จิวลดาทำงานเดินเข้ามาถามหญิงสาว
“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ พอดีคุณคนนี้เขาเป็นนักกีฬาอีกคนของทีมยังไม่ได้ทานข้าวเพราะพึ่งเข้ามา จิวเลยรอเขาทานเสร็จค่ะส่วนอาหารที่เหลือจิวจัดการใส่ถุงไว้ให้ผู้จัดงานเรียบร้อย”
หญิงสาวบอกคนที่เดินมาถามไถ่ดูความเรียบร้อยของงานในหน้าที่ของเธอ เนื่องจากการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ต้องมีการขนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการจัดเลี้ยงจำนวนมาก ซึ่งงานที่ทางร้านรับวันนี้ถือเป็นงานใหญ่ที่ต้องขนทั้งโต๊ะเก้าอี้ อาหาร จานชามต่าง ๆ ครบชุด พนักงานจึงต้องแยกย้ายกันไปเก็บงานก่อนที่รถของทางร้านจะมารับและขนของกลับ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากด้วยละกันเดี๋ยวพอรถมาถึงจะให้คนมาช่วยขนฮอทดิทลงไปนะ” คนที่เป็นหัวหน้างานเข้ามาสอบถามความเรียบร้อยและกำลังจะเดินกลับออกจากห้องจัดเลี้ยงเมื่อเห็นว่าจิวลดาจัดการงานในหน้าที่เกือบจะเสร็จแล้ว โดยที่ไม่ลืมหันมามองชายหนุ่มที่นั่งทานข้าวเงียบ ๆ ด้วยท่าทีแปลก ๆแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
“อาหารที่เหลือจัดการใส่ถุงให้เรียบร้อยรึยังครับ” เกริกฤทธิ์ผู้จัดการสโมสรเดินเข้ามาสอบถามก่อนที่ผู้จัดการร้านอาหารจะทันได้เดินพ้นประตูออกไป
“อ๋อ เรียบร้อยค่ะพนักงานเราจัดการใส่ถุงไว้ให้เรียบร้อย คุณเกริกฤทธิ์จะให้เอาไปไว้ให้ตรงไหนดีคะ”
“เอาไว้ในห้องนี้ก่อนครับเดี๋ยวผมจะให้ รปภ.เขาขึ้นมาเอากันเอง” เกริกฤทธิ์บอกกับพนักงานของทางร้าน
“ได้ค่ะเดี๋ยวถ้านักกีฬาท่านนั้นทานเสร็จทางเราก็จะขออนุญาตขนของกลับเลยนะคะ แล้วค่าใช้จ่ายวันพรุ่งนี้จะมาวางบิลเหมือนเดิมค่ะ”
“นักกีฬาคนไหนครับที่ยังทานไม่เสร็จ” เกริกฤทธิ์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะตอนนี้นักกีฬาทุกคนของสโมสรกำลังพักอยู่ในห้องพักนักกีฬาเพื่อรอลงฝึกซ้อมในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าที่จะถึงนี้ เกริกฤทธิ์แน่ใจว่านักกีฬาที่อยู่ในห้องพักด้านล่างอยู่กันครบทุกคนเพราะเขาพึ่งลงไปเช็คจำนวนนักกีฬามาเมื่อสักครู่ก่อนจะขึ้นมาที่นี่”
“ก็คนนั้นไงคะที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่”
เมื่อมองตามมือของผู้จัดการร้านอาหารที่ชี้ไปยังคนที่นั่งทานข้าว เกริกฤทธิ์ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อคนที่กำลังนั่งทานอาหารคือเจ้าของสโมสรและเป็นเจ้านายของตนเองซึ่งตอนแรกแจ้งว่าจะเข้ามาดูการฝึกซ้อมของทีมในครึ่งหลัง แต่ตอนนี้กลับนั่งทานข้าวอยู่คนเดียวในห้องจัดเลี้ยง เกริกฤทธิ์จึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเจ้านายหนุ่มทันที
“เอ่อ ..คุณสิง…”
ไม่ทันที่เกริกฤทธิ์จะได้เอ่ยทักทายอะไรออกไป คนเป็นเจ้านายก็ส่งสายตาดุมาให้หยุดพูด
“สวัสดีครับผู้จัดการ ขอโทษด้วยนะครับที่ผมมาช้า ตอนนี้เพื่อนในทีมอยู่ข้างล่างใช่มั้ยครับผมจะได้ตามไปสมทบ”
หลังจากส่งสายตาปรามไม่ให้เกริกฤทธิ์เอ่ยอะไรเกี่ยวกับตนเองออกมา สิงหวัตก็เป็นฝ่ายทักทายผู้จัดการหนุ่มแทน
“เอ่อ”
เกริกฤทธิ์เหมือนคนเป็นใบ้ที่ไม่รู้จะตอบสิงหวัตยังไง เพราะยังงงกับการกระทำของเจ้านายหนุ่ม แต่สายตาเข้มที่ส่งย้ำมาเป็นรอบที่สองทำให้เกริฤทธิ์จำต้องเล่นไปตามน้ำ
“ ใช่ รีบทานแล้วรีบลงไปเตรียมตัวด้านล่างอีกหนึ่งชั่วโมงจะได้เวลาซ้อมแล้ว”
เมื่อเห็นว่าคนที่ตนพยายามส่งสัญญาณให้เริ่มเข้าใจสถานการณ์ สิงหวัตจึงรวบช้อนวางบนจานแสดงให้รู้ว่าอิ่มแล้วก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วหันมาบอกจิวลดาที่ยืนรอเก็บจานให้เขา
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ แล้วเจอกัน” ชายหนุ่มเน้นหนักในประโยคสุดท้ายระหว่างที่เดินมาใกล้หญิงสาวก่อนจะเดินออกจากห้องไป
